หวังตลาดคึกคัก หลัง ROADMAP เลือกตั้งชัดเจน
HORIZON MARKET VIEW
• ความคาดหวังในการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกของ FED ในการประชุมรอบวันที่ 17 ก.ย. 68 มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเกือบ 100% (เดิม 80%) ด้วยหลายปัจจัยเข้ามารุมล้อม
• เริ่มจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ส่งสัญญาณอ่อนแอ สะท้อนจากตัวเลขตำแหน่งงาน ว่างเปิดใหม่จาก JOLTS เดือน ก.ย. 68 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน อีก ประเด็นหนึ่ง คือ แรงกดดันจากเงินเฟ้อมีโอกาสแผ่วเบาลง หลังราคาน้ำมันดิบ WTI เฉลี่ยที่ชะลอตัว -7%YOY
• ขณะที่ไทย บ่ายนี้รอจับตาตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ส.ค. 68 โดย CONSESUS คาดการณ์ว่าจะเห็นการหดตัวต่อเนื่อง -0.7%YOY ซึ่งประเด็นเงินเฟ้อไทยที่อยู่ใน ระดับต่ำเช่นนี้ ไม่น่าเป็นอุปสรรคต่อการปรับลดดอกเบี้ยในบ้านเรา
REGION RALAR
• เดือน ก.ย. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เฉลี่ยมักลบเกิน -2% แต่ประเทศอื่นๆ ลดลง -0 ถึง -1% กว่าๆ หากดูเป็นรายประเทศ ส่วนใหญ่เดือน ก.ย. หุ้นก็ตกอยู่ในระดับ 1 –3 อันดับแรก ที่สำคัญปีที่ ตลาดหุ้นบวกมา 5 เดือน ติด อย่างปี 2020 กับ 2021 มีโอกาสปรับตัวลง -3% ถึง -4%
• การลงทุนใน INVERSE ETF อาจเป็นอีกแนวทางที่น่าสนใจในสภาวะ การลงทุนช่วงขาลง ช่วยลดความผันผวนพอร์ต ในยามที่สภาวะ ตลาดหุ้นโลกผันผวนได้
THAI FOCUS
• พรรคประชาชนประกาศมีมติโหวตคุณอนุทิน เป็นนายกฯในวันที่ 5 ก.ย.68 ตาม 5 ข้อตกลงร่วมกัน(MOU) ระหว่างทั้ง 2 พรรค โดย เป้าหมายหลัก คือ การผลักดันให้ประเทศเข้าสู่การเลือกตั้งใหม่และ กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยเร็ว
• ซึ่งประเด็นสำคัญที่ต้องจับตา คือ เส้นตาย 4 เดือน และการแก้ รัฐธรรมนูญ ว่าจะเป็นไปอย่างราบรื่นหรือไม่ โดยคาดเลือกตั้งใหม่เร็ว สุด = ก.พ. 2569 (ถ้ายุบสภา ธ.ค. 2568) ช้าที่สุด = กลางปี 2569 (ถ้าประชามติหรือขั้นตอน รธน. ล่าช้า)
SYNAPSE STRATEGY
• เวลามีการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ตลาดหุ้นมักจะปรับตัวขึ้นได้ดี อาจเหมือน ตลาดหุ้นเกาหลีใต้หลังเลือกตั้ง ปธน. มา 3 เดือน (มิ.ย. - ส.ค. 68) ปรับตัวขึ้นมาแรงกว่า 18% อีกทั้งTIMELINE เลือกตั้งปี 69 มีทั้งเลือกนายกฯ กับผู้ว่ากทม. มาบรรจบกันพอดีในรอบ 30 ปีน่าจะ คึกคักเป็นพิเศษกว่าปีอื่นๆ
• กลยุทธ์แนะนำ หุ้นสื่อโฆษณา PLANB, BEC หุ้นจับจ่ายใช้สอย (รับ นโยบายประชานิยม) CPALL, BJC, CPN หุ้นรับนโยบายการเงิน สนับสนุน MTC, SAWAD, TIDLOR
HORIZON MARKET VIEW
ปูทางสู่ดอกเบี้ยขาลง
ความคาดหวังในการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกของ FED ในการประชุมรอบวันที่ 17 ก.ย. 68 มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น เกือบ 100% (เดิม 80%) ด้วยหลายปัจจัยเข้ามารุมล้อม
เริ่มจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ส่งสัญญาณอ่อนแอ ล่าสุดสะท้อนจากตัวเลขตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS เดือน ก.ย. 68 อยู่ที่ 7.18 ล้านตำแหน่ง ต่ำกว่าตลาดคาดและลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน นอกจากนี้ ตัวเลขตลาดแรงงานที่สหรัฐฯ จะประกาศในวันศุกร์ยังดูน่าเป็นห่วง โดย CONSENSUS คาดเดือน ส.ค. 68 การ จ้างงานนอกภาคการเกษตรจะอยู่ที่ 75,000 ราย (ต่ำแสน 4 เดือนติดต่อกัน) ส่วนอัตราการว่างงานมีแนวโน้ม เพิ่มขึ้นเป็น 4.3%
อีกประเด็นหนึ่ง คือ แรงกดดันจากเงินเฟ้อมีโอกาสแผ่วเบาลง หลังราคาน้ำมันดิบ WTI เฉลี่ยที่ชะลอตัว-7%YOY ล่าสุดมีกระแสข่าวจากรอยเตอร์ว่า OPCE+ อาจพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมวันอาทิตย์ที่ 7 ก.ย. 68เพื่อชิงส่วนแบ่งในตลาด
ขณะที่ไทย บ่ายนี้รอจับตาตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ส.ค. 68โดย CONSESUS คาดการณ์ว่าจะเห็นการหดตัวต่อเนื่อง -0.7%YOY ส่วน CORE CPI อาจชะลอตัวลงเหลือ +0.78%YOY ซึ่งประเด็นเงินเฟ้อไทยที่อยู่ในระดับต่ำเช่นนี้ ไม่ น่าเป็นอุปสรรคต่อการปรับลดดอกเบี้ยในบ้านเรา
นอกจากนี้ยังความกังวลจากภาคการผลิตสหรัฐฯ ที่หดตัวต่อเนื่อง 6 เดือน โดยล่าสุด PMI MANUFACTURING สหรัฐฯ เดือน ส.ค. 68 อยู่ที่ระดับ 48.7 จุด ซึ่งยังอยู่ในโซนซบเซา (PMI < 50) และยังต่ำกว่า ตลาดคาดที่ 49จุด
REGION RADAR
INVERSE ETF มีความน่าสนใจ ช่วยลดความผันผวนพอร์ต ในสภาวะการลงทุนช่วงขาลง
เดือน ก.ย. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เฉลี่ยมักลบเกิน -2% แต่ประเทศอื่นๆ ลดลง -0 ถึง -1% กว่าๆ หากดูเป็นรายประเทศ ส่วนใหญ่เดือน ก.ย. หุ้นก็ตกอยู่ในระดับ 1 – 3 อันดับแรก ที่สำคัญปีที่ตลาดหุ้นโลกบวกมา 5 เดือนติด อย่างปี 2020 กับ 2021 จะมีโอกาสปรับตัวลงแรง -3% ถึง -4%
เนื่องจากการลงทุนในเดือนนี้มีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง รอดูตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐ, เงินเฟ้อ และโอกาส การลดดอกเบี้ยครั้งแรกของสหรัฐในปีนี้ซึ่งการลงทุนใน INVERSE ETF อาจเป็นอีกแนวทางนึงที่น่าสนใจช่วยลด ความผันผวนให้กับพอร์ตการลงทุน ในสภาวะการลงทุนช่วงขาลง โดยนักลงทุนไม่จำเป็นต้องขายหุ้นในพอร์ต ออก แต่ซื้อ INVERSE ETF เสริมเข้าไป ก็สามารถสร้างผลตอบแทนในสภาวะที่ตลาดปรับตัวลงได้เช่นกัน อีกทั้ง INVERSE ETF ยังมีการ LEVERAGE หลายระดับ 1X, 2X, 3X อาทิ REX คือ ETF ที่มีการไป SHORT ดัชนี DOW JONES REAL ESTATE ที่มี LEVERAGE 1 เท่า, SRS คือ ETF ที่มีการไป SHORT ดัชนี DOW JONES REAL ESTATE ที่มี LEVERAGE 2 เท่า และ SQQQ คือ ETF ที่ SHORT ดัชนี S&P500 ด้วย LEVERAGE 3 เท่า ซึ่ง เปรียบเสมือนการถือ SHORT POSITION ในดัชนีต่างๆ
ส่วน DR เด่น วันนี้ เลือกหุ้นผันผวนต่ำมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว POPMART80 กระแส LABUBU ได้รับความนิยม เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พร้อมเปิดตัว PRODUCT ใหม่ LABUBU MINI และยังแนะเก็งกำไร AAPL80 เตรียมรับการเปิดตัว IPHONE17 วันที่ 9 ก.ย. นี้
หากนักลงทุนสนใจซื้อ INVERSE ETF สามารถติดต่อ MARKETING เปิดพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศกับ ASIAPLUS ผ่านช่องทางต่างๆ FACEBOOK (ASIAPLUS GROUP), อีเมล GLOBAL@ASIAPLUS.CO.TH หรือติดต่อเบอร์ 02–680-1622 และ 0
THAI FOCUS
เตรียมรู้ตัวนายกฯคนที่ 32 ของไทย และ TIMELINE ที่ชัดเจนของการเลือกตั้งครั้งใหม่
สถานการณ์ทางการเมืองไทยมีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หลังพรรคประชาชนประกาศมีมติโหวตคุณอนุทิน เป็น นายกฯในวันที่ 5 ก.ย.68(ตามการเผยแพร่รายละเอียดว่าที่ประชุมสภาฯ ได้บรรจุวาระ “เรื่องด่วนที่ 8”) ซึ่ง 5 ข้อตกลงร่วมกัน(MOU)ระหว่างทั้ง 2 พรรค คือ 1.ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน 2.จัดประชามติเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ (กรณีต้องมีประชามติ) 3.เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ (หากไม่ต้องมีประชามติ) 4.พรรคภูมิใจไทยห้ามทำให้รัฐบาลมี เสียงข้างมาก 5.พรรคประชาชนยังคงเป็นฝ่ายค้าน และไม่เข้าสู่รัฐบาล โดยเป้าหมายหลัก คือ การผลักดันให้ ประเทศเข้าสู่การเลือกตั้งใหม่และกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยเร็ว
ซึ่งหากพิจารณา TIMELINE ของการเลือกตั้งใหม่ มีโอกาสดำเนินการตามช่วงเวลา ดังนี้
เดือนที่ 1 (ก.ย. 2568 – หลังโหวตนายกฯ)
• นายกรัฐมนตรีใหม่ (นายอนุทิน) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ภายใน 15 วันหลังได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง และเริ่มกระบวนการ พิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เดือนที่ 2 (ต.ค. 2568)
• หากต้องทำประชามติ : ออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดวันประชามติ → จัดให้เสร็จภายใน 90 วัน
• หากไม่ต้องทำประชามติ : เสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสภา (ใช้เวลาอย่างเร็ว 1 เดือนในการ พิจารณา 3 วาระ)
เดือนที่ 3 (พ.ย. 2568)
• กรณีมีประชามติ→ลงประชามติแก้ไข รธน.
• กรณีไม่ต้องประชามติ→ ผ่านวาระ 3 แล้วตั้ง “สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)”
เดือนที่ 4 (ธ.ค. 2568)
• ยุบสภาฯ ตามข้อตกลง (กรอบ 4 เดือนหลังแถลงนโยบาย)
• ออก พ.ร.ฎ. ยุบสภา → กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปภายใน 45–60 วัน (ตามกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ม. 102)
การเลือกตั้งใหม่
• หากยุบสภาธ.ค. 2568 → วันเลือกตั้งทั่วไปจะอยู่ประมาณ ก.พ. – มี.ค. 2569
• จากนั้น กกต. รับรองผลการเลือกตั้งภายใน 60 วัน → รัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้งจะเข้ามารับหน้าที่ ประมาณ เม.ย. – พ.ค. 2569
ซึ่งประเด็นสำคัญที่ต้องจับตา คือ
• เส้นตาย 4 เดือน → ถ้าไม่ยุบสภาตามกำหนด ข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคประชาชน-ภูมิใจไทยจะเสีย ความชอบธรรม
• การแก้รัฐธรรมนูญ → ถ้าต้องทำประชามติอาจกินเวลามากกว่า 4 เดือน → รัฐบาลอาจยุบสภา ก่อน แล้วให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการต่อ
• เลือกตั้งใหม่เร็วสุด = ก.พ. 2569 (ถ้ายุบ ธ.ค. 2568) ช้าที่สุด = กลางปี 2569 (ถ้าประชามติหรือ ขั้นตอน รธน. ล่าช้า)
SYNAPSE STRATEGY
เลือกตั้งปี 69 อาจคึกคักเป็นพิเศษ SENTIMENT ดีต่อตลาดฯ
เวลามีการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ตลาดหุ้นมักจะปรับตัวขึ้นได้ดี อาจเหมือน ตลาดหุ้นเกาหลีใต้หลังเลือกตั้ง ปธน. มา 3 เดือน (มิ.ย. - ส.ค. 68) ปรับตัวขึ้นมาแรงกว่า 18% อีกทั้ง TIMELINE เลือกตั้งปี 69 มีทั้งเลือกนายกฯ กับผู้ว่ากทม. มาบรรจบกันพอดีในรอบ 30 ปี น่าจะคึกคักเป็นพิเศษกว่าปีอื่นๆ
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ :
▪ หุ้นสื่อโฆษณา ที่จะมีการจัดงานเลือกตั้งซ้อนกัน ทั้งเลือกนายกฯ และผู้ว่ากทม. PLANB, BEC
▪ หุ้นจับจ่ายใช้สอย (รับนโยบายประชานิยม) CPALL, BJC, CPN
▪ หุ้นรับนโยบายการเงินสนับสนุน MTC, SAWAD, TIDLOR
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์