Today’s NEWS FEED

News Feed

DDproperty ชี้ คนอยากมีบ้านต้องรู้! EIA สำคัญอย่างไรเมื่อคิดซื้อที่อยู่อาศัย

77

 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(1 กันยาย 2568)-----การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยหลังใหม่ นอกจากผู้บริโภคจะให้ความสำคัญกับการพิจารณาทำเลที่ตั้ง ราคา และการออกแบบแล้ว มีอีกหนึ่งปัจจัยที่หลายคนอาจละเลย แต่แท้จริงแล้วมีความสำคัญอย่างยิ่งคือโครงการต้องผ่าน 
EIA ด้วยเช่นกัน นอกจากจะเป็นเอกสารทางกฎหมายที่จำเป็นต้องมีแล้ว การผ่าน EIA ยังเป็นเสมือนเครื่องหมายรับรองที่ช่วยให้ผู้ซื้อสบายใจได้ในระดับหนึ่งว่า โครงการนั้นได้รับการพิจารณาและออกแบบมาเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบข้างอย่างเหมาะสม

 

EIA สำคัญอย่างไรเมื่อซื้อบ้านใหม่ 

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ ของไทย ชวนคนหาบ้านมาทำความเข้าใจความสำคัญของ EIA ว่าเกี่ยวข้องกับการวางแผนซื้อที่อยู่อาศัยอย่างไรบ้าง EIA หรือ "รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment)" เป็นรายงานที่ภาครัฐและเอกชนจำเป็นต้องจัดทำขึ้นก่อนการก่อสร้างบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม และโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่แทบทุกประเภท และยื่นไปยังสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ให้พิจารณา ส่วนในกรุงเทพฯ จะมีการพิจารณาโดยคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านอาคาร การจัดสรรที่ดิน และบริการชุมชน กรุงเทพมหานคร 

 

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้โครงการดังกล่าวก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสุขอนามัยของชุมชนโดยรอบในระยะยาวทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทั้งในระหว่างทำการก่อสร้างและหลังก่อสร้างแล้วเสร็จ โดยการจัดทำ EIA ประกอบด้วยการศึกษาครอบคลุมระบบสิ่งแวดล้อม ด้าน คือ 1. ทรัพยากรกายภาพ 2. ทรัพยากรชีวภาพ 3. คุณค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ และ 4. คุณค่าต่อคุณภาพชีวิต 

 

สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยที่กฎหมายกำหนดให้ต้องผ่านการอนุมัติ EIA มีรายละเอียดดังนี้

  • โครงการบ้านจัดสรรที่มีพื้นที่ในโครงการมากกว่า 100 ไร่ หรือแบ่งแปลงที่ดินตั้งแต่ 500 แปลงขึ้นไป 
  • โครงการคอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันตั้งแต่ 4,000 ตารางเมตรขึ้นไป หรือมีจำนวนห้องชุดตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป ดังนั้นโครงการคอนโดฯ แบบไฮไรส์ (High Rise) ส่วนใหญ่จะต้องทำ EIA เพื่อประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมทั้งหมด ในขณะที่โครงการคอนโดฯ แบบโลว์ไรส์ (Low Rise) บางโครงการอาจไม่จำเป็นต้องทำ EIA เลยก็ได้

 

พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ได้กำหนดไว้ว่า โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่จะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้เมื่อผ่านการอนุมัติ EIA แล้วเท่านั้น จึงถือเป็นจุดเด่นที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะนำผลการอนุมัติ EIA นี้มาเป็นจุดขายในสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่สนใจซื้อตั้งแต่ก่อนเปิดจอง ว่าโครงการนี้จะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้อย่างแน่นอน  

 

ซื้อโครงการไม่ผ่าน EIA ต้องเผชิญความเสี่ยงอะไรบ้าง?

ปัจจุบันหลายโครงการมีการเปิดขายล่วงหน้าในระหว่างที่ยื่นขอ EIA เนื่องจากยังไม่มีข้อห้ามทางกฎหมายกำหนดไว้ หลายโครงการจึงมักเปิดขายเพื่อระดมทุนก่อสร้างในระหว่างรอผล EIA และทดสอบตลาดว่ามีผู้บริโภคให้ความสนใจมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ดี คอนโดพรีเซล (Presale) หรือโครงการคอนโดฯ ที่เปิดให้จองซื้อในช่วงที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างหรืออยู่ระหว่างการก่อสร้างยังคงได้รับความสนใจจากผู้ซื้อ เนื่องจากได้โปรโมชั่นส่วนลดคุ้มค่ากว่าการซื้อโครงการที่ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีรูปแบบห้องให้เลือกมากกว่า แต่ต้องแลกกับการแบกรับความเสี่ยงหากโครงการไม่ผ่านการอนุมัติ EIA ในอนาคต 

 

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เผยความเสี่ยงที่ผู้บริโภคควรพิจารณาเมื่อซื้อโครงการที่อยู่อาศัยที่ยังไม่ผ่าน EIA เพื่อเตรียมพร้อมรับมือหากเกิดปัญหาในอนาคต 

  • ไม่สามารถขอใบอนุญาตการก่อสร้างได้ การยื่นขออนุมัติ EIA ถือเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่ใช้ในการขอใบอนุญาตก่อสร้าง ถึงแม้โครงการอสังหาฯ จะเปิดจองจนขายได้หมดแต่จะไม่สามารถเริ่มก่อสร้างได้หากโครงการไม่มีใบอนุญาตก่อสร้าง โดยเจ้าพนักงานที่มีอำนาจออกใบอนุญาตก่อสร้างจะต้องรอให้ EIA ได้รับอนุมัติจาก สผ. ก่อนจึงจะออกใบอนุญาตก่อสร้างให้โครงการที่ยื่นขอได้ 
  • ก่อสร้างล่าช้าหรืออาจถูกระงับ ปกติจะใช้ระยะเวลาในการจัดทำรายงาน EIA ประมาณ เดือน ในกรณีที่ยื่นขอ EIA แล้วรายงานไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด ผู้พัฒนาอสังหาฯ จะต้องกลับมาแก้ไขและยื่นรายงานใหม่อีกครั้ง ซึ่งบางครั้งอาจมีการปรับเปลี่ยนแบบแปลนโครงการเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนด และต้องแก้ไขจนกว่าจะผ่าน EIA จึงจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ ซึ่งอาจทำให้กำหนดการก่อสร้างแล้วเสร็จล่าช้าออกไปอย่างไม่มีกำหนด หรือในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดคืออาจถูกระงับการก่อสร้างถาวร 
  • เกิดข้อพิพาทกับชุมชนข้างเคียง หากโครงการเริ่มก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุมัติ EIA อาจถูกฟ้องร้องจากชุมชนรอบข้าง ซึ่งอาจมีผลกระทบทางกฎหมายอื่น ๆ ที่ยืดเยื้อตามมาได้ ดังนั้น ผู้บริโภคควรตรวจสอบเบื้องต้นก่อนว่าโครงการที่สนใจเคยมีปัญหาข้อพิพาทกับชุมชนข้างเคียงหรือหน่วยงานราชการหรือไม่ ข้อพิพาทนั้นสิ้นสุดแล้วหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจตามมาในภายหลัง นอกจากนี้ในบางกรณีที่โครงการผ่าน EIA และเริ่มก่อสร้างแล้ว อาจมีข้อร้องเรียนว่าระหว่างก่อสร้างได้สร้างผลกระทบกับชุมชนและเพื่อนบ้านโดยรอบ ซึ่งสามารถร้องเรียนในลักษณะการฟ้องหน่วยงานรัฐแล้วจึงฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อพิจารณาถอนใบอนุญาตก่อสร้าง หรือให้ศาลปกครองมีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างชั่วคราวได้เช่นกัน โดยขึ้นอยู่กับการเจรจาหาข้อตกลงของผู้พัฒนาอสังหาฯ กับผู้ร้องเรียน
  • กระทบต่อภาพลักษณ์โครงการ หากมีข้อพิพาทเกี่ยวกับ EIA เกิดขึ้นมักจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของผู้พัฒนาอสังหาฯ และภาพลักษณ์ของโครงการนั้น ๆ โดยตรง ส่งผลให้ผู้ซื้อหรือนักลงทุนไม่สามารถขายต่อหรือปล่อยเช่าได้ง่ายดังเดิม โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดข้อพิพาทที่รอการพิจารณาของศาลอาจส่งผลต่อการทำธุรกรรมกับธนาคาร เช่น รีเทนชั่น/รีไฟแนนซ์ รวมทั้งอาจทำให้มูลค่าของทรัพย์สินลดลงอย่างมีนัยสำคัญได้

 

ส่องเช็กลิสต์สำหรับมือใหม่ เลือกซื้อบ้าน/คอนโดฯ อย่างไรให้ไกลข้อพิพาท

การซื้อที่อยู่อาศัยหลังใหม่ถือเป็นก้าวสำคัญของการเริ่มต้นชีวิตอีกหนึ่งบท เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากเผชิญกับปัญหาคดีความที่อาจตามมาในอนาคต ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เผยเช็กลิสต์ที่คนวางแผนซื้อบ้าน/คอนโดมือใหม่ควรรู้ มีแนวทางตรวจสอบอย่างไรเพื่อให้มั่นใจว่าบ้านใหม่หลังนี้จะห่างไกลจากข้อพิพาท

  1. ตรวจสอบว่าโครงการผ่าน EIA หรือไม่ ในขั้นตอนการวางแผนซื้อที่อยู่อาศัยนั้น หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคควรพิจารณาคือโครงการที่สนใจซื้อมีการทำ EIA ผ่านเรียบร้อยหรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจกระทบการก่อสร้างในภายหลัง โดยสามารถสอบถามสถานะการยื่นขอ EIA กับพนักงานขายของโครงการก่อนตัดสินใจจองและทำสัญญาใด ๆ หรือสามารถเข้าไปตรวจสอบด้วยตนเองได้ที่เว็บไซต์ของ สผ. https://eia.onep.go.th ซึ่งจะบอกสถานะของโครงการจากฐานข้อมูลโครงการที่รอพิจารณาหรือประกาศแล้วว่าได้รับความเห็นชอบผ่านการพิจารณา EIA เรียบร้อยแล้ว

 

อย่างไรก็ดี หากโครงการเปิดขายก่อนที่จะผ่าน EIA ผู้บริโภคต้องสอบถามผู้พัฒนาอสังหาฯ ให้ชัดเจนว่ามีแผนดำเนินงานอย่างไร และคาดว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนในการรอผลการอนุมัติ โดยสามารถขอเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการยื่น EIA ของโครงการ เพื่อนำมาประเมินความเสี่ยงและวางแผนทางการเงินอย่างเหมาะสมต่อไป

 

  1. ตรวจสอบความรับผิดชอบในสัญญาให้ชัดเจน หากได้ที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์แล้ว ขั้นตอนสำคัญที่ผู้บริโภคควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนเซ็นสัญญา คือ รายละเอียดขอบเขตความรับผิดชอบของโครงการที่ระบุไว้ในสัญญาจะซื้อจะขาย เนื่องจากถือเป็นหลักฐานที่มีผลทางกฎหมายหากมีปัญหาในอนาคต โดยเฉพาะโครงการที่ยังไม่ผ่าน EIA ควรตรวจสอบว่ามีการระบุความรับผิดชอบอย่างไรบ้าง เช่น สัญญาระบุว่าจะดำเนินการยื่นขอ EIA แล้วเสร็จภายในระยะเวลาเท่าไร หรือหากยื่นขอ EIA ไม่ผ่านแล้วโครงการจะรับผิดชอบอย่างไรต่อผู้ที่ผ่อนดาวน์ไปแล้ว หรือหากโครงการถูกยกเลิกการก่อสร้าง จะคืนเงินที่ผู้ซื้อจ่ายไปแล้วพร้อมดอกเบี้ยหรือไม่ และเสนอการชดเชยอย่างไรบ้าง

 

  1. ตรวจสอบคุณภาพของโครงการเป็นไปตามโฆษณาหรือไม่ เดินทางไปเยี่ยมชมห้องตัวอย่างเพื่อดูสภาพห้องและบรรยากาศของจริง พร้อมทั้งสอบถามพนักงานอย่างละเอียดเกี่ยวกับยี่ห้อและคุณภาพของวัสดุที่ใช้ในโครงการว่าตรงตามสเปกที่แจ้งไว้ในสื่อโฆษณา/ประชาสัมพันธ์หรือไม่ วัสดุเหล่านั้นมีความทนทานและเหมาะสมกับการใช้งานระยะยาวเพียงใด เพื่อนำมาประเมินว่าคุ้มค่ากับราคาขายหรือไม่หากเทียบกับโครงการที่มีขนาดห้องและสเปกไล่เลี่ยกันในตลาด ทั้งนี้ หากตัดสินใจซื้อแล้วควรเก็บเอกสารโฆษณา/ประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ของโครงการไว้เป็นข้อมูลอ้างอิงเมื่อต้องตรวจรับห้อง/บ้านอีกครั้ง ในกรณีที่งานก่อสร้างหรืองานตกแต่งไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ควรแจ้งให้โครงการทำการแก้ไขให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงทำการโอนกรรมสิทธิ์เท่านั้น 

 

  1. ตรวจสอบว่าโครงการมีข้อพิพาทหรือไม่ นอกเหนือจากการตรวจสอบ EIA แล้ว อีกเรื่องสำคัญที่คนซื้อที่อยู่อาศัยควรตรวจสอบ คือ โครงการนั้นมีข้อพิพาทหรือมีคดีความที่ยังไม่สิ้นสุดหรือไม่ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของโครงการ ทำให้ผู้ซื้อไม่สามารถประกาศขายหรือทำธุรกรรมทางการเงินได้ง่ายดังเดิม โดยควรค้นหาข้อมูล/ข่าวสารออนไลน์ว่าโครงการนั้นมีข้อพิพาทกับลูกค้า ชุมชนข้างเคียง หรือหน่วยงานราชการหรือไม่ ข้อพิพาทนั้นสิ้นสุดแล้วหรืออยู่ในขั้นตอนใด และจากข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในอดีตนั้นผู้พัฒนาอสังหาฯ รับผิดชอบต่อผู้ซื้อที่ได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ควรสอบถามกับผู้ที่เคยอยู่อาศัยในโครงการอื่น ๆ ที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ เคยสร้างมาก่อนว่ามีประสบการณ์หลังการขายอย่างไร และไปสำรวจพื้นที่รอบ ๆ โครงการเพื่อให้เห็นสภาพการอยู่อาศัยที่แท้จริง และประเมินความน่าเชื่อถือของโครงการได้ดียิ่งขึ้น

 

เมื่อโครงการที่ซื้อขอ EIA ไม่ผ่าน ผู้ซื้อควรรับมืออย่างไร

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แนะนำแนวทางรับมือเพื่อเรียกร้องสิทธิของผู้บริโภค หากโครงการอสังหาฯ ที่ซื้อต้องชะลอหรือยกเลิกแผนการก่อสร้างเนื่องจากยื่นขอ EIA ไม่ผ่าน และผู้พัฒนาอสังหาฯ ไม่มีการชี้แจงความคืบหน้าที่ชัดเจน ดังนี้

  1. สอบถามแนวทางแก้ไขกับโครงการว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง หากโครงการให้รอการยื่นแก้ไข EIA จนกว่าจะผ่าน จะใช้เวลานานเพียงใด ในระหว่างที่การก่อสร้างล่าช้ามีการชดเชยให้กับผู้ซื้ออย่างไร และถ้าผู้ซื้อไม่สามารถรอได้ โครงการจะคืนเงินจองและเงินที่ผ่อนดาวน์ให้ได้เมื่อไร หรือในกรณีที่โครงการขอ EIA ไม่ผ่านและต้องยกเลิกการก่อสร้าง ทางโครงการรจะรับผิดชอบคืนเงินจอง เงินผ่อนดาวน์พร้อมดอกเบี้ยให้ผู้ซื้อหรือไม่ 
  2. หากติดตามการแก้ไขปัญหากับโครงการด้วยตนเองไม่เป็นผลหรือไม่มีความคืบหน้า ผู้ซื้อควรรวมตัวเรียกร้องสิทธิ์เป็นกลุ่มร่วมกับผู้ซื้อคนอื่น ๆ ที่เจอปัญหาเดียวกัน เพื่อแสดงพลังของผู้บริโภคและเพิ่มอำนาจในการต่อรองให้มีมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์กว่าการเดินเรื่องต่าง ๆ เพียงคนเดียว
  3. ในกรณีที่โครงการมีแนวโน้มว่าจะไม่คืนเงินหรือไม่มีมาตรการชดเชยเยียวยาที่ชัดเจน ผู้ซื้อที่ได้รับผลกระทบควรรวมตัวเป็นกลุ่มเพื่อไปแจ้งสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อปรึกษาขอคำแนะนำจาก สคบ. ให้ช่วยเหลือตามสิทธิ์ของผู้บริโภคที่ควรได้รับ จากนั้นจึงควรรวมตัวกันไปลงบันทึกประจำวันกับตำรวจในท้องที่ที่ตั้งของโครงการ ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นในบางกรณีที่บางโครงการคอนโดฯ ซึ่งผ่านการอนุมัติ EIA จนก่อสร้างแล้วเสร็จเรียบร้อยมาหลายปี แต่ยังคงมีข้อพิพาทที่อยู่ระหว่างการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล ท้ายที่สุดแล้วศาลอาจมีคำสั่งเพิกถอนการให้ความเห็นชอบรายงาน EIA และใบอนุญาตก่อสร้างของโครงการ โดยมีผลย้อนหลังได้เช่นกัน ซึ่งผู้พัฒนาอสังหาฯ ต้องกลับไปแก้ไขเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย และต้องมีแนวทางเยียวยาชดเชยลูกบ้านที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน ถือเป็นกรณีศึกษาและเป็นแนวทางให้ผู้พัฒนาอสังหาฯ ชุมชนและภาคเอกชนที่อยู่รอบข้าง รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้กลับไปทบทวนและพิจารณาผลกระทบจากการก่อสร้างที่มีต่อชุมชนให้รอบคอบยิ่งขึ้น

 

ทั้งนี้ ในปี 2564 สผ. ได้จัดทำเอกสารเผยแพร่ "แนวทางการศึกษาและการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านการบดบังแสงอาทิตย์ และด้านการเปลี่ยนแปลงของลม จากการก่อสร้างอาคาร สำหรับรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการอาคาร การจัดสรรที่ดิน และบริการชุมชนเปิดโอกาสให้ชุมชนรอบข้างที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างอาคารสูงบังทิศทางแดดและทิศทางลม สามารถคัดค้านการสร้างโครงการนั้น ๆ ได้ รวมทั้งกำหนดให้ "เจ้าของอาคารใช้แบบจำลองอาคารโครงการ (3D) เพื่อแสดงทิศทางเงาของอาคารและประมวลทิศทางลมหลังก่อสร้างในทำเลนั้น ๆ แม้แนวทางการศึกษาดังกล่าวยังไม่ได้ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ แต่ได้สร้างแรงกระเพื่อมเป็นวงกว้างในภาคอสังหาฯ ทั้งในมุมชุมชนรอบข้างที่จะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและลดปัญหาสุขภาพ ขณะที่ผู้ประกอบการก็มีต้นทุนในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น และอาจส่งผลให้การยื่นขอ EIA ใช้ระยะเวลาพิจารณายาวนานขึ้นเช่นกัน

 

ดังนั้น ผู้บริโภคจึงควรเลือกซื้อโครงการอสังหาฯ ที่ผ่านการอนุมัติ EIA เรียบร้อย เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาในภายหลัง หรือหากเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการขอ EIA ก็ควรเลือกซื้อโครงการจากผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่มีความน่าเชื่อถือ มีความมั่นคงทางการเงิน และพร้อมรับผิดชอบหากเกิดปัญหาจากการขอ EIA ทั้งนี้ แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ ของไทยอย่างดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (www.DDproperty.comรวบรวมข้อมูลประกาศซื้อ-ขาย-เช่าที่อยู่อาศัยจากหลากหลายทำเลศักยภาพทั่วประเทศ พร้อมอัปเดตบทความและข่าวสารในแวดวงอสังหาฯ ให้ผู้ซื้อ/ผู้เช่า/นักลงทุนได้ติดตามทุกเรื่องราวที่ควรรู้ ช่วยให้ทุกเส้นทางการซื้อ-ขาย-เช่าของทุกคนเป็นไปอย่างราบรื่นและมั่นใจยิ่งขึ้น

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

SSP คว้าเกียรติบัตรโครงการ “ESG DNA” ตอกย้ำพันธกิจสพลังงานสะอาดเพื่อความยั่งยืน

SSP คว้าเกียรติบัตรโครงการ “ESG DNA” ตอกย้ำพันธกิจสพลังงานสะอาดเพื่อความยั่งยืน

รอนายกฯ-ครม.ใหม่ By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย นักลงทุน ยังชะลอลงทุน ตลาดหุ้นไทยไม่คึกคัก ด้วยตัวแปรการเมืองในประเทศ กดดัน....

LEO มั่นใจครึ่งหลังปี 68 โตต่อ! ลุย Green Logistics สร้างรายได้ยั่งยืน

LEO มั่นใจครึ่งหลังปี 68 โตต่อ! ลุย Green Logistics สร้างรายได้ยั่งยืน

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้