THAI : ปรับประมาณขึ้น แต่ปรับคำแนะนำเป็นถือ

ปรับลดคำแนะนำเป็น "ถือ" สถานการณ์พื้นฐานสะท้อนราคาหุ้นแล้ว
เราปรับลดคำแนะนำ THAI เป็น "ถือ" (จาก "ซื้อ") เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 17% หลังจากกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม เราปรับเพิ่ม EV/EBITDA ปี 2026 เป็น 12.0 บาท (จาก 10.40 บาท) เพื่อสะท้อนกำไรสุทธิใน 2Q25 ที่เป็นบวก และแนวโน้มใน 2H25 ที่สดใส เรายังคงคาดการณ์อัตราส่วน EV/EBITDA ที่ 4.4 เท่า ซึ่งสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยในภูมิภาค (ไม่รวมสายการบินจีน) เราปรับเพิ่ม EBITDA ปี 2026 ขึ้น 8%

ราคาหุ้นอยู่ในมุมมองเป็นกลางต่อการขยายฝูงบิน ระมัดระวังเรื่องต้นทุน
สถานการณ์พื้นฐานของเราคาดว่า THAI จะดำเนินการตามแผนฝูงบิน (+6% ASK ในปี 2026 ไม่รวมสัญญาเช่าเพิ่มเติม) โดยต้นทุนต่อ ASK จะเพิ่มขึ้น 8-10% ในปี 2025-2026 การเพิ่มขึ้นของ ASK เกิดขึ้นหลังจากการเพิ่มเครื่องบิน A321neo จำนวน 15 ลำ และต้นทุนบุคลากรต่อ ASK ที่สูงขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่ระมัดระวังของเราต่อการดำเนินงานปกติของการบินไทยในปี 2026 ในกรณีที่ดีที่สุด การบินไทยจะสรุปการเจรจาเพื่อเพิ่มเครื่องบินลำตัวกว้างในปี 2026 ซึ่งเป็นแผนระยะกลางเพื่อตอบสนองความต้องการ ซึ่งอาจเพิ่ม ASK ขึ้น 16% ในปี 2026 สถานการณ์นี้คาดว่าค่าใช้จ่ายต่อ ASK ยังคงถูกควบคุมไว้ด้วยอัตราการใช้ประโยชน์ที่ดีขึ้น

ปรับเพิ่มกำไรขึ้น 25-56% สำหรับปี 2025-27
เราปรับเพิ่มกำไรขึ้น 56%, 36% และ 25% สำหรับปี 2025-27 แนวโน้มรายได้ของเราสำหรับปี 2025-27 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยมีการเติบโตที่ 2%, 7% และ 13% สอดคล้องกับการเพิ่มจำนวนเครื่องบินใหม่และคาดการณ์อัตราผลตอบแทน PX ที่คงที่ อย่างไรก็ตาม เราได้ปรับลดการคาดดารณ์ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลงอย่างมาก (ตามค่าใช้จ่ายจริงในช่วง 1H25 และการเปลี่ยนเครื่องบิน 4 ลำจากเครื่องบินเช่าซื้อเป็นเครื่องบินของตนเอง) การคาดการณ์ค่าใช้จ่ายหลักก็ลดลงเช่นกัน เนื่องจากการควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวด ความเสี่ยงด้านบวกประกอบด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้ฝูงบินใหม่ และการควบคุมต้นทุนบุคลากร ความเสี่ยงด้าน downside ประกอบด้วยการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นสำหรับการบินไทยในการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ “ถือ” สำหรับ THAI โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 12.00 บาท