วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยมีแรงกดดันจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ตัดสิน "แพทองธาร" พ้นเก้าอี้นายกฯ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนของการเมืองภายในประเทศ มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่ม Big-Cap อาทิ พลังงาน ไอซีที และขนส่ง ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,236.61 จุด -13.48 จุด -1.08% มูลค่าการซื้อขาย 52,475.14 ลบ. (ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี -16.78 จุด -1.34% และในเดือนที่ผ่านมาดัชนี -5.74 จุด -0.46%) Program Trading -3,753.63 ลบ.ต่างชาติ -3,951.74 ลบ. TFEX +2,728 สัญญา ตราสารหนี้+1,845.92 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 92.02 จุด หรือ -0.20% และดัชนี S&P500 ปิดปรับตัวลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้น Dell,หุ้น Nvidia และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขณะที่นักลงทุนประเมินข้อมูลเงินเฟ้อซึ่งสะท้อนว่าภาษีศุลกากรเริ่มส่งผลต่อราคา
+ ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 87.2% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย.
+ สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.6%YoY ในเดือนก.ค.สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังปรับตัวขึ้น 2.6% เช่นกันในเดือนมิ.ย.
+ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนขยายตัวเร็วขึ้นมาอยู่ที่ 50.3 ในเดือนส.ค. จาก 50.1 ในเดือนก.ค. โดยดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการยังคงขยายตัว
ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 59 เซนต์ หรือ 0.91% ปิดที่ 64.01 ดอลลาร์ /บาร์เรล ขณะที่นักลงทุนจับตาความต้องการใช้น้ำมันที่อ่อนแอในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดน้ำมันใหญ่ที่สุดของโลก รวมถึงการเพิ่มปริมาณอุปทานในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจากกลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร
- รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศยกเลิกมาตรการยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับพัสดุมูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์ (de minimis) อย่างถาวร ส่งผลให้พัสดุทุกชิ้นที่นำเข้าจะต้องเสียภาษีในอัตราปกติ
- สถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ กับเวเนซุเอลาทวีความตึงเครียดขึ้นอย่างหนักหลังกองทัพเรือสหรัฐฯ เคลื่อนกองเรือรบขนาดใหญ่เข้าประชิดทะเลแคริบเบียนตอนใต้ โดยฝ่ายสหรัฐฯ อ้างว่ามีเป้าหมายเพื่อปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดในภูมิภาคลาตินอเมริกา
- ดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของญี่ปุ่นในเดือนส.ค. อยู่ที่ระดับ 49.7 แม้จะปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 48.9 ในเดือนก.ค. แต่ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50.0 บ่งชี้ภาวะหดตัว ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ทั้งนี้ แม้อัตราการหดตัวของผลผลิตภาคโรงงานจะชะลอตัวลง แต่ยอดคำสั่งซื้อใหม่โดยรวมยังคงลดลงในอัตราเดียวกับเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงสภาวะตลาดที่ยังคงซบเซา
- ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยคดีคลิปเสียง พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯ สิ้นสุดลงเฉพาะตัว นับแต่วันที่ศาล สั่งนายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ 1 กรกฎาคม 2568 และคณะรัฐมนตรี ต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะ
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวน โดยมีแรงกดดันจากศาลรัฐธรรมนูญ สั่งนายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ และคณะรัฐมนตรีต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะ ส่งผลให้มี Overhang ทางการเมืองในระยะสั้น คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,230-1,245 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
- หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย : SAWAD TIDLOR THANI NCAP SAK
- รัฐบาลเปิด Sandbox ให้ชาวต่างชาตินำคริปโตแลกเงินบาทผ่านโครงการ TouristDigiPay : ธนาคาร KBANK SCB BAY โรงแรม MINT CENTEL ERW AWC สายการบิน AAV BA บันเทิง MAJOR
- ผู้ให้บริการระบบเสนอขาย G-Token : SCB KBANK XPG
- หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดตัว iPhone 17 : ADVICE COM7 SYNEX SPVI JMART CPW
-เก็งกำไรงานไทยแลนด์ โฟกัส 2025 : ADVANC TRUE CPN CRC MINT ERW CENTEL COM7