สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 1 กันยายน 2568)------- InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 1 กันยายน 2568 คาดตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์/ลุ้นรีบาวด์ หากการประชุมพรรคประชาชนสร้างความชัดเจนต่อประเด็นผู้นำรัฐบาลได้วันนี้ บรรยากาศตลาดจึงจะเริ่มเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง จากข้อเสนอการยุบสภาภายใน 4 เดือนซึ่งแกนนำทั้งสองพรรคยอมรับ ส่วน PCE สหรัฐฯ ออกมาตามคาด ตลาดยังประเมินว่ามีโอกาสลดดอกเบี้ยต่อ มุมมองเทคนิค หากเป็นเพียงการพักฐานสั้น ไม่ควรหลุดแนวรับ 1230-1227 อีกแล้ว การปรับตัวขึ้นมีแนวต้านที่ 1250/1255 การยืนเหนือได้จะกลับมาแกว่งขึ้น
ประเด็นสำคัญ
• ศาล รธน. มีมติ 6-3 วินิจฉัยนายกฯ แพทองธาร ให้พ้นจากตำแหน่ง พรรคภูมิใจไทยเข้าหารือพรรคประชาชนเพื่อขอคะแนนเสียงสำหรับลงมติโหวตนายกฯ ด้านพรรคประชาชนจะมีการประชุม กก. บห. พรรคและ สส. ในช่วงบ่ายวันที่ 1 ก.ย. นี้เพื่อสรุปทิศทาง และสภาผู้แทนฯ นัดประชุมพิเศษสำหรับโหวตนายกฯ คนที่ 32 ระหว่างวันที่ 3-5 ก.ย. นี้
• ม. หอการค้าไทยมองความไม่แน่นอนด้านการเมืองคงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่บั่นทอนความเชื่อมั่น ศก. ไทย ท่ามกลางภาวะวิกฤตในปัจจุบัน เช่น กำลังซื้อถดถอย, หนี้ครัวเรือนสูง, ภาษีการค้าสหรัฐฯ และภูมิรัฐศาสตร์ ด้าน ส.อ.ท. มองหากจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า จะกระทบต่อการเดินนโยบายสำคัญ เช่น การเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ, ปัญหาชายแดน, อุทกภัย เป็นต้น
• ธปท. เผยภาวะ ศก. ไทยใน ก.ค. 2568 ชะลอตัวลงจากเดือนก่อน จากกิจกรรมภาคบริการที่ลดลงตามภาคท่องเที่ยว และการผลิตภาคอุตฯ ที่ลดลงตามการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นและการหยุดผลิตรถยนต์ชั่วคราวเพื่อปรับกระบวนการผลิต แต่หากไม่รวมปัจจัยข้างต้น การผลิตภาคอุตฯ ส่วนที่เหลือยังปรับขึ้นได้ ขณะที่การส่งออกคงขยายตัวได้
• ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ มีมติ 7-4 ตัดสินว่ามาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของ ปธน. ทรัมป์ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ภายใต้ International Emergency Economic Powers Act (IEEPA)ให้เป็นโมฆะ เนื่องจากเป็นอำนาจของสภาคองเกรสไม่ใช่ฝ่ายบริหาร
• การใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐฯ ใน ก.ค. 2568 เพิ่มขึ้น 0.3%MoM สูงที่สุดในรอบ 4 เดือน นำโดยการซื้อสินค้าคงทน เช่น รถยนต์, เฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์กีฬา ส่วนรายได้และค่าจ้างขยายตัวต่อเนื่อง 0.6%MoM เช่นกัน ด้านดัชนี Core PCE ขยายตัว 0.3%MoM และ 2.9%YoY สูงสุดนับตั้งแต่ ก.พ. 2568 หนุนจากต้นทุนบริการ สะท้อนแรงซื้อผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหว Sideways และบรรยากาศการลงทุนอยู่ในโหมดระมัดระวังหรือรอความชัดเจน เนื่องจากอยู่ระหว่างติตดามเสถียรภาพทางการเมืองไทย ทำให้ความเชื่อมั่นการลงทุนยังไม่กลับมาเต็มที่ อีกทั้งยังจับตาการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ เงินเฟ้อ ส.ค. ไทย ซึ่งหากยังลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 อาจจะหนุนให้ตลาดเก็งการปรับลดดอกเบี้ยต่อ รวมทั้งดัชนี PMI การผลิตและการบริการ ส.ค. จีนและสหรัฐฯ, ดุลการค้าและตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ซึ่งหากยังไม่กลับมาแข็งแกร่งมากอย่างมีนัยสำคัญ คาดตลาดจะประเมินว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยใน ก.ย. ต่อ และจะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นโลก กลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
แนวรับ – แนวต้าน : 1230/1227– 1250/1255
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET เคลื่อนไหว Sideways บรรยากาศการลงทุนอยู่ในโหมดระมัดระวังเพื่อติดตามสถานการณ์การเมือง กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม หลักและ 2 ธีมเทรดดิ้ง ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play ซึ่งคาด 2H68 ผลการดำเนินงานจะยังคงเติบโตดีทั้ง HoH และ YoY แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาลและจากปัจจัยบวกที่มีเฉพาะตัว ได้แก่ ADVANC BCPG GULF SCC TIDLOR
2. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET100 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ PTT TTB HMPRO KKP
3. Trading Idea : สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้น Laggard Play ซึ่งคาดได้อานิสงส์หาก Fund Flow ไหลเข้าต่อเนื่อง โดยเลือกหุ้น SET50 ซึ่งราคาหุ้นปรับขึ้น QTD ต่ำกว่า SET และ Valuation ถูก โดยมี PBV และ PER 2568F < -1SD อีกทั้งมีพื้นฐานดี (กำไรเติบโต ฐานะการเงินแข็งแกร่งและมี ESG Ratings A-AAA) แนะนำ BDMS CPALL MTC PTT WHA และ 2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลง และ/หรือ ดอลลาร์อ่อนค่า (บาทแข็งค่า) แนะนำ กลุ่ม REITs (FTREIT LHSC) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI) กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) และกลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF GPSC)
Daily Top Picks
CPALL: ราคาหุ้นมีโอกาสได้แรงกระตุ้นหากมีความชัดเจนทางการเมืองในวันนี้ และเป็นหุ้น Laggard Play โดยปัจจุบันเทรดที่ PE 2568F ที่ 14.5 เท่า ต่ำสุดในกลุ่ม ขณะที่คาดกำไร 3Q68 จะเติบโต YoY และกำไรปี 2568-2569 จะเติบโตโดดเด่นเทียบกับกลุ่มพาณิชย์ ราคาเป้าหมายระยะสั้น 45.25 บาท
SPALI: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากภาวะดอกเบี้ยขาลง และล่าสุดเราปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น Outperform โดยคาด 2H68 อัตรากำไรขั้นต้นจะกลับมาดีขึ้นหลังชะลอในช่วง 1H68 ส่วนปี 2569 คาดกำไรจะกลับมาเติบโตดีขึ้น 14.9%YoY ราคาเป้าหมายระยะสั้นประเมินที่ 15.80 บาท