ภาพตลาดและแนวโน้ม Market wrap & Outlook

Wealth Insight อินเดียระยะเปลี่ยนผ่าน: ปฏิรูปภาษี – เงินเฟ้อลด – การค้าสหรัฐฯ กดดัน

 

Highlights:

ภาพรวมเศรษฐกิจอินเดีย (2H25): อินเดียยังคงอยู่ในช่วงฟื้นตัวภายใต้บริบทเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง นโยบายการคลังและการเงินในประเทศยังมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะการลดภาษีเงินได้ การเร่งลงทุนภาครัฐ และอัตราดอกเบี้ยที่ทยอยลดลง หนุนอุปสงค์ภายในประเทศให้เริ่มกลับมาฟื้นในบางกลุ่ม
ปฏิรูปภาษี GST ครั้งใหญ่: รัฐบาลประกาศลดจำนวนกลุ่มอัตราภาษีเหลือเพียง 2 กลุ่มหลัก (5% และ 18%) โดยทยอยยกเลิกหมวด 12% และ 28% เพื่อลดความซับซ้อน เพิ่มโปร่งใส และหนุนกำลังซื้อในกลุ่มสินค้าคงทน อุปโภคบริโภค และวัสดุก่อสร้าง
สัญญาณเศรษฐกิจล่าสุด: ดัชนี PMI ยังอยู่ในโซนขยายตัว แต่การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตชะลอลงเหลือ 2.7% YoY บ่งชี้ความระมัดระวังของผู้บริโภค GDP ไตรมาสล่าสุดโต 6.8% YoY โดยแรงขับเคลื่อนมาจากภาคบริการเป็นหลัก
อัตราเงินเฟ้อแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปี: CPI เดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 1.55% ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของ RBI เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2019 ความคาดหวังเงินเฟ้อของภาคธุรกิจ–ครัวเรือนลดลงต่อเนื่อง หนุนโอกาสในการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม
ความเสี่ยงจากภายนอก – สหรัฐฯ กดดัน: อินเดียนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย 30% ของความต้องการทั้งหมด ขณะที่สหรัฐฯ ยื่นเงื่อนไขให้ยุติการนำเข้าหรือเผชิญภาษีนำเข้าสูงถึง 50% เสี่ยงกระทบการส่งออกที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ ถึง 23%
ตลาดหุ้นอินเดีย: กำไรอ่อน – มูลค่ายังตึง: EPS 1QF26 ต่ำกว่าคาดในหลายกลุ่ม ส่งผลให้ตลาดลดคาดการณ์การเติบโตของกำไรปีนี้เหลือ -0.7% YoY ขณะที่ Forward PER ยังสูงที่ 22.5 เท่า
มุมมองระยะกลาง: คาด EPS โต 16% ใน FY27 ดัน PER ลงเหลือ 19.5 เท่า แนะนำทยอยสะสมเมื่ออ่อนตัว โดยเฉพาะกลุ่มที่อิงการบริโภคภายในประเทศ

 

 

สรุปภาพตลาดวานนี้
SET แกว่งเบาๆ โดยแรงขายหลักจาก DELTA (ตาม NVDA) ค้าปลีก CPALL CPAXT CPN HMPRO ส่วนกลุ่มธนาคารกลับมาถูกซื้อ (เก็งประกาศจ่ายปันผล) และพบการรีบาวด์ของ THEI OR BH BEM

แนวโน้มตลาดวันนี้
“สะสม” รอคดีนายกวันนี้
วันนี้คาดตลาดหุ้นไทยแกว่งในกรอบ 1,240-1.260 จุด เหตุรอความชัดเจนคดีนายกฯ ปมคลิปเสียง โดยศาลฯจะลงมติเวลาบ่าย 3 โมง (คาดไม่ทันปิดตลาด) ซึ่งกรณีที่
1. นายกฯ รอดอยู่ต่อ เราคาดตลาดหุ้นจะลงก่อนแล้วรีบาวด์ กรอบ 1-2 วันคาด 1,220-1,260 จุด
2. กรณีไม่รอด และเดินหน้าเลือกนายกคนใหม่ขั้วเดิมได้เร็ว คาดหุ้นไทยรีบาวด์ และ จะรีบาวด์ได้ต่อเนื่อง เหตุเพราะความคาดหวังเรื่องเลือกตั้งจะหนุนบรรยากาศลงทุน ขณะที่นโยบายการเมืองไม่ขาดตอน
กรณีไม่รอด และนำไปสู่การสลับขั้วทางการเมือง คาดหุ้นไทยมีความเสี่ยงด้านล่าง 1,200 จุด แนะนำขายก่อน แล้วไปรอรับล่าง
เราพิจารณาแล้วว่าในกรณี 1 กับ 2 มีความเป็นไปได้สูง และจะพาหุ้นไทยให้รีบาวด์ ในท้ายที่สุด ดังนั้นเราคงกลยุทธ์ เลือกหุ้นสะสมไว้รอเล่นรอบตามคำแนะนำเดิม
และกลุ่มหุ้นที่จะอยู่ในกระแสของการลงทุนเกี่ยวกับ ความหวังเลือกตั้ง เราคาดว่าจะยังคงเป็นหุ้น Big Cap กลุ่มเดิม เช่น โรงไฟฟ้า, สื่อสารฯ, ธนาคาร ปิโตรฯ ที่จะช่วยหนุนตลาดหุ้นขึ้น และเราจะเริ่มเก็บหุ้นเล่นรับเลือกตั้งในลำดับถัดไป

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ ถือหุ้นปันผล สะสมหุ้นเมื่อราคาย่อลงมาตามแนรับ เน้นไปที่หุ้นผลตอบแทนเงินปันผลระหว่างกาลสูง, หุ้นที่มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไร

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET ขี้นแบบกล้าๆกลัวๆ เนื่องจากเคลื่อนที่อยู่ในโครงสร้างคลื่นขาลง corrective wave ..ปัจจุบันเปลี่ยนจากคลื่น “b” เป็น “c” จับตาตำแหน่งตัวเลข Fibo retracement 23.6% ตรงกับเส้น EMA 25 วัน มองเป็นโซนรับแรก 1,230 จุด หากหลุดมีโอกาสลงมาที่โซนรับถัดไป 1,200 จุด (Fibo 38.2%) ขณะที่โมเมนตัม RSI alert! ส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าแล้ว
สรุป: ดัชนีมีโอกาสปรับฐาน corrective wave c..สำหรับนักลงทุนที่เล่นรอบ ขายหุ้นลดพอร์ตไปแล้ว แนะรอจังหวะช้อนซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวลงมาที่โซนรับ เนื่องจากโครงสร้างระยะยาว ดัชนียังสามารถขึ้นได้อีก (Impulse wave 3) โดยมีเป้าหมายระยะกลางที่ 1,330 จุด
ไฮไลท์หุ้นแนะนำ: เมื่อตลาดเทใจมาที่กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP/ DELTA สุ่มเสี่ยงปรับฐาน!/ BH signal recovery / WHA รอสถานีถัดไป เส้น EMA 200 / TOP ยังสู้ไหว….ติดตามการวางแผนในหน้าเลือกหุ้นเด่นประจำวันครับ

 

 

What to watch
FTSE จะปรับหุ้นใหม่ มีผล 19 ก.ย. ลด CPAXT ไปกลุ่ม MID Cap, BGRIM SAWAD ลดไปกลุ่ม Small Cap และ มีหุ้นถอดออกจาก Small Cap ได้แก่ BEC BSRC FORTH PSH SINGER SUPER THANI TKN TQM
ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติคดีปมคลิปเสียงนายกฯ วันที่ 29 ส.ค.และ วันที่ 9 ก.ย. เวลา 10:00 น. ศาลฏีกาได้นัดฟังคำสั่ง คดี “ทักษิณรักษาตัวชั้น 14” การสะดุดของรัฐบาลอาจมีผลผูกพันไปยังงบประมาณที่กำลังจะผ่านสภาฯ-อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณปี 68-69
ตลท.จัดงาน Thailand Focus 2025: Beyond the Challenges ก้าวข้ามความท้าทายสู่โอกาสลงทุนใหม่ 27-29 ส.ค. มี 75 สถาบันทั่วโลกเข้าร่วม ดึง 180 นลท.
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 91.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย.นอกจากนี้ FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือน ธค. (เหลือลดดอกเบี้ยแค่ 2 ครั้ง) หลังจากประฐานเฟด แถลงในงานเสวนา Jackson Hole พร้อมด้วยท่าที ต่อนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย
สภาฯผ่าน กม.ตั๋วร่วม วาระ 3 เตรียมส่ง สว.พิจารณาต่อไป จาก กม.ทั้ง 3 ร่างที่ต้องผ่าน สภาเพื่อเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาท ขั้นตอนทั้งหมดคาดแล้วเสร็จและจะเริ่มโครงการดังกล่าวได้ใน เดือน พ.ย.นี้

หุ้นแนะนำวันนี้
MINT ธุรกิจโรงแรมทั้งในประเทศและต่างประเทศของ MINT เริ่มเห็นสัญญาณ RevPar ที่ดีขึ้นเริ่มตั้งแต่เดือน กค.เป็นต้นมา คาดปิดเดือน สค.ยังคงดีขึ้นต่อเนื่อง
แนวรับ 23.5 ต้าน 24.5 Stop loss 23

 

 

 

 

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

Commerce Sector
หุ้นขายอุปกรณ์ IT เด่นกว่ากลุ่มอื่นๆ
ภาพรวมกำไรค้าปลีกยังถูกกดดันจากกำลังซื้ออ่อนและท่องเที่ยวซบเซา มีแต่ผู้ค้า IT ที่เห็นการเติบโตสวนทาง เราเลือก COM7 และ SYNEX เป็นหุ้นเด่น 2H25
2Q25: กำไรหลักกลุ่ม 1.99 หมื่นลบ. (+3% YoY, -11% QoQ) ใกล้เคียงคาด โดยกลุ่มค้าปลีก IT เด่นสุด กำไรโต 38% YoY หนุนโดยยอดขาย Apple
3Q25: คาด SSS หด 2–4% YoY จากฐานสูงปีก่อนมีแจกเงินหมื่นเฟสแรกและกำลังซื้ออ่อน โดย 3QTD กลุ่มซ่อมบ้านและห้าง CRC ยังเห็น SSS -4%, กลุ่ม Grocery -1% สวนทางกับ IT ทึ่ยังเห็นยอดขายโต +8% จากมือถือใหม่ (ทั้ง Android และ Apple)
ปี 2025: คาดกำไรกลุ่ม 8.35 หมื่นลบ. โตเพียง 2% YoY (ชะลอจาก +18% ปี 2024) โดย IT +18% (หนุนโดยสินค้ากลุ่ม Apple), Grocery +6%, HD&C -10%
Fundamental view: เราชอบ COM7, SYNEX มากสุดในกลุ่ม สำหรับ 2H25

WHAUP
ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์
Data Center ใหม่กว่า 1/4 อาจจะเป็นลูกค้าของ WHAUP
เราออก Idea Call ของ WHAUP โดยมองว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมมากในการซื้อสะสมหุ้น เนื่องจาก
1) ธีม Data Center ชัดเจน – คาดว่า 1/4 ของ Data Center ใหม่ในไทย (500–600MW จากทั้งหมด ~2.4GW ภายในปี 2030) จะตั้งอยู่ในนิคมของ WHA ทำให้ WHAUP ได้อานิสงส์ตรงทั้งจากการขายน้ำและไฟฟ้า ชื่อหลัก เช่น Google, Beijing Haoyang และ SUPERNAP
2) Upside จากธุรกิจน้ำ – จะมีความต้องการน้ำส่วนเพิ่มราว 13–20 ล้าน ลบ.ม./ปี จากลูกค้า Data Center เหล่านี้ จะหนุนกำไรหลักระยะยาวอีก +6–9%
3) โอกาสจากการใช้พลังงาน – หากผู้ประกอบการต้องการไฟถูก Solar Rooftop จะตอบโจทย์ ทุกๆ 100MW เป็น Upside กำไร +4% และด้วยกลุ่ม Data Center เป็นลูกค้าแบบใช้ไฟตลอดเวลา (24/7) เหมาะกับโรงไฟฟ้าแก๊ส SPP (ที่ร่วมกับ GULF) ทุกๆ 100MW จะเพิ่มกำไรหลักระยะยาวได้อีกราว +12%
4) Valuation - ปัจจุบัน consensus ยังไม่ได้สะท้อน Upside จาก Data Center เต็มที่ มองว่าราคาเหมาะสำหรับ “ซื้อสะสม” (ราคาเป้าหมาย 5 บาท) เพื่อรอ Re-rate Valuation ในระยะถัดไป

 

 

 

สรุปประเด็นจาก Quick take

COM7
คอมเซเว่น
ประกาศเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน MVP สัดส่วน 51%
แจ้งเตรียมเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน MVP (จดทะเบียนใน MAI) สัดส่วน 51% คิดเป็น 174 ลบ. (580 ล้านหุ้น@0.3 บ/หุ้น) คาดเกิดใน 4Q25 ราคา MVP ที่เข้าลงทุน 0.30 บาท/หุ้น ต่ำกว่าราคาตลาด 0.35 บาท/หุ้น แต่สูงกว่าราคาประเมิน 0.23 บ/หุ้นและมูลค่าทางบัญชีที่ 0.24 บ/หุ้น เล็กน้อย
View from fundamental: เรามองเป็นกลางต่อดีลนี้ เพราะเงินลงทุนไม่สูง 174-270 ลบ. จึงไม่กระทบต่อการดำเนินงานและฐานะการเงินของ COM7 อย่างมีนัยสำคัญ แต่ระยะยาว เรามองบวกต่อการต่อยอดกิจการ Non-retail ของบริษัทจากปัจจุบันมีสัดส่วน 5%ของรายได้

KKP
ธนาคารเกียรตินาคินภัทร
KKP ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนวงเงินไม่เกิน 1 พันล้าน
KKP ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนวงเงินไม่เกิน 1 พันล้านบาท โดยจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 16 ล้านหุ้น (ไม่เกิน 1.9% ของหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด) หรือคิดเป็น 62.50 บาท/หุ้น
View from fundamental: เรามีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยต่อการจ่ายปันผลระหว่างกาลที่สูงกว่าคาด อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าทิศทางธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของ KKP จะฟื้นตัวค่อนข้างช้า ทำให้เรายังแนะนำขาย

AH
อาปิโก ไฮเทค
มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
บริษัทได้รับคำสั่งซื้อใหม่มูลค่า 500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ตั้งแต่ 2Q26เป็นต้นไป และคาดว่ามูลค่าคำสั่งซื้อใหม่จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาทในปี 2027
View from fundamental: เราคาดว่ากำไรสุทธิ 3Q25 จะปรับเพิ่มขึ้น QoQ จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น หลังเหตุการณ์ไฟฟ้าดับในโปรตุเกสกดดันผลประกอบการในไตรมาสก่อน ขณะที่แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวมยังอยู่ในช่วงชะลอตัวใน 3Q25

 

 

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน