Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.ลิเบอเรเตอร์ : STGT แนะนำ HOLD ราคาเป้าหมาย 7.30 บาท

71

 

 

Equality for All
STGT : บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย)


2Q25 กำไรหดตัวแรง y-y และ q-q : STGT รายงานกำไรเพียง 77 ลบ. ลดลงถึง -80% y-y และ -82% q-q จากราคาขายเฉลี่ยลดลงมากกว่าต้นทุนที่ลดลง อีกทั้งค่าใช้จ่ายมากกว่าคาด และมีอัตราภาษีจ่ายเพิ่มจากมาตรฐาน GMT

ยอดขาย อยู่ที่ 5,997 ลบ. +5% y-y แต่ -8% q-q โดยปริมาณขาย 9,091 ล้านชิ้น +8% y-y แต่ -1% q-q แต่หากราคาขายเฉลี่ยลดลงเหลือ 0.66 บาทต่อชิ้น -3% y-y -7% q-q แม้จะได้ผลบวกจากราคาวัตถุดิบอย่างน้ำยางธรรมชาติ ลดลง -7% q-q น้ำยางสังเคราะห์ ลดลง -9% q-q แต่การลดลงของราคาวัตถุดิบที่น้อยกว่าราคาขายที่ลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลงเหลือ 8.6% จาก 13.5% ใน 2Q24 และ 13% ใน 1Q25

ค่าใช้จ่ายขาย และบริหาร เพิ่มขึ้น +3% y-y และ +5% q-q เนื่องจากแนวทางว่าหากโรงงานใดมีการใช้กำลังการผลิตน้อยกว่า 80% (2Q25 ใช้กำลังการผลิตที่ 75.8% เท่านั้น) ต้องปันส่วนค่าเสื่อมราคามาที่ค่าใช้จ่าย ประกอบกับภาษีจ่ายเพิ่มจากมาตฐาน GMT


ไทยยังได้เปรียบคู่แข่งในตลาดหลัง Tariff ชัดเจนขึ้น : หลังประกาศอัตราภาษีนำเข้าถุงมือในสหรัฐพบว่าอัตราภาษีของไทยหากเทียบกับคู่แข่งหลักอย่างมาเลเซียนั้นพบว่าเท่ากัน ขณะที่จีนยังไม่มีการประกาศอัตราภาษีอย่างเป็นทางการแต่หากยึดตามอัตราภาษีในปัจจุบันพบว่าอยู่ที่ 80% สำหรับถุงมือทางการแพทย์และ 58% สำหรับที่ไม่ใช่ทางการแพทย์


เช่นเดียวกับมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด(AD) ในบราซิล ซึ่ง STGT ได้อัตราภาษีต่ำสุดที่ 1.86 เหรียญ/ พันชิ้น ทำให้ STGT ได้เปรียบกับคู่แข่งจากจีน และมาเลเซียที่ได้รับอัตราภาษีที่สูงกว่า

อย่างไรก็ตาม จากการที่จีนไม่สามารถแข่งขันในตลาดสหรัฐได้จากอัตราภาษีนำเข้าที่สูงกว่าคู่แข่งทำให้จีนหันไปส่งออกประเทศอื่น ๆ แทนและทำให้การแข่งขันด้านราคารุนแรงขึ้น ภายใต้อุตสาหกรรมถุงมือยางที่ยังประสบปัญหาอุปทานล้นตลาด โดย STGT มีการส่งออกไปสหรัฐราว 30-35% ของการส่งออก

แนวโน้ม 3Q25 คาดฟื้นตัว q-q : หลังความชัดเจนเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐทำให้เริ่มเห็นคำสั่งซื้อกลับมาอีกครั้งคาดใน 3Q25 ปริมาณขายจะเพิ่มราว 5-10% q-q ขณะที่ในส่วนราคาขายคาดจะลดลงราว 5-7% q-q เช่นกันจากการแข่งขันด้านราคา แต่ราคาวัตถุดิบคาดจะลดลงราว 7-10% และเงินบาทที่มีเสถียรภาพมากขึ้นทำให้ภาพการดำเนินงาน 3Q25 จะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม จากการชะงักของคำสั่งซื้อในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาทำให้ ผบห. ปรับเป้าปริมาณขายปี 2025 ลงจาก 42,000 ล้านชิ้นเหลือ 40,000 ล้านชิ้น


ปรับประมาณการลง : เราปรับลดปริมาณขายลงจากการชะงักของคำสั่งซื้อที่เกิดขึ้น แต่คาดปัจจัยลบที่เคยเกิดในครึ่งปีแรกจะลดลงอาทิ เงินบาทแข็ง การใช้อัตรากำลังการผลิตต่ำซึ่งจะทำให้ค่าใช่จ่ายพิเศษที่เกิดขึ้นลดลงทำให้เราปรับกำไรก่อนรายการพิเศษขึ้นจากเดิมซึ่งไม่มีนัยสำคัญมากนัก โดยปรับยอดขายลงเหลือ 38,316 ลบ. -1% y-y ภายใต้ปริมาณขาย 38,316 ล้านชิ้น ลดลง -1% y-y ราคาขายเฉลี่ย 0.64 บาทต่อชิ้น ลดลง -1% y-y แต่มีปรับอัตรากำไรขั้นต้นขึ้น 0.5% จากเดิมเป็น 10.1% จากปริมาณขายในครึ่งปีหลังที่เร่งตัวขึ้น และผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าน้อยกว่าในครึ่งปีแรก แต่ปรับอัตราภาษีเพิ่มขึ้นจากผลของเกณฑ์ GMT ส่งผลให้กำไรปกติอยู่ที่ 942 ลบ. ลดลง -6% y-y เราปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” รับปันผล และรอการฟื้นตัวใน 2H25

 


ปัจจัยลบอื่นๆเริ่มเบาลง
“แม้ราคาขายจะลดลงจากราคาวัตถุดิบที่ลดลง แต่คาดว่าปัจจัยลบอื่น ๆ ที่เคยเกิดในช่วงที่ผ่านมาจะลดลงคาดส่งผลให้การดำเนินงานครึ่งปีหลังฟื้นตัวได้อีกครั้ง แต่การแข่งขันที่มีอยู่ทำให้ราคาขายยังถูกกดดัน
ราคาหุ้นไม่ถูกมากนัก แต่คาดน่าจะผ่านช่วงแย่สุดไปแล้ว พอถือได้จากผลตอบแทนเงินปันผล STGT ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง 7.2% น่าพอใจ ยังน่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว ”


นารี อภิเศวตกานต์
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน #17971
naree.a@liberator.co.th

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

SET และ APM เข้าเยี่ยมชมธุรกิจ บจก.เกษตรพัฒนาอุตสาหกรรม

SET และ APM เข้าเยี่ยมชมธุรกิจ บจก.เกษตรพัฒนาอุตสาหกรรม

วันนี้เขียว By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง วันนี้ ตลาดหุ้นไทย คงมีสีเขียว เกิดขึ้นในหุ้นหลายตัว บนตัวแปรบวก จากภายนอก เมื่อ พาวเวล ....

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้