ภาวะตลาด : SET Index วานนี้แกว่งในกรอบ 1228.43-1251.14 ปิดตลาดในโซนสูงของวันที่ 1248.13 เพิ่มขึ้น 12.37 จุด (+1.00%) มูลค่าซื้อขาย 4.3 หมื่นลบ. โดยมีการซื้อซื้อหุ้นพลังงาน PTTEP, PTT หุ้นสื่อสาร ADVANC, TRUE หุ้นปิโตรฯ เช่น PTTGC, SCC, IVL โดยมีข่าวว่ารัฐบาลเกาหลีใต้และ 10 บริษัทปิโตรเคมีบรรลุข้อตกลงลดการผลิตลง เพื่อลดแรงกดดันอุปทานล้น ซึ่งก่อนหน้าก็มีข่าวว่ารัฐบาลจีนสั่งให้โรงงานเก่าหยุดผลิต รวมถึงสะสมหุ้นกลุ่มแบงค์เพื่อรับปันผล นักลงทุนสถาบันในประเทศพลิกเป็นซื้อสุทธิ +2.08 พันล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิต่อ -563 ล้านบาท
ปัจจัยต่างประเทศ
• อินเดีย: รัฐบาลประกาศปรับลดภาษีมูลค่าเพิ่มสินค้าและบริการ (GST) กระตุ้นการบริโภคในประเทศ…เป็นข่าวบวกกับ GPSC, IVL, PTTGC
• สหรัฐ: ติดตามสุนทรพจน์นายพาวเวล ประธานเฟด ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาทิศทางเศรษฐกิจและแนวทางการลดดอกเบี้ย
• ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวนต่อรอฟังสุนทรพจส์ปธ.เฟดหลังประชุมประจำปีเฟดที่แจคสัน โฮล สัญญาน้ำมันดิบ WTI & Brent รีบาวด์เป็น 63-67 US$/bbl หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าคาด สัญญาทองคำ ส่งมอบธ.ค.พุ่งขึ้น +29.80 US$ เป็น 3,388.50 US$/ออนซ์ โดยดัชนีค่าเงิน US$ ทรงที่ 98.3 เงินบาททรงที่ 32.5 Bt/US$ ส่วน US bond yield 10 ปีทรงที่ 4.3% ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ทรงที่ 111.5 ดัชนี Baltic Dry Index อ่อนสู่ 1,927
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
• ก.คมนาคมระบุว่าจะเปิดลงทะเบียนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายผ่านแอป “ทางรัฐ” วันที่ 25 ส.ค.นี้ โดยโครงการมีอายุ 1 ปี คาด BTS, BEM ได้ประโยชน์
• ติดตามการเมืองไทย: สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา, ศาลอาญานัดฟังคาพิพากษาทักษิณคดีม.112 วันที่ 22 ส.ค.นี้, ศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจาและลงมติวินิจฉัยคดีคลิปเสียงแพทองธาร-ฮุนเซนในวันที่ 29 ส.ค.25 โดยศาลฯนัดไต่สวนแพทองธารวันนี้ (21 ส.ค.)
กลยุทธ์ : SET ดูดีขึ้นหลังเด้งขึ้นมาใกล้ 1250...ถ้ายืนเหนือ 1250 ได้ จะแกว่งขึ้นต่อ แต่ถ้าไม่ได้มีสิทธิลง...โดยปัจจัยที่จับตาและมีผลต่อตลาดในระยะสั้น คือ สุนทรพจน์ปธ.เฟดที่แจคสัน โฮล, ผลตัดสินคดีม.112 นายทักษิณ (22 ส.ค.), ผลตัดสินคดีคลิปเสียงน.ส.แพทองธาร (29 ส.ค.) , MSCI Quarterly Review (มีผลราคาปิด 26 ส.ค.) แนวรับ 1245-1240, 1230, 1215-1210, 1200 ส่วนแนวต้าน 1250, 1255-1260, 1270, 1280 ตามลำดับ
หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้ : TTB – คาดธนาคารจะจ่ายปันผลระหว่างกาลใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 0.065 บาท/หุ้น ณ ราคาปัจจุบัน 1.94 บาท คิดเป็น interim dividend yield ประมาณ 3.4% และจ่ายครึ่งหลังในอัตราเท่ากับ ทำให้ทั้งปี 2025F จะมี dividend yield สูงที่ 6.7% ขณะที่ธุรกิจยังมั่นคงเงินกองทุนแข็งแกร่ง บริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี แนะนำ ซื้อ
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829