Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

82

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 20 ส.ค.68 ปิด +12.37 จุด อยู่ที่ 1,248.13 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,127 ลบ. สถาบันซื้อ 2,084 ลบ. ต่างชาติขาย 563 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 367 ลบ. และรายย่อยขาย 1,154 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 153 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น KBANK,CPALL,SCC,CPF,OR และยอดขายหุ้น ADVANC,PTT,PTTEP,THAI,TRUE มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,233 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ HKCE01,SIRI,QH โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 9,146 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 117,891 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,274 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ+0.04%, S&P500 -0.24%, Nasdaq -0.67% ถูกแรงขายจากกลุ่มเทคโนโลยี -0.77% ขณะที่กลุ่มพลังงาน +0.86%, สินค้าอุปโภค +0.80% โดยนักลงทุนกังวลต่อภาวะฟองสบู่ในตลาด Ai ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.23% ได้แรงหนุนจากกลุ่มอาหาร & เครื่องดื่ม +2.3%, สินค้าอุปโภค +1.4% ขณะที่กลุ่มป้องกันประเทศ -1.4% โดยนักลงทุนคาดหวังเชิงบวกการเจรจาข้อตกลงสันติภาพรัสเซีย – ยูเครน
  • Market View
  • ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ Nasdaq -0.67% โดยนักลงทุนยังสลับเม็ดเงินลงทุนออกจากกลุ่มเทคโนโลยี เช้าสู่หุ้นกลุ่ม Value จากความกังวลต่อความเสี่ยงภาวะฟองสบู่ในตลาด AI ที่ยังต้องใช้เงินลงทุนสูง และอาจจะยังไม่สามารถสร้างกำไรในระยะสั้นได้ กอปรกับรัฐบาลสหรัฐต้องการจะเข้าถือหุ้นกลุ่มผู้ลผิตชิป เช่น Intel เพื่อแลกกับเงินอุดหนุนตาม กม.CHIPS Act ซึ่งสร้างความไม่แน่ใจให้กับผู้ประกอบการขิปรายอื่น ๆ ส่วน Fed Minutes ก.ค. นั้นเสียงแตก โดยมีคณะกรรมการ 2 ท่านหนุนให้ลดดอกเบี้ย เนื่องจากตลาดแรงงานสหรัฐในช่วง พ.ค. – ก.ค.มีสัญญาณชะลอตัว ทางด้านข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตาม ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, PMI ภาคผลิต & บริการสหรัฐ ส.ค.และวันศุกร์ ติดตามถ้อยแถลง ปธ.เฟด ในการประชุมที่แจ็คสัน โฮล
  • ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึ้น นำโดยอาหาร & เครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภค ขณะที่กลุ่มป้องกันประเทศ -1.4% หลังนักลงทุนมีความหวังเชิงบวกต่อการเจรจาข้อตกลงสันติภาพรัสเซีย – ยูเครน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ CPI อังกฤษ ก.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 3.8% & มิ.ย. 3.6% & คาดที่ 3.7% YoY ส่งผลให้ BOE อาจชะลอการลดดอกเบี้ย ขณะที่ CPI ยูโรโซน ก.ค. อยู่ที่ 2.0% ทรงตัว YoY ตามคาดการณ์ ค่ำวันนี้ติดตาม PMI ภาคผลิต & บริการยูโรโซน ส.ค. คาด 50.7 & ก.ค. 50.9
  • ตลาดหุ้นเอเขียวานนี้ดัชนีนิเกอิ -1.51%, Kospi เกาหลีใต้ -0.68% จากแรงขายหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ หลังรัฐบาลสหรัฐพยายามเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมชิป ด้วยการเข้าถือหุ้น ส่งผลให้หุ้น Samsung, SoftBank Group, TSMC ปรับลดลง ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +1.04% หลัง ธ.กลางจีนคงดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปี ที่ 3.0% และ 3.5% ตามลำดับ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจเข้านี้ PMI ภาคผลิตญี่ปุ่น ส.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 49.9 สูงกว่าคาดที่ 49.2
  • SET +1.00% ปริมาณการซื้อขาย 3 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 2,084 ลบ. ต่างชาติขาย 563 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 367 ลบ. และรายย่อยขาย 1,154 ลบ. โดยช่วงเช้าดัชนี SET ชะลอตัวจากความกังวลต่อภาวะฟองสบู่ในกลุ่ม Big Tech ของสหรัฐ ขณะทีช่วงบ่ายเม็ดเงินได้ไหลเข้าเก็งกำไรในกลุ่มปิโตรเคมี, บรรจุภัณฑ์ หลังรัฐบาลเกาหลีใต้สั่งให้บริษัทปิโตรเคมี 10 แห่ง ปรับลดกำลังการผลิตนาฟธาลง 2.7 – 3.7 ล.ตัน/ปี คิดเป็นกำลังการผลิตราว 1 – 1.2% ของกำลังการผลิตโลก ซึ่งส่งผลบวกต่อหุ้น SCC,PTTGC,IVL,IRPC ในแง่สเปรดผลิตภัณฑ์มีโอกาสกว้างขึ้น ขณะที่เม็ดบางส่วนก็ไหลเข้าซื้อสะสมในหุ้นกลุ่มสื่อสาร, โรงไฟฟ้า และค้าปลีก ที่เป็นกลุ่มปลอดภัย ระหว่างรอผลการประชุมเฟดที่แจ็คสัน โฮล ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศ วันพรุ่งนี้ศาลอาญานัดฟังคำตัดสินคดี 112 ของคุณทักษิณ และวันที่ 29 ส.ค. ศาล รธน.นัดฟังคำตัดสินคดีคลิปเสียงของนายก ฯ กับฮุนเซน

Daily Strategy

  • ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,230 – 1,240 แนวต้าน 1,250 – 1,260 คาดดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน, ปิโตรเคมี แต่ Upside ยังจำกัด เนื่องจากนักลงทุนรอถ้อยแถลงของ ปธ.เฟด และคดึ 112 ของคุณทักษิณในวันศุกร์นี้ ดังนั้นจึงแนะนำพักเงินในกลุ่มปลอดภัย เช่น ADVANC,GULF,CPF,BH,CPALL,CPN / เก็งกำไร SCC,PTTGC,IVL ได้ประโยชน์จาก ม.ลดกำลังการผลิตปิโตรเคมีของเกาหลีใต้ & จีน
  • COM7* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 28.50 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q68 ที่ 1 พันล้านบาท +2%QoQ, +33%YoY กำไรเติบโตสูง YoY โตจากยอดขายสาขาเดิม SSSG +6% รวมถึงผลการดำเนินงานของ NCAP ที่ดีขึ้น ส่วนแนวโน้มช่วง 3Q68-4Q68 คาดกำไรยังปรับขึ้นได้ต่อเนื่องจากการเปิดตัว iphone 17 ต้นเดือน ก.ย. และแผนการเปิดราคาใหม่ ซึ่ง ณ สิ้น 2Q68 มีจำนวนสาขา 1,320 สาขา ตั้งเป้าสิ้นปีเปิดครบ 1,400 สาขา รวมถึงธุรกิจ EV7 ที่สิ้น 2Q68 ส่งมอบแล้ว 835 คัน ตั้งเป้าส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้า 3 พันคันในปี 68 และสิ้นเชื่อ UFUND ที่พอร์ตสินปีหวังแตะ 5 พันล้านบาท ส่งให้เป้ารายทั้งทั้งปีทะลุ 8 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 68 ที่ 3.8 พันล้านบาท +15%YoY ส่วนปี 69 อยู่ที่ 4.1 พันล้านบาท +10%YoY
  • ICHI* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.80บาท) ไม่นับรายการพิเศษบวกจากการขายที่ดิน ไตรมาสนี้ 2Q68 กำไรปกติ +QoQ ตามฤดูกาลกับยอดส่งออกOEMโตโดยเฉพาะน้ำมะพร้าวขยายตัวดี แต่ -YoY จาก GPM ที่ลดลงเนื่องจากสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของสินค้า OEMที่ให้ GPM ต่ำกว่าเครื่องดื่มชาเขียว ปัจจุบัน IAA consensus คาดกำไรปี 68 ที่ 1,214 ลบ. -7%YoY กำไรชะลอลงตามการบริโภคในประเทศที่อ่อนตัวลง อย่างไรก็ตาม ระยะสั้น คาดว่าราคายังมีแรงหนุนจากเงินปันผลรอบนี้ที่ 0.55 บาท/หุ้น XD 27 ส.ค.นี้ คิดเป็น Dividend Yield ที่ 7%(จากราคา 11.70 บาท)

 

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 20 ส.ค.68 ปิด +12.37 จุด อยู่ที่ 1,248.13 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,127 ลบ. สถาบันซื้อ 2,084 ลบ. ต่างชาติขาย 563 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 367 ลบ. และรายย่อยขาย 1,154 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 153 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น KBANK,CPALL,SCC,CPF,OR และยอดขายหุ้น ADVANC,PTT,PTTEP,THAI,TRUE มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,233 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ HKCE01,SIRI,QH โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 9,146 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 117,891 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,274 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ+0.04%, S&P500 -0.24%, Nasdaq -0.67% ถูกแรงขายจากกลุ่มเทคโนโลยี -0.77% ขณะที่กลุ่มพลังงาน +0.86%, สินค้าอุปโภค +0.80% โดยนักลงทุนกังวลต่อภาวะฟองสบู่ในตลาด Ai ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.23% ได้แรงหนุนจากกลุ่มอาหาร & เครื่องดื่ม +2.3%, สินค้าอุปโภค +1.4% ขณะที่กลุ่มป้องกันประเทศ -1.4% โดยนักลงทุนคาดหวังเชิงบวกการเจรจาข้อตกลงสันติภาพรัสเซีย – ยูเครน
  • Market View
  • ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ Nasdaq -0.67% โดยนักลงทุนยังสลับเม็ดเงินลงทุนออกจากกลุ่มเทคโนโลยี เช้าสู่หุ้นกลุ่ม Value จากความกังวลต่อความเสี่ยงภาวะฟองสบู่ในตลาด AI ที่ยังต้องใช้เงินลงทุนสูง และอาจจะยังไม่สามารถสร้างกำไรในระยะสั้นได้ กอปรกับรัฐบาลสหรัฐต้องการจะเข้าถือหุ้นกลุ่มผู้ลผิตชิป เช่น Intel เพื่อแลกกับเงินอุดหนุนตาม กม.CHIPS Act ซึ่งสร้างความไม่แน่ใจให้กับผู้ประกอบการขิปรายอื่น ๆ ส่วน Fed Minutes ก.ค. นั้นเสียงแตก โดยมีคณะกรรมการ 2 ท่านหนุนให้ลดดอกเบี้ย เนื่องจากตลาดแรงงานสหรัฐในช่วง พ.ค. – ก.ค.มีสัญญาณชะลอตัว ทางด้านข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตาม ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, PMI ภาคผลิต & บริการสหรัฐ ส.ค.และวันศุกร์ ติดตามถ้อยแถลง ปธ.เฟด ในการประชุมที่แจ็คสัน โฮล
  • ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึ้น นำโดยอาหาร & เครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภค ขณะที่กลุ่มป้องกันประเทศ -1.4% หลังนักลงทุนมีความหวังเชิงบวกต่อการเจรจาข้อตกลงสันติภาพรัสเซีย – ยูเครน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ CPI อังกฤษ ก.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 3.8% & มิ.ย. 3.6% & คาดที่ 3.7% YoY ส่งผลให้ BOE อาจชะลอการลดดอกเบี้ย ขณะที่ CPI ยูโรโซน ก.ค. อยู่ที่ 2.0% ทรงตัว YoY ตามคาดการณ์ ค่ำวันนี้ติดตาม PMI ภาคผลิต & บริการยูโรโซน ส.ค. คาด 50.7 & ก.ค. 50.9
  • ตลาดหุ้นเอเขียวานนี้ดัชนีนิเกอิ -1.51%, Kospi เกาหลีใต้ -0.68% จากแรงขายหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ หลังรัฐบาลสหรัฐพยายามเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมชิป ด้วยการเข้าถือหุ้น ส่งผลให้หุ้น Samsung, SoftBank Group, TSMC ปรับลดลง ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +1.04% หลัง ธ.กลางจีนคงดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปี ที่ 3.0% และ 3.5% ตามลำดับ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจเข้านี้ PMI ภาคผลิตญี่ปุ่น ส.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 49.9 สูงกว่าคาดที่ 49.2
  • SET +1.00% ปริมาณการซื้อขาย 3 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 2,084 ลบ. ต่างชาติขาย 563 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 367 ลบ. และรายย่อยขาย 1,154 ลบ. โดยช่วงเช้าดัชนี SET ชะลอตัวจากความกังวลต่อภาวะฟองสบู่ในกลุ่ม Big Tech ของสหรัฐ ขณะทีช่วงบ่ายเม็ดเงินได้ไหลเข้าเก็งกำไรในกลุ่มปิโตรเคมี, บรรจุภัณฑ์ หลังรัฐบาลเกาหลีใต้สั่งให้บริษัทปิโตรเคมี 10 แห่ง ปรับลดกำลังการผลิตนาฟธาลง 2.7 – 3.7 ล.ตัน/ปี คิดเป็นกำลังการผลิตราว 1 – 1.2% ของกำลังการผลิตโลก ซึ่งส่งผลบวกต่อหุ้น SCC,PTTGC,IVL,IRPC ในแง่สเปรดผลิตภัณฑ์มีโอกาสกว้างขึ้น ขณะที่เม็ดบางส่วนก็ไหลเข้าซื้อสะสมในหุ้นกลุ่มสื่อสาร, โรงไฟฟ้า และค้าปลีก ที่เป็นกลุ่มปลอดภัย ระหว่างรอผลการประชุมเฟดที่แจ็คสัน โฮล ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศ วันพรุ่งนี้ศาลอาญานัดฟังคำตัดสินคดี 112 ของคุณทักษิณ และวันที่ 29 ส.ค. ศาล รธน.นัดฟังคำตัดสินคดีคลิปเสียงของนายก ฯ กับฮุนเซน

Daily Strategy

  • ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,230 – 1,240 แนวต้าน 1,250 – 1,260 คาดดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน, ปิโตรเคมี แต่ Upside ยังจำกัด เนื่องจากนักลงทุนรอถ้อยแถลงของ ปธ.เฟด และคดึ 112 ของคุณทักษิณในวันศุกร์นี้ ดังนั้นจึงแนะนำพักเงินในกลุ่มปลอดภัย เช่น ADVANC,GULF,CPF,BH,CPALL,CPN / เก็งกำไร SCC,PTTGC,IVL ได้ประโยชน์จาก ม.ลดกำลังการผลิตปิโตรเคมีของเกาหลีใต้ & จีน
  • COM7* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 28.50 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q68 ที่ 1 พันล้านบาท +2%QoQ, +33%YoY กำไรเติบโตสูง YoY โตจากยอดขายสาขาเดิม SSSG +6% รวมถึงผลการดำเนินงานของ NCAP ที่ดีขึ้น ส่วนแนวโน้มช่วง 3Q68-4Q68 คาดกำไรยังปรับขึ้นได้ต่อเนื่องจากการเปิดตัว iphone 17 ต้นเดือน ก.ย. และแผนการเปิดราคาใหม่ ซึ่ง ณ สิ้น 2Q68 มีจำนวนสาขา 1,320 สาขา ตั้งเป้าสิ้นปีเปิดครบ 1,400 สาขา รวมถึงธุรกิจ EV7 ที่สิ้น 2Q68 ส่งมอบแล้ว 835 คัน ตั้งเป้าส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้า 3 พันคันในปี 68 และสิ้นเชื่อ UFUND ที่พอร์ตสินปีหวังแตะ 5 พันล้านบาท ส่งให้เป้ารายทั้งทั้งปีทะลุ 8 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 68 ที่ 3.8 พันล้านบาท +15%YoY ส่วนปี 69 อยู่ที่ 4.1 พันล้านบาท +10%YoY
  • ICHI* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.80บาท) ไม่นับรายการพิเศษบวกจากการขายที่ดิน ไตรมาสนี้ 2Q68 กำไรปกติ +QoQ ตามฤดูกาลกับยอดส่งออกOEMโตโดยเฉพาะน้ำมะพร้าวขยายตัวดี แต่ -YoY จาก GPM ที่ลดลงเนื่องจากสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของสินค้า OEMที่ให้ GPM ต่ำกว่าเครื่องดื่มชาเขียว ปัจจุบัน IAA consensus คาดกำไรปี 68 ที่ 1,214 ลบ. -7%YoY กำไรชะลอลงตามการบริโภคในประเทศที่อ่อนตัวลง อย่างไรก็ตาม ระยะสั้น คาดว่าราคายังมีแรงหนุนจากเงินปันผลรอบนี้ที่ 0.55 บาท/หุ้น XD 27 ส.ค.นี้ คิดเป็น Dividend Yield ที่ 7%(จากราคา 11.70 บาท)

 

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, คาดทิศทางดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง,  Earning Play 2Q68, High Season ไตรมาส3, และ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Trade War สหรัฐ-จีน ลดความรุนแรงลง    

 

(1) กลุ่มการเงิน คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายลดลงในช่วง 2H68 NCAP*, SINGER* ,SGC* , MTC*, SAWAD*, TIDLOR*

 

(2) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์ตามฤดูกาลจากฤดูร้อน GULF*, GPSC*, BCPG

 

(3) กลุ่ม China Play คาดความตึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และรัฐบาลจีนมีโอกาสออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น SCC* ,SCGP* , PTTGC, IVL*

 

(4) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*, SIS*

 

(5) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC , NSL*

 

(6) กลุ่มส่งออกที่ผันผวนตามประเด็นภาษีศุลกากรสหรัฐฯ เน้น เก็งกำไร เมื่อมีพัฒนการเชิงบวกของการเจรจาไทย-สหรัฐฯ เช่น DELTA*, CCET*, KCE*, TU, ITC*, ASIAN*, AAI*, COCOCO*

 

(7) กลุ่มร.พ.ที่ไตรมาส 2 เป็น Low Season แต่เข้าสู่ High Season ในไตรมาส3 เช่น BDMS, SKR, WPH*, PR9*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio August 2025: KLINIQ, CPN*, PTTGC*, GULF*, TIDLOR*

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999 Ext  2201

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

เกาะหุ้นกระแส By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง วันนี้ จะเล่นหุ้นในตลาดหุ้นไทย ก็ต้องเกาะกระแสหุ้นที่มีคลื่นเก็งกำไรสูง หุ้นในกระแส หุ้นที่...

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้