AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ยังพักฐาน
เลือกหุ้นงบ 2H68 เติบโตดี

Market Strategy
SET Index ยังพักฐานตามกรอบ 1225-1245 จุด จากปัจจัยแวดล้อมอยู่ในช่วงติดตามพัฒนาการของเหตุการณ์ โดยต่างประเทศอยู่ที่การส่งสัญญาณประธาน FED ในการประชุม Jackson Hole, การเจรจายุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่วนภายในประเทศมีประเด็นการเมืองจากการเข้าใกล้ศาลตัดสินคดีคุณทักษิณและนายกฯ แต่ด้วย Valuation ของ SET Index ที่ไม่แพง จึงมองการย่อลงมาเป็นจังหวะทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี โดยวันนี้เลือก BH และ TRUE
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ S&P500 ปรับลง -0.6% กดดันจากแรงขายทำกำไรของหุ้นกลุ่ม Tech รวมถึงตลาดอยู่ในช่วงปรับมุมมองการลดดอกเบี้ยฯ ของ FED ซึ่งปัจจุบันยังคาดปีนี้จะลดดอกเบี้ยฯ 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% โดยการลดครั้งแรกเกิดในเดือน ก.ย.และครั้งถัดไป ธ.ค. การลดดอกเบี้ยฯครั้งที่ 2 ถือว่าช้าลงเล็กน้อยจากต้นสัปดาห์ที่คาดว่าจะเกิดใน ต.ค. ทั้งนี้เราเชื่อว่ามุมมองการปรับลดดอกเบี้ยฯจะเริ่มนิ่งหลังการการประชุม Jackson Hole ซึ่งไฮไลท์อยู่ที่การกล่าวสุนทรพจน์ของประธาน FED ในวันศุกร์ที่ 22 ส.ค. นี้ ระหว่างรอความชัดเจนจะเป็นปัจจัยที่จำกัดการไหลเข้าของ Fund Flow ต่างชาติ
ราคาน้ำมันดิบปรับ -1.2% แรงกดดันมาจากความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมันจากรัสเซียสู่ตลาดโลกที่อาจเพิ่มขึ้น หากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยุติลง ซึ่งจุดที่ให้ความสนใจถัดไป คือ การประชุมระหว่างผู้นำ 3 ฝ่าย (สหรัฐฯ-รัสเซีย-ยูเครน) ที่จะเป็นตัวสะท้อนความเป็นไปได้ของการบรรลุถึงข้อตกลงจบสงคราม สถานการณ์ข้างต้นจึงเชื่อว่าจะเป็นแรงกดดันต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่นระยะนี้ แต่อีกด้านเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่ม Anti-Oil ซึ่งเราชอบ GPSC
สำหรับปัจจัยในประเทศประเด็นการเมืองจะกลับมาสู่จุดสนใจ เพราะใกล้เข้าสู่การตัดสินของศาลต่อคดีของนายกฯ และคุณทักษิณ ซึ่งส่งผลให้ตลาดผันผวนเป็นระยะๆ แต่อย่างไรก็ตามเราให้น้ำหนักไปที่ผลลัพธ์ที่ออกมาจะไม่มีการยุบสภา ไม่ได้ทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง ขณะที่งบประมาณปี 69 คาดว่าจะเบิกจ่ายได้ปกติหลังผ่านการพิจารณาในชั้น ส.ส. ไปแล้ว จึงประเมินการปรับลงจากประเด็นนี้จะเป็นโอกาสการสะสม

Market Summary
SET Index ปรับลง -0.5% หรือ -6.6 จุด หุ้นที่กดดันมาจากกลุ่มพลังงาน หลังจากการเจรจายุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนเป็นไปในทางบวกเป็นลบต่อราคาน้ำมันดิบกดดัน PTTEP -2.7% PTT -1.6% TOP -4.7% กลุ่มอิเล็คฯลงต่อนำโดย DELTA -1% กลุ่มขนส่ง THAI -2.1% กลุ่มที่บวก Outlook ใน 2Q68 เติบโต SAWAD +3.8% COM7 +0.8% CKP +2% เป็นต้น โดยนักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1.09 พันล้านบาท เช่นเดียวกับต่างชาติขายสุทธิ 416 ล้านบาท

DAILY Stock Pick
BH
กำไรฟื้นตัว HoH
และ Valuation น่าสนใจ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 225.00 บาท
เราคาดว่า กำไร 2H68 ฟื้นตัว HoH เข้าสู่ช่วง High Season รวมถึงไม่มีผลกระทบจากรอมฎอนและแผ่นดินไหว ส่วน YoY ฟื้นตัวจากการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น อีกทั้งการต่อสัญญาและขยายตลาดในตะวันออกกลางเพิ่มเติมหนุน Upside
ราคา ณ ปัจจุบัน ถูกซื้อขายที่ PE’68 ที่ 19 เท่า (-0.75SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 20 เท่า Valuation ช่วยจำกัด Downside


WEEKLY Stock Pick
TRUE
Top pick กลุ่ม ICT ผสาน
กำไรฟื้น 3Q68
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 14.40 บาท
เบื้องต้นเราคาดกำไร 3Q68 ฟื้นตัว YoY และ QoQ จากทั้งรายได้ที่ฟื้นตัว และรายจ่าย OPEX ที่ลดลงผ่านการลดจำนวนเสา และ Cost Saving ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา
เราชอบ TRUE เนื่องจาก PE’69 อยู่ที่ 17 เท่า เทียบกับ ADVANC ที่ 19 เท่า ในขณะที่กำไรปี 69 TRUE เติบโต 18%YoY เทียบกับ ADVANC ที่เติบโตเพียง 8%YoY ในขณะที่ TRUE มี upside เพิ่มเติมจาก Cost saving

KEY FACTOR
กระแสเงินลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายหุ้นไทยต่อเนื่อง 4 วันติด รวมสะสม -2.2 พันล้านบาท ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาด EM Asia ที่ไหลออกสั้นๆเช่นกัน หลังจากรับข่าวบวกสถานการณ์สงครามการค้าผ่อนคลาย และเก็งโอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าเดิม แต่อย่างไรก็ตามตลาดเริ่มกลับมาระมัดระวัง และให้น้ำหนักรอการส่งสัญญาณของประธาน Fed ในการประชุม Jackson Hole วันที่ 22 ส.ค. ซึ่งถือเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายก่อนที่จะหมดวาระ พ.ค. 2569
จีน มีกำหนดประกาศดอกเบี้ย LPR อายุ 1 และ 5 ปี โดย Consensus ประเมินว่า PBOC น่าจะยังคงดอกเบี้ยที่ระดับ 3.0% และ 3.5% ตามลำดับ ทั้งนี้ ตลาดยังคงคาดหวังการส่งสัญญาณเชิงผ่อนคลายและนำไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงถัดไป

EYES ON
20 ส.ค. ดอกเบี้ย LPR 1 และ 5ปี ของจีน
21 ส.ค. รายงานการประชุม FOMC เดือน ก.ค., S&P Global PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ, HCOB PMI ภาคการผลิตและบริการของ Eurozone

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ