MEGA : อัตราแลกเปลี่ยนอ่อนค่า เมียนมาอ่อนค่า และปัจจัยลบด้านภาษีกดดันแนวโน้มระยะสั้น

ค่าเงินเมียนมาอ่อนค่า บาทแข็งค่า และอัตราภาษีที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อกำไร
กำไรสุทธิใน 2Q25 ของ MEGA ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ หากไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรปกติโดยรวมเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยลดลงทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนตัวจากเมียนมา แรงกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า และอัตราภาษีที่แท้จริงที่สูงขึ้นหลังจากการสิ้นสุดของสิทธิประโยชน์ทางภาษี แนวโน้มใน 3Q ยังคงอ่อนแอ สอดคล้องกับแนวโน้มใน 2Q โดยคาดว่าจะฟื้นตัวใน 4Q จากอุปสงค์ตามฤดูกาล เรายังคงคำแนะนำ "ถือ" เนื่องจากแนวโน้มระยะสั้นที่ซบเซาและ Upside ต่อราคาเป้าหมายมีจำกัด

กำไรใน 2Q25 ลดลงทั้ง YoY และ QoQ
MEGA รายงานกำไรสุทธิใน 2Q25 ที่ 391 ล้านบาท ลดลง 24% YoY และ 13% QoQ หากไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 106 ล้านบาท กำไรปกติจะอยู่ที่ 497 ล้านบาท ซึ่งลดลง 29% YoY และ 8% QoQ การลดลงของกำไรเกิดจากรายได้ที่ลดลง YoY อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง QoQ และภาระภาษีที่สูงขึ้น รายได้ลดลง 14% YoY ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดลง 35% YoY ในกลุ่มธุรกิจจัดจำหน่าย เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอในเมียนมาส่งผลกระทบต่อทั้งความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจาก 36.71 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐใน 2Q24 เป็น 33.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐใน 2Q25 ยังส่งผลให้การเติบโตของรายได้ในกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมลดลง ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 2.5% YoY (+10.5% QoQ) หากไม่รวมเมียนมา รายได้จากสินค้าแบรนด์เนมยังคงเติบโต 12% YoY อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 48.5% เป็น 50.9% YoY โดยได้รับแรงหนุนจากสัดส่วนรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์แบรนด์ที่สูงขึ้น แต่ลดลงจาก 52.2% QoQ เนื่องจากแรงกดดันด้านอัตราแลกเปลี่ยน อัตราส่วนค่าใช้จ่าย S&A ต่อยอดขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 33.2% เป็น 33.6% QoQ แต่เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 28.8% YoY เนื่องจากรายได้ที่ลดลง อัตราภาษีที่แท้จริงเพิ่มขึ้นเป็น 19.2% เพิ่มขึ้นจาก 11.7% YoY และ 13.3% QoQ หลังจากการสิ้นสุดสิทธิประโยชน์ทางภาษี

แนวโน้มระยะสั้นยังคงไม่น่าประทับใจ...
เราคาดว่าแนวโน้มใน 3Q จะยังคงอยู่ในระดับต่ำ เช่นเดียวกับ 2Q อย่างไรก็ตาม กำไรน่าจะปรับตัวดีขึ้นใน 4Q เนื่องจากความต้องการสินค้าตามฤดูกาล MEGA วางแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 37 รายการในปีนี้ โดยเปิดตัว 14 รายการในช่วง 1H และ 23 รายการในช่วง 2H และปัจจุบันกำลังยื่นขอสิทธิประโยชน์ทางภาษีใหม่ การอนุมัติใดๆ จะส่งผลให้การคาดการณ์ของเรามีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากเราได้ตั้งการคาดการณ์อย่างระมัดระวังว่าจะไม่ได้รับประโยชน์ทางภาษีใดๆ ในการคาดการณ์อัตราภาษีปี 2026-27

...แต่ศักยภาพในการเติบโตระยะยาวยังคงเดิม
สำหรับการเติบโตในระยะยาว MEGA จะยังคงมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจแบรนด์ และตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้จากแบรนด์ในปี 2025 เป็นสองเท่าในอีกห้าปีข้างหน้า คาดว่าการเติบโตจะเร่งตัวขึ้นผ่านการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องและการมุ่งเน้นไปที่ตลาดที่มีการเติบโตสูง บริษัทวางแผนที่จะสร้างโรงงานแห่งใหม่ในเวียดนาม โดยอ้างถึงจำนวนประชากรจำนวนมากและศักยภาพในการเติบโต
ที่แข็งแกร่งของประเทศ การก่อสร้างคาดว่าจะเริ่มต้นในปลายปี 2025 และจะแล้วเสร็จภายในปลายปี 2028 และจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2029 ในประเทศอินโดนีเซีย โรงงานแห่งใหม่มีกำหนดแล้วเสร็จใน 1Q26 โดยคาดว่าจะมีจุดคุ้มทุน EBITDA ในปี 2026 และคาดว่าจะมีกำไรในปี 2027-28 MEGA ยังมองไกลกว่าความอ่อนแอที่เกิดขึ้นในเมียนมา โดยมีแผนลงทุน 15-20 ล้านดอลลาร์สหรัฐในโรงงานแห่งใหม่เพื่อผลิตสินค้าเดิมในประเทศ ทดแทนการนำเข้าจากประเทศไทย

คงประมาณการและคำแนะนำ “ถือ” สำหร้บ MEGA โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่าก้บ 32.00 บาท
เรายังคงประมาณการและมูลค่าที่เหมาะสมไว้ที่ 32 บาท อ้างอิงจากอัตราส่วนทางการเงินต่อกำไร (PER) ปี 2025 ที่ 11.9 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี -1SD) เนื่องจากแนวโน้มที่อ่อนแอลงและปัจจัยบวกที่จำกัด เราจึงยังคงคำแนะนำ “ถือ” ความเสี่ยงประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในตลาดหลัก และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น