Company Note
Osotspa

สรุปประชุมนักวิเคราะห์

ภาพรวมผลการดำเนินงาน 2Q25 และ 1H25

ยอดขายของบริษัทยังเผชิญแรงกดดันเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากการลดสต็อกสินค้าที่ดำเนินไปจนถึงเดือนเมษายน อย่างไรก็ดี โมเมนตัมรายได้เริ่มฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่เดือนพ.ค.-มิ.ย.25 อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ได้แรงหนุนจากประสิทธิภาพด้านต้นทุนวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ การปรับสัดส่วนผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดต่างประเทศและกลุ่ม Personal Care ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น รวมถึงการปรับลดส่วนลดทางการค้าในช่องทาง Traditional Trade ขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A ได้รับการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยลดลงจากปีก่อนในเชิงตัวเงิน ส่งผลให้แม้ยอดขายจะอ่อนตัว แต่กำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นจากการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

แนวโน้มและกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง 2025

ยอดขายในประเทศคาดว่าจะทรงตัวหรือติดลบเล็กน้อยตลอดทั้งปี จากผลกระทบของการลดสต็อกในครึ่งปีแรกและกำลังซื้อที่ยังอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม ยอดขายเดือนก.ค.25 ยังใกล้เคียงกับเดือนพ.ค.-มิ.ย.25 และยังเติบโตได้เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยสินค้า M-150 ราคา 10 บาท และ 12 บาท ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญช่วยพยุงยอดขายโดยรวม สำหรับต่างประเทศ เมียนมาในช่วงครึ่งปีหลังเป็น low season แต่ทั้งปียังคงเป็นตลาดหลักที่เติบโตได้ดี แม้มีคู่แข่งรายใหม่ ขณะที่กัมพูชามีผลกระทบต่อบริษัทเพียงเล็กน้อย กลุ่ม Personal Care คาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องในระดับเลขสองหลัก (Double-digit) อัตรากำไรขั้นต้นครึ่งปีหลังอาจอ่อนตัวเล็กน้อยจากผลของ Seasonality และสัดส่วนยอดขายต่างประเทศที่ลดลง แต่เมื่อเทียบกับปีก่อนยังคงดีกว่าชัดเจนจากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ SG&A คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในเชิงตัวเงินตามฤดูกาล แต่ในสัดส่วนต่อยอดขายยังใกล้เคียงกับปีก่อน

ประเด็นอื่นที่น่าจับตา

การแข่งขันในตลาดเครื่องดื่มพลังงานยังคงทรงตัว ไม่ได้รุนแรงขึ้นจนเป็นความเสี่ยงที่น่ากังวล ต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานมีความมั่นคงมากขึ้นจากการทำสัญญาซื้อล่วงหน้าอลูมิเนียมและก๊าซธรรมชาติจนถึงสิ้นปี อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำตาลยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม ที่สำคัญกระบวนการลดสต็อกสิ้นสุดลงแล้วในเดือนเมษายน และจะไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายในประเทศ 3Q25 อีกต่อไป โดยรวมบริษัทมีแนวโน้มสร้างความสามารถในการทำกำไรที่ดีกว่าปีก่อน จากโครงสร้างมาร์จิ้นที่ปรับตัวดีขึ้น การเติบโตของตลาดเมียนมาและกลุ่ม Personal Care รวมถึงการบริหารต้นทุนที่มีเสถียรภาพ

คงประมาณการกำไรหลักเติบโตเฉลี่ยปีละ 13% (CAGR2Y) จากการควบคุมต้นทุน

แนวโน้ม 3Q25F เราคาดจะเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลการส่งออกลดลงเป็นหลัก ส่งผลอัตราทำกำไรลดลง และคาดกำไรสุทธิครึ่งปีหลังจะอ่อนจากครึ่งปีแรกจากปัจจัยฤดูกาลของการส่งออกที่ลดลง คาดอัตราทำกำไรลดลงจากสัดส่วนการส่งออกที่ลดลงเทียบกับครึ่งปีแรก เราคงประมาณการกำไรหลักปี 2025-26F เติบโตเฉลี่ยปีละ 13% (CAGR2Y) โดยคาดรายได้กลุ่มเครื่องดื่ม energy drink ปี 2025F เพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากการปรับลดสต๊อกสินค้าราคา 12 บาท ในช่วง 4 เดือนแรกของปี และคาดส่วนแบ่งการตลาด M-150 ในประเทศจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 3Q25F เป็นต้นไป จากการทำการตลาดเพิ่ม M-150 ราคาปลีก 10 บาท ดึงส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้น สำหรับ

ธุรกิจ Personal care เราคาดเติบโตปีละ 5% จากการออกสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น คาดอัตราทำกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเป็นหลักจากการบริหารจัดการควบคุมต้นทุนเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และต้นทุน packaging ที่ลดลง คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาจากการควบคุมค่าใช้จ่าย

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 22.7 บาท

จากการปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่เน้นขยายตลาด Traditional trade เพื่อดึงส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 22.7 บาท อ้างอิง PER forword-1SD ของ OSP อยู่ที่ 20X จากกลุ่มเครื่องดื่มพลังงานในประเทศและธุรกิจ Personal Care มีการแข่งขันสูง ราคาหุ้นปัจจุบันมี PER25F อยู่ที่ 14.6X Dividend Yield 25F อยู่ที่ 6.9% โอกาส : การขยายตลาดส่งออก ความเสี่ยง : ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด, ต้นทุน commodities ที่สูงขึ้น, เศรษฐกิจชะลอตัว