SET มีย่อบ้าง แต่ก็ยังแจ๋ว
TOP PICK PLANB / BDMS / SPALI

EXTERNAL FACTOR
• การเจรจาสงครามตะวันออกกลางมีความคืบหน้า สหรัฐฯ–รัสเซียตกลงเบื้องต้นเรื่องหลักประกันความมั่นคงของยูเครน ซึ่งอาจกำลังเดินหน้าสู่ “ข้อตกลงสันติภาพ”โดยตรงแทนการหยุดยิงชั่วคราว ช่วยคลายความกังวลสงครามรุนแรง ซึ่งน่าจะช่วยลดความผันผวนในตลาดหุ้นไปได้ และมองเป็นเหตุกดดันราคาน้ำทันดิบ WTI ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน และต่ำสุดในช่วงเวลาเดียวกันรอบ 4 ปี
• อีกประเด็นหนึ่ง ยังมีความคาดหวังดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐฯ รอติดตามการประชุมJACKSON HOLE ในวันที่ 21-23 ส.ค. 68 โดย FED อาจเตรียมเปิดเผยกรอบนโยบายใหม่ ท่ามกลางแรงกดดันจากภาษีและเงินเฟ้อ

INTERNAL FACTOR
• สภาฯ โหวตผ่านร่างงบฯ ปี 69 ด้วยมติ 257 ต่อ 230 เสียง วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาทส่ง สว.พิจารณาด่านสุดท้ายวันที่ 25-26 ส.ค.68 ก่อนทูลเกล้าฯช่วงต้น ก.ย.68 และประกาศใช้ให้ทันก่อน 1ต.ค.68
• เช้านี้ 9.30 น.ติดตามตัวเลขGDP งวด 2Q68 ไทย ที่ CONSENSUS คาดว่าอยู่ระดับ+2.7%YOY / +0.5%QOQ ซึ่งเป็นการเติบโตในอัตราชะลอลงทั้ง YOY และ QOQอย่างไรก็ตามมีตัวช่วยจากแผนงาน NEGATIVE INCOME TAX ที่เป็นตัวประคองเศรษฐกิจไทยในอนาคต

INVESTMENT STRATEGY
• SET INDEX มีโอกาสเดินหน้าต่อ จาก 4 แรงหนุนในสัปดาห์นี้ คือ ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ตะวันออกกลางผ่อนคลาย, งบประมาณปี 2569 ผ่านเป็นที่เรียบร้อย, กำไรบริษัทจดทะเบียนงวด 2Q68 น่าจะเกิน 3 แสนล้านบาท หนุนให้กำไรครึ่งปีแรกเกิน 6 แสนล้านบาทได้ และนักลงทุนน่าจะเก็งกำไรหุ้นปันผลระหว่างกาลต่อ ขณะที่ฝ่ายวิจัยประมาณกำไรทั้งปีไว้ที่ 1.06 ล้านล้านบาท, ดัชนีFTSE มีการ REBALANCE พอร์ตประจำไตรมาส ประกาศในคืนวันที่ 22 ส.ค. 68 ซึ่งมีโอกาสที่จะเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยได้
• ดังนั้นช่วง SET ย่อตัวลงยังเป็นจังหวะในการสะสมหุ้นเพิ่ม หรือเก็งกำไร แนะนำหุ้นภูมิรัฐศาสตร์ผ่อนคลายAOT, THAI, AAV, ERW หุ้นงบประมาณผ่าน SCC, TASCO, CK, STECON หุ้นปันผลสูง ICHI, SPALI

ตลาดหุ้นดูมีแรงหนุนเบาๆ จากเจรจารัสเซียคืบหน้า บวกกับรอสัญญาณดอกเบี้ยขาลง
การเจรจาสงครามตะวันออกกลางมีความคืบหน้า หลังผู้แทนสหรัฐฯ เผยเบื้องต้น "ปูติน" ยอมรับข้อตกลงของ"ทรัมป์" ใช้หลักประกันความมั่นคงแบบคล้าย ARTICLE 5 ของ NATO โดบยินยอมให้สหรัฐฯ-ชาติยุโรป ให้ความคุ้มครองยูเครน เป็นหนึ่งในเงื่อนไขของการยุติสงคราม ขณะที่ “เซเลนสกี” เตรียมเข้าพบหารือทรัมป์ในวันที่18 ส.ค.นี้ พร้อมดันยุโรปร่วมโต๊ะเจรจา 3 ฝ่ายภาวะดังกล่าวอาจกำลังเดินหน้าสู่ “ข้อตกลงสันติภาพ” โดยตรงแทนการหยุดยิงชั่วคราว ช่วยคลายความกังวลสงครามรุนแรง ซึ่งน่าจะช่วยลดความผันผวนในตลาดหุ้นไปได้และมองเป็นเหตุกดดันราคาน้ำทันดิบ WTI ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน และต่ำสุดในช่วงเวลาเดียวกันรอบ 4 ปีประเด็นดังกล่าวเป็นบวกต่อตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นขนส่ง, หุ้นท่องเที่ยว หุ้นโรงพยาบาลเงินสด AOT, THAI, AAV,MINT, ERW, CENTEL, BH, BDMS รวมถึง DR : SIA19 (SINGAPORE AIRLINE), BKNG80 (BOOKING.COM)

อีกประเด็นหนึ่ง ยังมีความคาดหวังดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐฯ ในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดย FEDWATCH TOOL คาดFED จะลดดอเบี้ย 2 ครั้ง โดยครั้งแรกในเดือน ก.ย. 68 และครั้งต่อไปในเดือน ต.ค. 68 นอกจากนี้ยังมีสัญญาณล่าสุดจากยอดค้าปลีกและภาคการผลิตสหรัฐในเดือน ก.ค. 68 ชะลอตัวลงต่ำกว่าคาดการณ์
• ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เดือน ก.ค. 68 ขยายตัว +0.5%MOM ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนที่ +0.9%MOM
• ภาคการผลิตสหรัฐฯ เดือน ก.ค. 68 หดตัว-0.1%MOM ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนที่ +0.4%MOM
อย่างไรก็ดี ในวันที่ 21-23 ส.ค. 68 รอติดตามการประชุม JACKSON HOLE โดย FED อาจเตรียมเปิดเผยกรอบนโยบายใหม่ ท่ามกลางแรงกดดันจากภาษีและเงินเฟ้อ

การเมืองไทยมีแนวทางที่ชัดเจนขึ้น บวก NEGATIVE INCOME TAX หนุนเศรษฐกิจไทยไม่ชะลอลงมาก
สภาฯ โหวตผ่านร่างงบฯ ปี 69 ด้วยมติ 257 ต่อ 230 เสียง วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ส่ง สว.พิจารณาด่านสุดท้ายวันที่ 25-26 ส.ค.68 ก่อนทูลเกล้าฯช่วงต้น ก.ย.68 และ ประกาศใช้ให้ทันก่อน 1ต.ค.68 โดยเน้นไปที่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก อาทิ 1.การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและพลังงานสะอาดเพื่อรองรับเศรษฐกิจใหม่ 2.การสนับสนุนภาคเกษตร และ SMES ผ่านงบประมาณพัฒนาอาชีพ-นวัตกรรม 3.การกระจายงบประมาณไปยังภูมิภาค ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองกับชนบท

ซึ่งหลังการประกาศว่า กระทรวงการคลังตัดสินใจยกระดับนโยบายสวัสดิการใช้ระบบภาษีเชิงลบ “NEGATIVEINCOME TAX” หรือ NIT ในปี 2570 เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลพัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (DATA LAKE) ที่ขณะนี้มีข้อมูลครอบคลุมกว่า 60.8 ล้านคน และภาคธุรกิจกว่า 6 แสนกิจการ โดยแนวคิดการเก็บภาษีที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ ซึ่งจะต้องเข้าระบบภาษีและยื่นภาษีเหมือนกันทุกคน หมายความว่า
• บุคคลรายได้สูงกว่าเกณฑ์ต้องยื่นแบบภาษี-เสียภาษีตามปกติ
• บุคคลรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ต้องยื่นแบบภาษี แต่ไม่ต้องเสียภาษี และจะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐแทน
อย่างไรก็ตาม ข้อท้าทายของนโยบายนี้คือการกำหนดเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ อัตราการชดเชย และการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังที่สูงเกินไป จึงต้องติดตามเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ และกระบวนการอย่างใกล้ชิด แต่ฝ่ายวิจัยฯคาดว่าจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้น และช่วยลดระดับหนี้ของรัฐบาลลงได้ระดับหนึ่งหากทำสำเร็จซึ่งน่าจะเป็นตัวช่วยให้ GDP GROWTH ของบ้านเรามีโอกาสเติบโตมากกว่าที่สำนักเศรษฐกิจคาดการณ์ไว้ได้ส่วนเช้านี้ 9.30 น.ติดตามตัวเลขGDP งวด 2Q68 ไทย ที่ CONSENSUS คาดว่าอยู่ระดับ +2.7%YOY /+0.5%QOQ ซึ่งเป็นการเติบโตในอัตราชะลอลงทั้ง YOY และ QOQ ดังรูปด้านล่าง

SET ยังมีแรงหนุนต่อในสัปดาห์นี้
SET INDEX มีโอกาสเดินหน้าต่อ จาก 4 แรงหนุนในสัปดาห์นี้ คือ
▪ ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ตะวันออกกลางผ่อนคลาย
▪ งบประมาณปี 2569 ผ่านเป็นที่เรียบร้อย
▪ กำไรบริษัทจดทะเบียนงวด 2Q68 น่าจะเกิน 3 แสนล้านบาท หนุนให้กำไรครึ่งปีแรกเกิน 6 แสนล้านบาทได้และนักลงทุนน่าจะเก็งกำไรหุ้นปันผลระหว่างกาลต่อ ขณะที่ฝ่ายวิจัยประมาณกำไรทั้งปีไว้ที่ 1.06 ล้านล้านบาท
▪ ดัชนี FTSE มีการ REBALANCE พอร์ตประจำไตรมาส ประกาศในคืนวันที่ 22 ส.ค. 68 ซึ่งมีโอกาสที่จะเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยได้ประเมินแนวรับ SET INDEX ที่สำคัญ 1230 –1240 จุด ส่วนแนวต้านบริเวณ 1280 จุด และถัดไปที่ 1300 จุด ดังนั้นช่วง SET ย่อตัวลงยังเป็นจังหวะในการสะสมหุ้นเพิ่ม หรือเก็งกำไร
▪ หุ้นภูมิรัฐศาสตร์ผ่อนคลาย AOT, THAI, AAV, ERW, DR (SIA19, BKNG80)
▪ หุ้นงบประมาณผ่าน SCC, TASCO, CK, STECON
▪ หุ้นปันผลสูง ICHI, SPALI

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์