Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

57


หวังเม็ดเงิน SAFE HAVEN ช่วยพยุงหุ้น
TOP PICK MTC / PTT / SPALI

 


EXTERNAL FACTOR
• วานนี้สหรัฐฯ เผยตัวเลขเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ในเดือน ก.ค. 68 ขยายตัว3.3%YOY ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 3 ปี หลักๆ มาจากต้นทุนฝั่งบริการเพิ่มขึ้น1.1% ซึ่งเป็นการเพิ่มสูงสุดตั้งแต่ มี.ค. 65 สะท้อนว่าสะท้อนว่าบริษัทต่างๆ เริ่มปรับราคาสินค้าและบริการ เพื่อชดเชยต้นทุนจากภาษีนำเข้า
• เงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มสูงกว่ากรอบเป้าหมาย 2% ทำให้ความคาดหวังทิศทางดอกเบี้ยขาลง ถูกทำลายลงไปบางส่วน โดยล่าสุด FEDWATCH TOOL คาดการณ์โอกาสดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. 68 ให้น้ำหนักเพิ่มเป็น 7.9%


INTERNAL FACTOR
• SET INDEX ปรับตัวขึ้นแรง 16.3% ตั้งแต่ ก.ค.68-ปัจจุบัน ชนะเกือบทุกประเทศ ทั้งกลุ่ม TIP เอเชียเหนือ สหรัฐฯ และโซนยุโรป แพ้เพียงเวียดนามประเทศเดียวที่ปรับขึ้น
+19.2%
• หุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาหลักๆ คือ DELTA และ THAI ที่ปรับตัวขึ้นมาร้อนแรงกว่า 57.3%และ 69.5% ตามลำดับ(THAI ใช้ราคาปิดหลังวันกลับเข้าเทรด 1 วัน) ซึ่งรวมกันดันดัชนี112 จุด จากดัชนี SET INDEX ที่ขึ้นมา 177 จุด(+16.3%) หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 63%จึงทำให้หากมีแรง TAKE PROFIT ในช่วงสั้นของนักลงทุนสำหรับ 2 หุ้นดังกล่าว

 


INVESTMENT STRATEGY
• ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสเห็นเม็ดเงินย้ายจาก SAFE HAVEN มาสู่ตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น ด้วยหลายปัจจัย คือ
• 1. ดอกเบี้ยนโยบายลดลงเหลือ 1.5% ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง จูงใจให้คนหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น
• 2. ตราสารหนี้เกิด BULL STEEPENING YIELD ตราสารระยะสั้นที่ปรับตัวลงแรงกว่าระยะยาว มักจะเกิดขึ้นเวลาเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มเติม
• 3. มูลค่า MARKET CAP ตราสารหนี้ 17.5 ล้านล้านบาท ยังสูงกว่าตลาดหุ้นที่ 16.1 ล้านล้านบาท ถ้ากลับขึ้นไปเท่ากัน SET เท่ากับ 1405 จุด (ปกติ MARKET CAP ตลาดหุ้นจะสูงกว่าเสมอ) กลยุทธ์แนะสะสมหุ้นใหญ่พื้นฐานดีGULF, BDMS และหุ้นขนาดกลางปัจจัยหนุนรอบด้าน SPALI, CK, COCOCO

มุมมองดอกเบี้ยสหรัฐฯ อ่อนไหวไปตามตัวเลขเศรษฐกิจ
วานนี้สหรัฐฯ เผยตัวเลขเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ในเดือน ก.ค. 68 ขยายตัว 3.3%YOY ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 3 ปี หลักๆ มาจากต้นทุนฝั่งบริการเพิ่มขึ้น 1.1% ซึ่งเป็นการเพิ่มสูงสุดตั้งแต่ มี.ค. 65 นำโดยหมวดค้าส่ง-ค้าปลีก สะท้อนว่าสะท้อนว่าบริษัทต่างๆเริ่มปรับราคาสินค้าและบริการ เพื่อชดเชยต้นทุนจากภาษีนำเข้าขณะที่ดัชนีเงินเฟ้อ CPI และ PPI ของสหรัฐฯ มีค่า CORRELATION สูงถึง 0.91จึงยิ่งเพิ่มระดับความกังวลว่าต้นทุนที่สูงขึ้นจากภาษีนำเข้า อาจส่งผ่านต้นทุนไปยังผู้บริโภคต่อไป ซึ่งจะมีผลต่อการกำหนดทิศทางดอกเบี้ย


เงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มสูงกว่ากรอบเป้าหมาย 2% ทำให้ความคาดหวังทิศทางดอกเบี้ยขาลง ถูกทำลายลงไปบางส่วน โดยคาดการณ์ FEDWATCH TOOL วานนี้ คาดปีนี้จะปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง และให้น้ำหนัก 0% มอง FEDคงดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. 68 แต่ล่าสุด พลิกกลับมาคาดว่าปีนี้จะปรับลดดอกเบี้ยแค่ 2 ครั้ง ครั้ง และให้น้ำหนัก 7.9%มอง FED คงดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. 68

 

ขณะที่สัญญาณ BOND YIELD 10Y ของสหรัฐฯ ล่าสุดขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4.28% ซึ่งค่อนข้างทรงตัวนับตั้งแต่ ปธน.ทรัมป์ รับตำแหน่ง ส่วนคืนนี้รอจับตายอดค้าปลีก – ตัวเลขอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐฯ ในเดือน ก.ค. 68 โดยCONSENSUS คาดขยายตัว 0.6%MOM และ 0.0%MOM ตามลำดับ หากตัวเลขออกมาสูงกว่าคาด อาจเพิ่มแรง
กดดันต่อความคาดหวังดอกเบี้ยขาลงได้


ส่วนบ้านเรา BOND YIELD ไทย ยังคงไหลลงไม่หยุด แม้ กนง. จะเพิ่มปรับลดดอกเบี้ยไปเมื่อ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยล่าสุด BOND YIEDL 10Y ร่วงลงมาอยู่ที่ 1.37% สะท้อนความคาดหวังดอกเบี้ยขาลงอีกในช่วงที่เหลือของปีนี

 

ภาพระยะสั้นอาจเห็นการ TAKE PROFIT ได้ในช่วงสั้น
ภาพรวมดัชนี SET INDEX ปรับตัวขึ้นแรง 16.3% ตั้งแต่ ก.ค.68-ปัจจุบัน ชนะเกือบทุกประเทศ ทั้งกลุ่ม TIP เอเชียเหนือ สหรัฐฯ และโซนยุโรป แพ้เพียงเวียดนามประเทศเดียวที่ +19.2% ซึ่งสาเหตุหลักๆที่ดันดัชนี SET ขึ้นได้ คือTRADE WAR ผ่อนคลาย, การเมืองไทยที่ชัดเจนขึ้น, คาดหวังดอกเบี้ยขาลง, งบประมาณปี 69 ไม่ล่าช้า และกำไร1H68 ดูสดใส เป็นต้น โดย SET INDEX โดนรุมซื้อสุทธิจาก FLOW สถาบัน และต่างชาติ กว่า 1.06 หมื่นล้านบาท และ1.40 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ


ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวขึ้นมานั้น หลักๆ คือ กลุ่ม ETRON อย่าง DELTA และ กลุ่ม TRANS อย่าง THAI ที่ปรับตัวขึ้นมาร้อนแรงกว่า 57.3% และ 69.5% ตามลำดับ(THAI ใช้ราคาปิดหลังวันกลับเข้าเทรด 1 วัน)ซึ่งรวมกันดันดัชนี112 จุด จากดัชนีSET INDEX ที่ขึ้นมา177 จุด(+16.3%) หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง63%จึงทำให้หากมีแรง TAKEPROFIT ในช่วงสั้นของนักลงทุนสำหรับ 2 หุ้นดังกล่าว ก็อาจทำให้ภาพรวมดัชนีปรับฐานลงได้ช่วงสั้นSET โดนแบกจาก DELTA และ THAI ในช่วง 1 เดือนครึ่ง

หวังเม็ดเงิน SAFE HAVEN ช่วยพยุงหุ้นได้บ้าง
ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสเห็นเม็ดเงินย้ายจาก SAFE HAVEN มาสู่ตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น ด้วยหลายปัจจัย คือ
▪ ดอกเบี้ยนโยบายลดลงเหลือ 1.5% ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง จูงใจให้คนหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น
▪ ตราสารหนี้เกิด BULL STEEPENING YIELD ตราสารระยะสั้นที่ปรับตัวลงแรงกว่าระยะยาว มักจะเกิดขึ้นเวลาเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มเติม
▪ มูลค่า MARKET CAP ตราสารหนี้ 17.5 ล้านล้านบาท ยังสูงกว่าตลาดหุ้นที่ 16.1 ล้านล้านบาท ถ้ากลับขึ้นไปเท่ากัน SET เท่ากับ 1405 จุด (ปกติ MARKET CAP ตลาดหุ้นจะสูงกว่าเสมอ)

 

กลยุทธ์การลงทุน ในภาวะที่ดอกเบี้ยอยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง หวังเม็ดเงินจากตลาดเงิน, ตลาดตราสารหนี้กลับมาไหลเข้าตลาดหุ้นเพิ่มเติม แนะสะสมหุ้นใหญ่พื้นฐานดี GULF, BDMS และหุ้นขนาดกลางปัจจัยหนุนรอบด้าน
SPALI, CK, COCOCO

 


Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ลง ซื้อ By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง เมื่อ บจ.แจ้งงบการเงินไตรมาส2 ครึ่งปีแรกปีนี้ ออกมากันแล้ว ตอนนี้ รอวันเวลา ราคาหุ้นปรับตัวลง ...

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้