TASCO : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยฟื้นฟูแรงส่งการเติบโตอีกครั้ง
คงคำแนะนำ “ซื้อ” จากแนวโน้มการเติบโตของอุปสงค์ที่ได้รับแรงหนุนจากงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ
ผลประกอบการไตรมาส 2Q25 ของ TASCO เป็นไปตามคาด แม้ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าอุปสงค์ยางมะตอยในประเทศจะได้รับแรงหนุนจากงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจที่เพิ่งได้รับการอนุมัติ ซึ่งส่วนใหญ่จัดสรรให้กับงานซ่อมบำรุงถนน โดยคาดว่าจะมีการลงนามในสัญญาภายในเดือนกันยายน และเริ่มดำเนินการภายในสิ้นปีนี้ ส่งผลให้ TASCO อยู่ในสถานะที่ได้เปรียบในการรับอานิสงส์จากยอดขายในประเทศที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
ผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ผลกระทบจากฝนตกซึ่งส่งผลให้กิจกรรมก่อสร้างชะลอตัว
TASCO รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2Q25 ที่ 400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 305% YoY แต่ลดลง 10% QoQ หากไม่รวมรายการกลับรายการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 23 ล้านบาท กำไรปกติอยู่ที่ 378 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% YoY แต่ลดลง 4% QoQการเติบโต YoY มาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 18% จากฐานต่ำในไตรมาส 2Q24 ซึ่งได้รับผลกระทบจากความล่าช้าในการอนุมัติงบประมาณภาครัฐ ขณะที่การลดลง QoQ สะท้อนผลกระทบจากฝนตกหนักที่รบกวนกิจกรรมก่อสร้าง ส่งผลให้ยอดขายลดลง 9% QoQอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จาก 9.0% และ 10.3% เป็น 11.2% ตามลำดับ โดยได้แรงหนุนจากสัดส่วนยอดขายในประเทศที่มีมาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้น แม้ธุรกิจก่อสร้างจะมีอัตรากำไรขั้นต้นติดลบที่ -4.6% (เทียบกับ 1.3% YoY และ 2.1% QoQ) จากการตั้งสำรองขาดทุนจำนวน 42 ล้านบาทใน 3 โครงการก่อสร้าง
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ยางมะตอยในไตรมาส 4 ปี 2025
คาดว่าผลประกอบการ 3Q25F จะลดลงทั้ง QoQ และ YoY จากปัจจัยฤดูกาล และฐานเปรียบเทียบที่สูงใน 3Q24 หลังการอนุมัติงบประมาณภาครัฐ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในไตรมาส 4Q25 มีความน่าสนใจมากกว่างบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 115,000 ล้านบาท จัดสรรให้กรมทางหลวง 29,160 ล้านบาท และกรมทางหลวงชนบท 14,730 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ใช้สำหรับงานซ่อมบำรุงถนน ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการปูยางมะตอยใหม่ และจะส่งผลต่ออุปสงค์ยางมะตอยที่เพิ่มขึ้นโดยคาดว่าจะมีการลงนามในสัญญาภายในเดือนกันยายน และเริ่มดำเนินการภายในสิ้นปี ส่งผลให้ TASCO มีโอกาสเห็นยอดขายในประเทศฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง หากงบประมาณปีงบประมาณ 2026 ได้รับการอนุมัติโดยไม่มีความล่าช้า ไตรมาส 4 ปี 2025 อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการฟื้นตัวของกำไร
คงประมาณการและคำแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 16.30 บาทต่อหุ้น
เนื่องจากผลประกอบการเป็นไปตามคาด เราจึงคงประมาณการและราคาเป้าหมายที่ 16.30 บาทต่อหุ้น โดยอิงจากค่า PER ปี 2025 ที่ 14 เท่า ซึ่งสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีของ TASCO เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มเชิงบวกในไตรมาส 4 ปี 2025 และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจ ความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ ปริมาณยอดขายที่ต่ำกว่าคาด แรงกดดันด้านราคา และความผันผวนของอัตรากำไร