AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ขึ้นทดสอบแนวต้านเป้าหมาย 1290เลือกหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว
Market Strategy
SET Index คาดแกว่งทดสอบแนวต้านเป้าหมาย 1290 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯที่เป็นบวกจากความคาดหวังวงจรดอกเบี้ยขาลงสหรัฐฯ หลังรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯให้ความเห็น FED ควรลดดอกเบี้ยฯ 0.5% ในเดือน ก.ย. (มากกว่าตลาดคาดว่าจะลดดอกเบี้ยฯ 0.25%) ซึ่งจะดีต่อทิศทาง Fund Flow ไหลเข้า ส่วนบ้านเรา กนง. ลดดอกเบี้ยฯตามคาด ส่วนประเด็นการเมือง ศาลฯ นัดวินิจฉัยนายกฯ คดีคลิปเสียง ซึ่งอาจกลับมาสร้างความผันผวนในช่วงสั้น หุ้นเลือก CPN และ CK
ผลการประชุม กนง. วานนี้ลดดอกเบี้ยฯ 0.25% มาที่ 1.5% ตามเราและตลาดคาด เพื่อบรรเทาภาระ SMEs และกลุ่มเปราะบาง เนื่องจากความเสี่ยงเศรษฐกิจใน 2H68 จากผลของภาษีสหรัฐฯ ขณะที่มุมมองเงินเฟ้อฯ ยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำจากราคาพลังงาน/อาหารสด และไม่ได้ปิดโอกาสการลดดอกเบี้ยฯในระยะถัดไป ซึ่งเราคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยฯ อีก 1 ครั้งในการประชุมเดือน ต.ค. สำหรับหุ้นที่ได้ประโยชน์ คือ กลุ่มไฟแนนซ์ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่ม Yield สูง แต่ยังคงมุมมองเน้นย่อซื้อ (ไม่ไล่ราคา) เนื่องจากราคาหุ้นตอบรับไปแล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อน
ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนนายกฯแพทองธารและเลขา สมช. วันที่ 21 ส.ค. คดีคลิปเสียงฯ และวันที่ 29 ส.ค. ศาลฯ นัดฟังคำวินิจฉัยฯเวลา 15.00 น. โดยหากศาลวินิจฉัยเป็นลบต่อนายกฯ จะทำให้นายกฯและ ครม. พ้นจากตำแหน่ง และเข้าสู่การเลือกนายกฯ ในสภาผู้แทนราษฎร (ไม่ได้ยุบสภา) โดยอิงรอบการเปลี่ยนรัฐบาลคุณเศรษฐามาเป็นรัฐบาลแพทองธาร ใช้เวลา 2 วันในการเลือกนายกฯ และภายใน 1 เดือน สามารถจัดตั้ง ครม. ให้พร้อมกลับมาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งถือเป็นระยะเวลาไม่นาน ส่วนผลต่อการพิจารณาร่างงบประมาณปี 69 เราคาดว่าจะไม่ล่าช้าออกไป เพราะถึงตอนนั้นจะผ่านกระบวนการพิจารณาวาระ 2-3 ในชั้น ส.ส. (13-15 ส.ค.) และ ส.ว. (25-26 ส.ค.) ไปแล้ว เพื่อเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าในเดือน ก.ย. โดยการเบิกจ่ายงบฯคาดจะเริ่ม ต.ค. 68 ได้ตามปกติ สำหรับตลาดหุ้นเราเชื่อว่าอาจเห็นมีความผันผวนเมื่อเข้าใกล้วันชี้ชะตานายกฯ แต่ด้วยกระบวนการต่างๆที่มีทางออกและไม่ได้เกิดสูญญากาศทางการเมือง เราจึงมองย่อเป็นจังหวะซื้อ

Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 1.5% หรือคิดเป็น 18 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยหุ้นหนุนหลัก 13 จุด มาจาก DELTA +7% หนุนดัชนี 10 จุด และ THAI +9.5% หนุนดัชนี 3 จุด ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่บวกเด่นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยฯขาลง เช่น กลุ่มไฟแนนซ์ +1.5% กลุ่มอสังหาฯ AP +3.4% SPALI +1.9% กลุ่ม REITS +1.4% ส่วนกลุ่มอื่นๆ กลุ่มรับเหมาฯ +1% จากความหวังต่อการผ่านร่างงบประมาณปี 69 ในวาระ 2-3 ระหว่าง 13-15 ส.ค. ส่วนกลุ่มที่ Underperform กลุ่มไม่ชอบดอกเบี้ยฯขาลงอย่างกลุ่มประกัน -2.4% นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 6.66 พันล้านบาท แต่หัก Big Lot ของ TIDLOR 8.16 พันล้านบาท ยังคงเป็นซื้อสุทธิ 1.5 พันล้านบาท

DAILY Stock Pick
CPN
สะสมหุ้น Undervalue
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 65.00 บาท
เราคาดกำไร 2H68 ฟื้นตัว +11%HoH โดยเฉพาะไตรมาส 4 เนื่องจากการเปิดศูนย์การค้า Central Park (มีสัญญาเช่าล่วงหน้า 90% ของพื้นที่ 80,000 ตร.ม. และการโอนคอนโด หนุนผลประกอบการ
ณ ราคาปัจจุบัน ถูกซื้อขาย PE’68 ที่ 12.9 เท่า (-1.5SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) พร้อมกับอัตราเงินปันผล 4.6% ในขณะที่เราคาดกำไรปี 69-70 เติบโตต่อเนื่อง 6-13% ตามพื้นที่เช่าที่เพิ่มขึ้น

WEEKLY Stock Pick
CK
โหวต งบประมาณปี 69 หนุน
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 20.00 บาท
สภาผู้แทนราษฎร เตรียมพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณปี 69 วาระ 2-3 มูลค่า 3.78 ล้านล้านบาทในวันที่ 13-15 ส.ค. นี้ หากมีการโหวตผ่านร่างงบประมาณ หนุนกลุ่มที่มีรายได้เกี่ยวกับงบประมาณของรัฐอย่าง CK
Bloomberg Consensus คาด กำไร 2Q68 ที่ 742 ล้านบาท (+52%YoY, +163%QoQ) จากการรับรู้รายได้ของ CKP ที่แข็งแกร่ง ตามปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น ส่วนงานประมูลเพิ่มเติมในระยะถัดไป อาทิ Double Deck, Motor way, high-speed train หนุน Upside

KEY FACTOR
กนง. มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps จากระดับ 1.75% สู่ระดับ 1.5% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเน้นช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ในขณะที่แนวโน้มการเติบโตในปี 68-69 ใกล้เคียงประมาณการเดิม (ประมาณการล่าสุดของ ธปท. คาดเติบโต +2.3% และ 1.7% ตามลำดับ) ให้น้ำหนักความเสี่ยงของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังที่ต้องเผชิญกับการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ นำโดย 1)ดัชนี PPI สหรัฐฯ เดือน ก.ค. ซึ่ง Consensus คาดว่าจะ +0.2% MoM และ +2.5% YoY ส่วน 2) Core PPI คาด +0.2% MoM และ +3.0% YoY เร่งตัวจากเดือนก่อนหน้า

EYES ON
ในสัปดาห์ การรายงานงบฯ 2Q68
14 ส.ค. ดัชนี PPI สหรัฐฯ
15 ส.ค. ยอดค้าปลีก / ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ