สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(13 สิงหาคม 2568)---------------บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) สุดยอด โชว์ผลงาน Q2/68 รายได้จากการขาย 577.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.07% กำไรสุทธิ 79.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.66% จากงวดเดียวกันปีก่อน ขณะที่บอร์ดใจดี สั่งจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล อัตรา 0.21 บ./หุ้น เตรียมรับทรัพย์ 5 กันยายน นี้ ฟากบิ๊กบอส "ชัชชวี วัฒนสุข" ประเมินธุรกิจครึ่งปีหลังสดใส ทั้ง B2B และ B2C เดินหน้าพัฒนาโปรดักส์ใหม่ ควบคู่แนวคิด ESG เน้นกลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างมีประสิทธิภาพ มั่นใจผลักดันรายได้ทะลุ 2,000 ล้านบาท เติบโตไม่น้อยกว่า 10%
นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 577.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.99 ล้านบาท คิดเป็น 16.07% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จาการขาย 497.69 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 79.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.70 ล้านบาท หรือ 15.66% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 68.35 ล้านบาท
ขณะที่งวด 6 เดือนแรกปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,107.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 152.02
ล้านบาท คิดเป็น 15.91% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 955.63 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 152.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.44 ล้านบาท หรือ 18.20% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 128.72 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดร่วมกับ 7-Eleven ในฐานะ Key Strategic Partner ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงปริมาณการบริโภคในประเทศและเป็นฤดูกาลของการขายเครื่องดื่ม อีกทั้งกระแสความนิยมของเครื่องดื่มชาไทยและชาเขียวในกลุ่มผู้บริโภคที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง จึงช่วยผลักดันยอดขายเพิ่ม รวมไปถึงการขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในส่วนของ B2B และ B2C เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งการบริหารจัดการต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 4/2568 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.21 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 126 ล้านบาท และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 25 สิงหาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 5 กันยายน 2568
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2568 มีแนวโน้มสดใสต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกทั้งในส่วนของธุรกิจ B2B (7-Eleven) และ B2C (Non 7-Eleven) โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้า Core Menu และ New Menu รวมถึงออกสินค้าใหม่ร่วมกันในฐานะ Key Strategic Partner ทั้งเครื่องดื่มเย็นในโถกด
(7-Select) และ เครื่องดื่ม Non-Coffee Menu ใน All Café พร้อมกับยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจที่มาจากการ M&A และ JV เพื่อเป็น New S-Curve และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ผลักดันการใช้แนวคิด ESG เป็นแนวคิดสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เพื่อพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ร่วมกับการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมั่นใจว่าจะสนับสนุนรายได้รวมปี 2568 ทะลุ 2,000 ล้านบาท เติบโตไม่น้อยกว่า 10%