Today’s NEWS FEED

News Feed

WHA Group โชว์ฟอร์ม 6 เดือนแรกปี 68 รายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 9,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% (Y-Y) ด้านกำไรปกติพุ่งแตะ 3,148 ล้านบาท เติบโต 24% (Y-Y) ส่งสัญญาณบวกต่อเนื่อง พร้อมมั่นใจสร้าง All-Time High เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน

78

 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 8 สิงหาคม 2568 )---บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น โชว์ฟอร์มแกร่งด้วยงบ เดือนแรกปี 2568 รายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 9,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% (Y-Y) ด้านกำไรปกติพุ่งแตะ 3,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% (Y-Y) และมี ด้าน Group CEO "จรีพร จารุกรสกุล" มั่นใจศก.ไทยยังน่าสนใจ แม้เผชิญความท้าทายรอบด้าน ด้วยภูมิรัฐศาสตร์และที่ตั้งที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของประเทศไทย การเป็นศูนย์รวม Supply Chain ที่ครบวงจรที่มีความพร้อมทั้งจากระบบสาธารณูปโภค ความมั่นคงด้านพลังงาน - พลังงานหมุนเวียน และแรงงานที่มีศักยภาพเชี่ยวชาญอย่างเพียงพอ โดยปัจจัยเหล่านี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนในการดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมเผยครึ่งปีหลังปี 2568 จ่อเซ็นสัญญาขายที่ดินลูกค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิค-เครื่องใช้ไฟฟ้า-กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ รวมกว่า 1,000 ไร่

          นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WHA Group เปิดเผย ผลการดำเนินงาน สำหรับงวด เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 9,398 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% (Y-Y) และกำไรสุทธิ 3,056 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% (Y-Y) โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 9,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% (Y-Y) และกำไรปกติ 3,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% (Y-Y) เป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่เติบโตโดดเด่นของ กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจโลจิสติกส์ - ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม - ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) และไฟฟ้า - ธุรกิจดิจิทัล - ธุรกิจโมบิลิตี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ที่ได้รับอานิสงส์จากการดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศได้ต่อเนื่อง ธุรกิจโลจิสติกส์ที่เติบโตตามพื้นที่ให้เช่าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการรรับรู้รายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ WHART มูลค่ารวม 808 ล้านบาท ทั้งนี้ WHA Group ยังคงขับเคลื่อนธุรกิจตามแผนกลยุทธ์ที่มุ่งสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ภายใต้ "WHA: WE SHAPE THE FUTURE"  ซึ่งสอดรับกับความมั่นคงและความยั่งยืนของประเทศ

ธุรกิจโลจิสติกส์ : เติบโตโดดเด่น โดยมีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารรวม 3,163,552 ตร.ม. โดยรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจให้เช่าและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ สำหรับไตรมาส และ เดือนแรกของปี 2568 ทั้งสิ้น 556 ล้านบาท และ 1,048 ล้านบาท ตามลำดับ เป็นผลจากการตอบรับที่ดี จากลูกค้าชั้นนำจากหลายอุตสาหกรรม ส่งผลให้สามารถลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/ คลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่ม รวม 123,237 ตร.ม. คิดเป็นมูลค่ารวม 2,153 ล้านบาท และมีสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูง จำนวน 46,540  ตร.ม. และยังได้รับการคัดเลือก (Award) จากกลุ่มลูกค้าผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ ที่มีความต้องการเช่าคลังสินค้าคุณภาพสูง พื้นที่รวม 32,000 ตร.ม. คิดเป็นมูลค่าสัญญากว่า 1,300 ล้านบาท

บริษัทเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่บนทำเลที่มีศักยภาพในประเทศไทย พื้นที่กว่า 380,000 ตร.ม. ได้แก่ WHA Mega Logistics Center ชลหารพิจิตร กม.โครงการ 2  WHA Mega Logistics Center เทพารักษ์ กม. 21 เฟส และ WHA Mega Logistics Center บางนา - ตราด กม. 23 Inbound ขณะเดียวกัน ศูนย์โลจิสติกส์เซ็นเตอร์แห่งแรกในประเทศเวียดนาม พื้นที่ 37,500 ตร.ม. ภายในนิคมอุตสาหกรรมมินห์กวาง จังหวัดฮึงเอียน ล่าสุดมีกลุ่มลูกค้าให้ความสนใจและทยอยลงนามเช่าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลง MOU กับรัฐบาลท้องถิ่น จังหวัด Thanh Hoa เพื่อศึกษาการพัฒนาโครงการโลจิสติกส์ในพื้นที่ 300 ไร่  

"ล่าสุด บริษัทประสบความสำเร็จในการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ WHART พื้นที่รวม 32,524  ตร.ม. คิดเป็นมูลค่ารวม 808 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากเป้าหมายทั้งปี ในการขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ฯ พื้นที่ราว 70,000 ตร.ม. มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท" 

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม  ครึ่งปีแรก 2568 มียอดขายที่ดินรวม จำนวน 1,105 ไร่ โดยสามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจที่ดินในไตรมาส 2 และ เดือนแรกของปี 2568 รวม 1,276 ล้านบาท และ 4,857 ล้านบาท ตามลำดับ โดยสาเหตุที่รายได้และส่วนแบ่งกำไรครึ่งปีแรก 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลจากราคาขายที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับยอดโอนที่ดินรวมในครึ่งปีแรกที่ยังอยู่ในระดับสูง ตามภาวะการลงทุนที่ได้รับปัจจัยหนุนจากการย้ายฐานการลงทุน/การผลิต (Relocation) และการขยายธุรกิจ (Business Expansion) มายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับภาวะการส่งเสริมการลงทุนครึ่งแรกปี 2568 ของไทยที่มีมูลค่ารวมกว่า 1.05 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 138% โดย ณ สิ้นไตรมาส ปี 2568 มียอดขายที่ดินรอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ให้กับลูกค้า 1,467 ไร่ และยอด Outstanding LOI/ MOU ที่อยู่ในระดับสูง จำนวน 1,427 ไร่ สะท้อนถึงความต้องการที่ดินอุตสาหกรรมที่อยู่ในระดับสูง  

"ไตรมาส 2 ปี 2568 บริษัทได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินกับบริษัท Beijing Haoyang เพื่อสร้าง Data Center ระดับไฮเปอร์สเกล มูลค่า 72,670  ล้านบาท ซึ่งเป็นสเกลที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำของไทยในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล นอกจากนี้ ยังมีลูกค้ากลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ อีกหลายรายที่อยู่ระหว่างเจรจา"

ขณะที่ลูกค้ารายใหญ่จากภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อซื้อที่ดิน อาทิ บริษัทอิเล็กทรอนิคและเครื่องใช้ไฟฟ้า พื้นที่รวม 530 ไร่ และบริษัทชิ้นส่วนยานยนต์ ที่มีแผนซื้อที่ดิน กว่า 470 ไร่ เพื่อตั้งฐานการผลิตในไทย โดยคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินกับลูกค้า ภายในครึ่งปีหลังปี 2568 นี้

ปัจจุบัน WHA Group มีทั้งหมด 16 นิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยและเวียดนาม และมีพื้นที่นิคมฯ ในประเทศไทย ที่กำลังก่อสร้างและรอการพัฒนา รวม โครงการ บนพื้นที่ 8,900 ไร่ โดยโครงการล่าสุด ได้แก่  WHA Eastern Seaboard Industrial Estate 5 เฟส 1 และ พื้นที่รวมกว่า 5,000 ไร่ ซึ่งเป็นนิคมภายใต้แนวคิด "Smart Eco Industrial Estate" ที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งพัฒนาโครงการ และคาดว่าที่ดินแปลงแรกพร้อมโอนให้แก่ลูกค้าได้ภายในไตรมาส ปี 2569 นี้

ส่วนการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม บริษัทมีนิคมฯ ที่พัฒนาแล้ว พื้นที่ 3,125  ไร่ (500 เฮกตาร์) ได้แก่ WHA Industrial Zone 1 – Nghe An ที่จังหวัดเหงะอาน (Nghe An) และอีก  โครงการมีแผนการดำเนินการก่อสร้างในช่วงปี 2568 – 2569 พื้นที่รวม 3,353 ไร่ (537 เฮกตาร์) และยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hóa), จังหวัดดานัง (Da Nang) และจังหวัดฮึงเอียน (Hung Yen) เพื่อพัฒนาเขตอุตสาหกรรมในอนาคตอีกด้วย

ธุรกิจสาธารณูปโภค(น้ำ)  ครึ่งปีแรก 2568 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง รับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจสาธารณูปโภครวม โดยในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2568 เท่ากับ 824 ล้านบาท และ 1,572 ล้านบาท ตามลำดับ จากปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2568 เท่ากับ 40.3 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 80.3 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ โดยเป็นยอดจำหน่ายน้ำภายในประเทศ ในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2568 จำนวน 30.8 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 61.7 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า จากปริมาณยอดขายน้ำให้กับลูกค้ากลุ่มโรงไฟฟ้าและปิโตรเคมีที่ลดลง ขณะที่ปริมาณยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-added Product) มีการเติบโตโดดเด่น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29% (Y-Y) เนื่องจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของลูกค้าใหม่ โดยในไตรมาส 2 ปี 2568 บริษัทรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมจากการขอใช้น้ำเกินกว่าที่จัดสรร (One-time Charge) จำนวน 84 ล้านบาท จากลูกค้าที่มีความต้องการใช้น้ำปริมาณมาก

ด้านประเทศเวียดนาม บริษัทมียอดจำหน่ายน้ำรวมตามสัดส่วนการถือหุ้นในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2568 เท่ากับ 9.5 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 18.6 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดจำหน่ายน้ำของโครงการ Duong River ที่เติบโตขึ้นจากการขยายพื้นที่การให้บริการให้กับลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่

ธุรกิจไฟฟ้า : ในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2568 รับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์เท่ากับ 123 ล้านบาท และ 254 ล้านบาท ตามลำดับ และมีส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าเท่ากับ 162 ล้านบาท และ 338 ล้านบาท ตามลำดับ โดยในไตรมาส 2 ปี 2568 มีการเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA เพิ่มจำนวน 13 สัญญา กำลังการผลิตรวมประมาณ 11 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2568 มีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสม จำนวน 315 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 991 เมกะวัตต์ ซึ่งแบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้วจำนวน 706 เมกะวัตต์ (เป็นพลังงานหมุนเวียนจำนวน 178 เมกะวัตต์) และที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวน 285 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการพลังงานหมุนเวียนทั้งหมด

  "ครึ่งปีแรก 2568 บริษัทมีปริมาณการขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม 98 กิกะวัตต์-ชั่วโมง เพิ่มขึ้น 18% (Y-Y) และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยมีโครงการระหว่างก่อสร้างที่คาดจะแล้วเสร็จภายในปี 2568 จำนวนกว่า 100 เมกะวัตต์ และยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ทั้งภายในและภายนอกนิคมฯ ดับบลิวเอชเอทั้งในและต่างประเทศ

ธุรกิจดิจิทัล : ผลักดันสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Technology-driven Organization) จากการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรในด้านนวัตกรรมและการทำโครงการ Digital Transformation ในทุกมิติ พร้อมหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จากการพัฒนาแพลตฟอร์ม ได้แก่ Mobilix Software Solution แพลตฟอร์มสำหรับจัดการยานพาหนะไฟฟ้า (EV) และแบตเตอรี่ เพื่อสนับสนุนธุรกิจโมบิลิตี้ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาด และยังได้เปิดให้บริการ WHASApp แอปพลิเคชันที่ปฏิวัติการสื่อสารระหว่างลูกค้าและทีมงาน WHA อย่างมีประสิทธิภาพ โดยล่าสุดได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ CO2ZERO สำหรับการบริหารจัดการข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ที่พร้อมรายงานแสดงผลตามมาตรฐาน ส่งผลให้ในปัจจุบัน WHASApp มีผู้ใช้งานกว่า 1,500 ราย และเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจ WHA Group ผ่านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัย อย่าง Artificial Intelligence (AI), Internet-of-Thing (IoT) ทำให้ปัจจุบันมีโครงการ AI Transformation ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาถึง 12 โครงการ อาทิ Drone Inspection Solution และ IoX Platform for Solar เป็นต้น

ธุรกิจโมบิลิตี้ : มุ่งขยายธุรกิจโมบิลิตี้ Built-to-Suit EV ecosystem of Logistics ให้ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า และการให้บริการอย่างครบวงจรรายแรกในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ Mobilix ซึ่งประกอบด้วย 3 บริการหลัก คือ บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) เป็นบริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (On Premise & Public EV Charging Solution) บริการเครื่องชาร์จและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) แพลตฟอร์มดิจิทัลอัจฉริยะสำหรับจัดการรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่  โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2568 มียอดการให้บริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าสะสมรวม 372 คัน

จากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจของ WHA Group สะท้อนถึงความสำเร็จผ่านการการันตีโดยรางวัล อาทิ รางวัล S&P Global Sustainability Yearbook ต่อเนื่องเป็นปีที่ โดยได้รับคะแนนสูงสุดเป็นอันดับ ในการจัดอันดับความยั่งยืนของ S&P Global หรือ Top 1% S&P Global CSA Score ปี 2567 เป็นปีแรกในกลุ่มอุตสาหกรรมบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Management & Development) และยังได้รับการคัดเลือกเข้าอยู่ในทำเนียบหุ้น ESG 100 ปี 2568 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3  จากสถาบันไทยพัฒน์ ขณะที่บริษัทในเครืออย่าง WHAUP ติดโผหุ้น ESG 100 ต่อเนื่องเป็นปีที่ และกองทรัสต์ WHAIR ติดโผหุ้น ESG 100 ปี 2568 ต่อเนื่องเป็นปีที่ ส่วนกองทรัสต์ WHART ได้รับการคัดเลือกให้เข้าอยู่ในทำเนียบ หุ้น ESG 100 ปี 2568 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7

WHA Group ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน Top 50 บริษัทจดทะเบียนอาเซียน (Top 50 ASEAN Public Listed Companies) จากเวทีการประเมิน ASEAN Corporate Governance Scorecard (ACGS) ประจำปี 2567 เป็นครั้งแรก ตอกย้ำการยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการสู่ระดับภูมิภาค พร้อมกันนี้ Group CEO "จรีพร จารุกรสกุล" ได้รับรางวัล "Thailand Top CEO of The Year 2025" ในอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ (Transportation & Logistics) ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจรของประเทศไทย   

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

โหมดพักตัว By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มาอัพเดทข่าวสารในวันศุกร์ที่ 8 เดือน 8 ปี 68 หุ้นไทยในภาคเช้าที่ผ่านมา เข้าสู่โหมดพักตัว .....

IND ทำดีเพื่อสังคม มอบน้ำดื่ม 500 ขวด สนับสนุน "มูลนิธินวัตกรรมเพื่อชุมชน"

IND ทำดีเพื่อสังคม มอบน้ำดื่ม 500 ขวด สนับสนุน "มูลนิธินวัตกรรมเพื่อชุมชน"

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้