Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

63

 

หยุดยาว นักลงทุนพักแปป SET อาจพักบ้าง
TOP PICK SCGP / PLANB / BEM

 

EXTERNAL FACTOR
• วานนี้ BOE ประกาศหั่นดอกเบี้ย 0.25% สู่ 4.00% ส่วนฝั่งสหรัฐฯตลาดแรงงาน เริ่มส่งสัญญาณอ่อนแอลงเรื่อยๆ จึงทำให้ FED WATCH TOOL ให้โอกาสที่ FED จะลดดอกเบี้ยลง 25 BPS. ได้เพิ่มขึ้นจาก 37.7% มาอยู่ที่ 93.6%(ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา) โดยมอง ณ สิ้นปีนี้จะลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ครั้งละ 25 BPS. อยู่ที่ระดับ 3.75%
• ขณะที่ “เจ้าหน้าที่ FED” เริ่มส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยปี 68 มากขึ้นหลังตลาดแรงงานอ่อนแอลง โดยอ้างอิงจาก FED SPEAK INDEX ที่ดัชนีปรับตัวลงเข้าใกล้ 0 มากขึ้น(<0 คือ DOVISH) ประเด็นดังกล่าวจึงทำให้เม็ดเงินอาจไหลจากสินทรัพย์ปลอดภัยจาก DOLLAR INDEX หรือ BOND YIELD มาเข้าสู่ตลาดหุ้นในระยะถัดไป


INTERNAL FACTOR
• จับตาการประชุม กนง. วันที่ 13 ส.ค. นี้ ซึ่งจากคาดการณ์ CONSENSUS มีทั้งมุมมองไปทางปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 25 BPS. สู่ระดับ 1.5% รวมถึงคงดอกเบี้ยไว้ที่1.75% ตามเดิม
• อย่างไรก็ดี หาก กนง. ปรับลดดอกเบี้ย 25 BPS. สู่ระดับ 1.5% ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินภายใต้ MEYG 4.5% และ EPS68F ที่ 86 บาท/หุ้น จะหนุนระดับ P/E ขึ้น 0.67 เท่า และดัน TARGET SET INDEX จะขยับขึ้นมาได้ราว 57 จุด ไปอยู่ที่ 1,433 จุด

 

INVESTMENT STRATEGY
• MSCI มีการประการหุ้นเข้าออก รอบไตรมาสที่ 3เร็วกว่าปกติ โดยมีผลบังคับใช้ราคาปิดวันที่ 26 ส.ค. 68พบว่า มีหุ้นออก MSCI GLOBAL STANDARD คือ HMPRO OR และหุ้นออก MSCI GLOBAL SMALL CAP.คือ ICHI, SISB, TPIPL ถือเป็น SENTIMENT ลบ ช่วงสั้น ส่วนหุ้นเข้า MSCI GLOBAL STANDARD คือ KTCน่าจะได้เม็ดเงินหนุนเพิ่มเติบ พร้อมกับรับกระแสวัฎจักรดอกเบี้ยขาลง
• แม้วันนี้ SET อาจถูกกดดันจากก่อนหยุดยาว แต่เชื่อว่า ยังมีโอกาส OUTPERFORM ตลาดหุ้นโลกอยู่ ทั้งโอกาสการเพิ่มน้ำหนักของ MSCI และ FTSE, โอกาสการลดดอกเบี้ย และผ่านงบประมาณปี 69 วาระ 2 และ 3แนะนำหุ้นรับดอกเบี้ยขาลง KTC, MTC, TIDLOR หุ้นปันผลสูง SPALI, SIRI หุ้น CHINA PLAY SCGP, SCC

 

ดอกเบี้ยสหรัฐฯ DOVISH มากขึ้น หนุนเม็ดเงินยังไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง
วานนี้ BOE ประกาศหั่นดอกเบี้ย 0.25% สู่ 4.00% ตามความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัวลง ส่วนฝั่งสหรัฐฯตลาดแรงงาน เริ่มส่งสัญญาณอ่อนแอลงเรื่อยๆเช่นกัน โดยล่าสุดตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก(INITIALJOBLESS CLAIM) เพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 226,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขตลาดคาดที่ระดับ219,000 ราย ส่งผลให้นักลงทุนยังคงคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.68 โดย FED WATCH TOOL บ่งชี้ว่า ความเป็นไปได้ที่ FED จะลดดอกเบี้ยลง 25 BPS. ได้เพิ่มขึ้นจาก37.7% มาอยู่ที่ 93.6%(ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา) โดยมอง ณ สิ้นปีนี้จะลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ครั้งละ 25 BPS. อยู่ที่ระดับ 3.75%

 

อีกทั้ง “เจ้าหน้าที่FED” เริ่มส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยปี 68 มากขึ้นหลังตลาดแรงงานอ่อนแอลง โดยอ้างอิงจาก FEDSPEAK INDEX ที่ดัชนีปรับตัวลงเข้าใกล้ 0 มากขึ้น(<0 คือ DOVISH) ตามรูปด้านล่าง ประเด็นดังกล่าวจึงทำให้เม็ดเงินอาจไหลจากสินทรัพย์ปลอดภัยจาก DOLLAR INDEX หรือ BOND YIELD มาเข้าสู่ตลาดหุ้นในระยะถัดไป


กระแสความคาดหวังดอกเบี้ยขาลง
จับตาการประชุม กนง. วันที่ 13 ส.ค. นี้ ซึ่งจากคาดการณ์ CONSENSUS มีทั้งมุมมองไปทางปรับลดดอกเบี้ยลงอีก25 BPS. สู่ระดับ 1.5% รวมถึงคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% ตามเดิม

 

สำหรับสัญญาณหนุนให้ กนง. ปรับลดดอกเบี้ย อาทิ
• CONSENSUS ให้น้ำหนักราว 58% คาด กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า
• การประชุมครั้งที่ผ่านมา เสียงแตก 6:1 ในการคงดอกเบี้ย ซึ่ง 1 เสียงเห็นควรให้ลดดอกเบี้ย ซึ่งจากสถิติในอดีต เสียงส่วนน้อย มีโอกาสเป็นเสียงส่วนใหญ่ในการประชุมครั้งถัดไป
• BOND YIELD 10Y ไทย ย่อตัวลงมาต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 1.45% ซึ่งกว่าดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันที่ 1.75%และเทียบเท่ากับการปรับลดดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้ง
• เศรษฐกิจไทย 2H68 เป็นต้นไปเสี่ยงชะลอตัวลง ซึ่งจากการประชุม กนง. ครั้งล่าสุดได้ประเมิน GDPGRWOTH ของไทยในช่วง 2H68จะโตแค่ 1.6% ทั้งนี้ หากลดดอกเบี้ยบ้านเรายังอยู่ที่ 1.75% อาจเป็นการขัดขวางการเติบโตเศรษฐกิจไทย
• กว่านโยบายการเงินจะส่งผลต่อเศรษฐกิจต้องใช้เวลาราว 6-12เดือน
• เงินบาทแข็งค่าเกินไป อาจส่งผลต่อกลุ่มผู้ส่งออก (ที่ต้องโดนผลกระทบ TARIFF ด้วย)ส่วนคาดการณ์กรณี กนง. ไม่ปรับลดดอกเบี้ย อาจมาจากเหตุผล
• เก็บ POLICY SPACE ไว้ในยามจำเป็นจริงๆ
• ความไม่แน่นอนของผลกระทบ TARIFF ยังไม่ชัดเจน รอดูตัวเลขทางเศรษฐกิจประกอบก่อนการตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ย


เมื่อพิจารณาจากเหตุผลข้างต้น หาก กนง. ปรับลดดอกเบี้ย 25 BPS. สู่ระดับ 1.5% ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินภายใต้MEYG 4.5% และ EPS68F ที่ 86 บาท/หุ้น จะหนุนระดับ P/E ขึ้น 0.67 เท่า และดัน TARGET SET INDEX จะขยับขึ้นมาได้ราว 57 จุด ไปอยู่ที่ 1,433 จุด

กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ อาจเน้นไปที่หุ้นได้ประโยชน์หากอัตราดอกเบี้ยลดลง แนะนำหุ้นกลุ่มการเงิน KTC, MTC,TIDLOR กลุ่มอสังหา SPALI, SIRI และหุ้นได้ประโยชน์บาทอ่อน CPF, TU, ITC,KCE, HANA, DELTA


MSCI ประกาศหุ้นไทยเข้าออกรอบ 3Q68
MSCI มีการประการหุ้นเข้าออก รอบไตรมาสที่ 3 เร็วกว่าปกติ โดยมีผลบังคับใช้ราคาปิดวันที่ 26 ส.ค. 68 พบว่า มีหุ้นออก MSCI GLOBAL STANDARD คือ HMPRO OR และหุ้นออก MSCI GLOBAL SMALL CAP. คือ ICHI,SISB, TPIPL ถือเป็น SENTIMENT ลบ ช่วงสั้น ส่วนหุ้นเข้า MSCI GLOBAL STANDARD คือ KTC น่าจะได้เม็ดเงินหนุนเพิ่มเติบ พร้อมกับรับกระแสวัฎจักรดอกเบี้ยขาลง

 

แม้วันนี้ SET อาจถูกกดดันจากก่อนหยุดยาว แต่เชื่อว่า ยังมีโอกาส OUTPERFORM ตลาดหุ้นโลกอยู่ ทั้งโอกาสการเพิ่มน้ำหนักของ MSCI และ FTSE, โอกาสการลดดอกเบี้ย และการผ่านงบประมาณปี 69 วาระ 2 และ 3แนะนำหุ้นรับดอกเบี้ยขาลง KTC, MTC, TIDLOR หุ้นปันผลสูง SPALI, SIRI หุ้น CHINA PLAY SCGP, SCC



Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

IND ทำดีเพื่อสังคม มอบน้ำดื่ม 500 ขวด สนับสนุน "มูลนิธินวัตกรรมเพื่อชุมชน"

IND ทำดีเพื่อสังคม มอบน้ำดื่ม 500 ขวด สนับสนุน "มูลนิธินวัตกรรมเพื่อชุมชน"

PTG ส่ง "PT Service Volunteer" บริการเติมสุขถึงมือลูกค้า

PTG ส่ง "PT Service Volunteer" บริการเติมสุขถึงมือลูกค้า

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้