AT THE OPEN (#ATO)

SET Index ขยับกรอบขึ้น
เลือกหุ้นที่ผลประกอบการฟื้นตัว

Market Strategy
SET Index อยู่ในช่วงขยับกรอบขึ้นในช่วง 1260-1280 จุด จากแนวโน้ม Fund Flow ที่ไหลเข้าและกระแสลดดอกเบี้ยฯ กนง.หลังเงินเฟ้อต่ำคาด วันนี้เลือก ADVANC และยังชอบ BH

คุณทรัมป์เผยประกาศขึ้นภาษีนำเข้า 100% ในเซมิคอนดักเตอร์และชิป โดยจะยกเว้นสำหรับบริษัทที่ลงทุนในสหรัฐฯ โดยหุ้นกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ภายใต้ Coverage ของเราที่ลงทุนในสหรัฐฯ จะมี CCET SVI ทำให้ความเสี่ยงโดนขึ้นภาษีลดลง ส่วน DELTA บริษัทแม่มีลงทุนสหรัฐฯซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าจะทำให้บริษัทลูกได้ยกเว้นภาษีด้วยหรือไม่ ส่วน HANA และ KCE ไม่ได้มีลงทุนในสหรัฐฯ ทั้งนี้ยังแนะนำติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งในส่วนสินค้าที่เข้าข่ายถูกขึ้นภาษีและเงื่อนไขลงทุนที่ทำให้ถูกยกเว้นภาษี ระยะสั้นจึงยังน่าจะเป็นปัจจัยที่สร้าง Overhang จำกัดการปรับขึ้นของกลุ่มฯ

นอกจากนี้คุณทรัมป์ยังเผยว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าอินดียเพิ่มอีก 25% รวมของเดิม 25% ทำให้อินเดียจะถูกเก็บภาษีรวมเป็น 50% มีผลอีก 21 วันข้างหน้า เพื่อลงโทษอินเดียที่นำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ความเสี่ยงอินเดียข้างต้น เรากลับมองเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางที่มีโอกาสเคลื่อนย้ายมายังตลาดหุ้นบ้านเรา ได้ต่อ เนื่องจากความเสี่ยงภาษีที่ต่ำกว่า Valuation ที่ถูกกว่า (SET Index ซื้อขาย PER68 14 เท่าเทียบกับ NIFTY Index ที่ 22.3 เท่า) ทั้งนี้ตลาดหุ้นอินเดียถือเป็นหุ้นในกลุ่มตลาด Emerging Market เหมือนเรา โดยหากอิงจาก iShare MSCI Emerging Market หุ้นอินเดียมีน้ำหนักสูงอันดับ 3 ที่ 17% เทียบกับบ้านเราที่สัดส่วนไม่ถึง 1%

รายงานเงินเฟ้อไทยเดือน ก.ค. หดตัว -0.7%YoY ต่ำกว่า Bloomberg คาด -0.4%YoY และเดือนก่อนที่ -0.2%YoY แรงกดดันจากราคาพลังงาน ราคาผัก ผลไม้ที่กดดัน ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 0.8%YoY ต่ำสุดรอบ 16 เดือนและต่ำกว่าตลาดคาด 0.93%YoY สะท้อนกำลังซื้อในประเทศที่อ่อนแอ ภายใต้เงินเฟ้อที่อ่อนแอและต่ำกว่ากรอบเงินเฟ้อของ กนง. ที่ 1-3% เราเชื่อว่าจะเห็นการลดดอกเบี้ยฯ ในการประชุม กนง. ในปีนี้อีก 2 ครั้ง โดยครั้งแรกวันที่ 13 ส.ค. และครั้งถัดไป 8 ต.ค. ระยะสั้นเรามองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์SAWAD TIDLOR กลุ่มโรงไฟฟ้า CKP GPSC กลุ่ม ICT ADVANC

Market Summary
SET Index ปรับขึ้นต่อ 1.4% โดยกลุ่มที่ปรับขึ้นเด่นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากความคาดหวัง กนง. ปรับลดดอกเบี้ยลง หลังเงินเฟ้อฯ เดือน ก.ค. ออกมาแย่กว่าตลาด โดยกลุ่มที่บวกเด่นไฟแนนซ์ นำโดย SAWAD กลุ่มโรงไฟฟ้า CKP กลุ่มอสังหาฯ ORI +5.8% AP +1.3% ส่วนกลุ่มที่ปรับลงกลุ่มอิเล็คฯ -0.1% จาก CCET -2.2% จากคุณทรัมป์ขู่เตรียมขึ้นภาษีเซมิคอนดักเตอร์และชิปในสัปดาห์หน้า และแรงขายทำกำไรของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล -0.1% นำโดย BH -2.3% CHG -1.1% แรงหนุนมาจากต่างชาติซื้อสุทธิ 1.97 พันล้านบาท

DAILY Stock Pick
ADVANC
แนวโน้มกำไร 2H68 โตต่อ ผสาน บริษัทปรับเป้าขึ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 320.00 บาท
บริษัทรายงานกำไรงวด 2Q68 ที่ 1.09 หมื่นล้านบาท (+29%YoY,+3%QoQ) ใกล้เคียงกับเราคาด โดยกำไรเติบโตตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น (+7% YoY, +3% QoQ) ทั้งธุรกิจ Mobileและ FBB ในขณะที่ต้นทุน SG&A และค่าดอกเบี้ยที่ลดลง โดยบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 6.89 บาท คิดเป็นอัตราเงินปันผล 2.3% ขึ้น XD วันที่ 19 ส.ค. 68
2H68 เราคาดกำไรเติบโตทั้ง YoY และ QoQ หนุนจากทั้งรายได้ ARPU ที่เติบโต และ Cost saving เริ่มต้นขึ้นหลัง 4 ส.ค. 68 ปีละ 2.5 พันล้านบาท ในขณะที่ ADVANC ปรับเพิ่มเป้าหมายในส่วนของรายได้และ EBITDA ในปี 68 ณ ราคาปัจจุบัน คิดเป็นอัตราเงินปันผลปี 68-69 ที่ 4.4 และ 5.3% ตามลำดับ

WEEKLY Stock Pick
BH
สะสมหุ้น Defensive ที่ยัง Laggard
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 225.00 บาท
BH YTD -16% เทียบกับ SET Index -12.9% ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยราคา ณ ปัจจุบัน ถูกซื้อขายที่ PE’68 ที่ 17.9 เท่า เทียบกับ อุตสาหกรรมที่ซื้อขายเฉลี่ย 19.8 เท่า การ laggard ช่วยจำกัด Downside
เราคาดว่า กำไร 2H68 ฟื้นตัว HoH เข้าสู่ช่วง High Season รวมถึงไม่มีผลกระทบจากรอมฎอนและแผ่นดินไหว ส่วน YoY ฟื้นตัวจากการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น อีกทั้งการต่อสัญญาและขยายตลาดในตะวันออกกลางเพิ่มเติมหนุน Upside

KEY FACTOR
อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ของไทย เดือน ก.ค. 2568 หดตัวต่อเนื่อง -0.70% YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดและเป็นการหดตัว YoY ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 สะท้อนแรงกดดันด้านราคาที่ยังอยู่ในโซนต่ำกว่าระดับเป้าหมายของ ธปท. โดยสาเหตุหลักยังมาจากราคาพลังงานที่ทรงตัวในระดับต่ำ บวกกับราคาผักและผลไม้ที่ลดลงตามฤดูกาล รวมถึงของใช้ส่วนบุคคลที่ราคาลดลงต่อเนื่อง ทั้งนี้ หมวดอาหารและเครื่องดื่มยังคงปรับเพิ่มเล็กน้อย +0.84% YoY ขณะที่หมวดสินค้าอื่นที่ไม่ใช่อาหารหดตัวถึง -1.72% YoY สะท้อนอุปสงค์ภายในประเทศที่ยังไม่ฟื้น ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ที่แม้ว่าจะ +0.84% YoY แต่ก็ชะลอลงจาก +1.06% ในเดือนก่อนหน้า และต่ำกว่าคาดเช่นกัน) สะท้อนภาพกำลังซื้อที่ยังเปราะบางและการแข่งขันด้านราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สูงขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้ ธปท. มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม 13 ส.ค.

EYES ON
ในสัปดาห์ การรายงานงบฯ 2Q68
7 ส.ค. ตัวเลขส่งออก / นำเข้าของจีน

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ