Market Wrap-Up
- SET วันที่ 6 ส.ค.68 ปิด +17.51 จุด อยู่ที่ 1,264.47 จุด มูลค่าการซื้อขาย 65,232 ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,977 ลบ. สถาบันซื้อ 1,506 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 179 ลบ. และรายย่อยขาย 3,662 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,403 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น TRUE,BBL,KBANK,SCB,BH และยอดขายหุ้น KTB,BDMS,AOT,ADVANC,PTT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,976 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ BABA01,HKCE01,HMPRO โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 476 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 112,583 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 846 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ +0.18%, S&P500 +0.73%, Nasdaq +1.21% ได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย +2.5%,สินค้าอุปโภค +1.7% ขณะที่กลุ่มบริการสุขภาพ -1.5% และพลังงาน -0.9% โดยดัชนีได้ปัจจัยหนุนจาก Apple +5.1% หลัง CEO เตรียมลงทุนในสหรัฐมูลค่า 1 แสน ล.ดอลลาร์ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx -0.06% จากแรงขายกลุ่มบริการสุขภาพ จากความกังวล ปธน.เตรียมเก็บภาษีนำเข้ายาจากยุโรปในอัตรา 250%
- Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้น นำโดย Apple +5.1% หลัง CEO เผยเตรียมลงทุนในสหรัฐมูลค่า 1 แสน ล.ดอลลาร์ ในโครงการ American Manufacturing Program และจะเพิ่มเงินลงทุนเป็น 6 แสน ล.ดอลลาร์ ภายใน 4 ปีข้างหน้า ขณะที่ McDonald’s +3% ตอบรับยอดขายทั่วโลกที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยดัชนีหุ้นสหรัฐยังได้ปัจจัยจากรายงานกำไร บจ. 400 แห่งใน S&P500 สัดส่วน 80% มีกำไรดีกว่าคาด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 4 ไตรมาสย้อนหลังที่ 76% ขณะที่ประเด็นที่ต้องติดตาม คือ สหรัฐได้ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียในอัตรา 50% หลังอินเดียยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ส่วนค่ำวันนี้ติดตามข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์คาดเพิ่มขึ้น 221,000 ราย และความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปิดทรงตัว โดยดัชนี SMI ของสวิตเซอร์แลนด์ -0.9% หลัง ปธน.สวิตเซอร์แลนด์กำลังหารือข้อตกลงการค้ากับ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ เพื่อเจรจาขอลดภาษีนำเข้าจากระดับ 39% ซึ่งทางสวิตเซอร์แลนด์เสนอจะนำเข้าพลังงาน, อาวุธจากสหรัฐเพิ่มมากขึ้น ขณะที่กลุ่มบริการสุขภาพในยุโรป -2.8% ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน หลัง ปธน.ทรัมป์เผยเตรียมเก็บภาษีนำเข้ายาในอัตรา 250% ภายใน 18 เดือนข้างหน้า ส่งผลให้หุ้นกลุ่มยา เช่น Novo Nordisk, Novartis, Roche ปรับลดลง ส่วนรายงานยอดค้าปลีกยูโรโซน มิ.ย. ปรับขึ้นอยู่ที่ 3.1% & พ.ค. 1.9% YoY และสูงกว่าคาดที่ 2.6% ขณะที่ค่ำวันนี้ติดตามผลการประชุม ธ.กลางอังกฤษคาดมีโอกาสลดดอกเบี้ยลง 0.25% อยู่ที่ 4.0%
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.45% ระหว่างรอผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – จีนที่ใกล้เส้นตายในวันที่ 12 ส.ค. โดย ปธน.ทรัมป์อาจมีแผนที่หารือกับ ปธน.สี จิ้นผิงเพื่อทำข้อตกลงการค้าในช่วงปลายปีนี้ ส่วนดัชนีนิเกอิปิด +0.60% ได้ปัจจัยหนุนจากกลุ่มยานยนต์ หลังผลกระทบจากภาษีศุลกากรของสหรัฐไม่มากนัก และดัขนี Kospi เกาหลีใต้ปิดทรงตัว แม้ว่าหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ เช่น Samsung Electronics, SK Hynix จะปรับลดลง แต่ยังได้แรงหนุนจากกลุ่มท่องเที่ยว & ค้าปลีกปรับขึ้น รับข่าวรัฐบาลเกาหลีใต้ยกเว้นวีซ่าให้กับกรุ๊ปทัวร์จีน โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนหน้า ข้อมูลเศรษฐกิจวันนี้ติดตามยอดส่งออก – นำเข้าจีน ก.ค.
- SET วานนี้ +1.40% ปริมาณการซื้อขาย 5 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,977 ลบ. สถาบันซื้อ 1,506 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 179 ลบ. และรายย่อยขาย 3,662 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติวานนี้มียอดซื้อสุทธิในตลาดกลุ่ม TIP รวม +91 ล.ดอลลาร์สหรัฐ หลังนักลงทุนคาดเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยใน ก.ย. ส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนมีแนวโน้มไหลเข้าลงทุนในตลาดเกิดใหม่เพิ่มมากขึ้น กอปรกับดัชนี SET ยัง Underperform -9.7% & JCI อินโดฯ +5.9% & PSE ฟิลิปปินส์ -2.4% YTD ส่งผลให้ดัชนี SET ยังมี Upside มากกว่า และยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานงบ Q2/68 ของ บจ.ที่ส่งงบแล้ว มีกำไรดีกว่า BB.Consensus คาด +18.3% โดย Sector ที่ช่วยหนุนดัชนีวานนี้ คือ ขนส่ง +4.5% นำโดย THAI +13.3% จากคาดการณ์มีโอกาสถูกนำเข้าคำนวณ SET50 ในรอบหน้า ขณะที่เม็ดเงินบางส่วนเริ่มเข้าทยอยซื้อสะสมในกลุ่มค้าปลีกที่ยัง Laggard เช่น ประกัน, ค้าปลีก ส่วนรายงานงบ บจ.วานนี้ ADVANC รายงานกำไร Q2/68 อยู่ที่ 10,981 ลบ. +3.8% QoQ, +28% YoY ใกล้เคียงกับคาดการณ์ ไดยได้ปัจจัยหนุนจาก ARPU ของลูกค้าโทรศัพท์ & อินเตอร์เน็ตยังเติบโตได้ดี ทางข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ ก.พาณิชย์รายงาน CPI ไทย ก.ค. -0.7% & คาด -0.4% YoY จากราคาพลังงาน & กลุ่มผักสด ผลไม้ปรับลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อการประชุม กนง.วันที่ 13 ส.ค. มีโอกาสที่พิจารณาลดดอกเบี้ยได้
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,250 แนวต้าน 1,270 – 1,275 ได้แรงหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติ กอปรรายงานกำไร Q2/68 บจ.ที่ส่งงแล้วดีกว่า +18% แนะนำทยอยซื้อ CPF,TFG,TFM,BCH,ADVICE,PLANB เป็นกลุ่มที่คาดกำไร Q2/68 +QoQ, +YoY และเก็งกำไรกลุ่ม Laggard เช่น CPAXT,CPALL
- GPSC* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 37.25 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q68 ที่ 2 พันล้านบาท +77%QoQ, +41%YoY โดยกำไรปกติ 7 พันล้านบาท +44%QoQ, +21%YoY หนุนจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม หลักๆ จากโครงการ CFXD ที่รับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน โรงไฟฟ้า XPCL ที่ผลประกอบการดีขึ้นตามปริมาณน้ำ และ AEPL ดีขึ้นจากรายการภาษี ขณะที่กำไรขั้นต้นจากการดำเนินงานหลักได้รับผลกระทบการลดลงของค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้า IPP และการสิ้นสุดสัญญาของโรงไฟฟ้า SPP บางแห่ง ความต้องการใช้ไอน้ำของลูกค้าอุตสาหกรรมลดลง รวมถึงค่า Ft ที่ลดลง ส่วนแนวโน้ม 3Q68 ดีต่อเนื่องมีปัจจัยบวกจากผลการดำเนินงานของ AEPL ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและกำไรพิเศษจากการขายหุ้นออกไปบางส่วน (3.03%) รวมถึงการผลิตไฟฟ้า Hydro เป็น high season ชดเชยค่า Ft ในรอบ ก.ย.-ธ.ค.68 ที่ลดลงเล็กน้อย ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68-69 ที่ 4.6 พันล้านบาท +13%YoY และ 5.1 พันล้านบาท +11%YoY
- SYNEX* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 179 บาท) BB consensus คาดกำไรสุทธิ 2Q68 อยู่ที่ 192 ลบ.(+20%YoY, +2%QoQ) มีแรงหนุนจาก Nintendo Switch2 ที่เปิดตัวในช่วงเดือนมิ.ย.68 ส่วนภาพรวม คาดว่ากลุ่มสินค้าไอทียังมีปัจจัยบวกจากDemand การเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ให้ทันกับเทคโนโลยี(4g>5g>AI) รวมถึงการใช้งาน cloud/อุปกรณ์IoT ที่แพร่หลายขึ้น นอกจากนี้ การสนับสนุนสําหรับ Windows 10 ก็จะถูกยกเลิก หลังวันที่ 14 ต.ค.68 ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี68และ69 กำไรสุทธิของ SYNEX* จะอยู่ที่ระดับ 693 ลบ.(+10%YoY) และ 781 ลบ.(+13%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI ก.ย.-$0.81 อยู่ที่ $64.35 / บาร์เรล, Brent ต.ค. -$0.75 อยู่ที่ $66.89/บาร์เรล รอความคืบหน้าของการเจรจาข้อตกลงสันติภาพของรัสเซีย – ยูเครน ขณะที่สหรัฐปรับเพิ่มภาษีศุลกากรสินค้าอินเดียไปอยู่ที่ 50% เพื่อตอบโต้อินเดียที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ส่วน EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 3 ล.บาร์เรล สวนทางคาดเพิ่มขึ้น 2 แสน บาร์เรล
Gold Update(-) Comex Gold ธ.ค.-$1.30 อยู่ที่ $3,433.40 /ออนซ์ ถูกแรงขายทำกำไร หลังราคาทองคำได้ปรับขึ้นรับคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยใน ก.ย.
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +91.11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +61.05 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +26.48 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +3.68 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 32.33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.226%
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +73 จุด อยู่ที่ 1,994
(+) BitCoin เช้านี้ +1.16% อยู่ที่ 115,162 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
07 ส.ค. ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์
13 ส.ค. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ครั้งที่ 4/2568
สัปดาห์ที3 สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ
อัพเดตสถานการณ์ลงทุน
ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
ม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่น
หอการค้าไทย
ต่างประเทศ
07 ส.ค. CN ดุลการค้า (ก.ค.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
12 ส.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ก.ค.)
14 ส.ค. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ( ก.ค.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
15 ส.ค. US ดัชนียอดขายปลีก ( ก.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, คาดทิศทางดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง, Earning Play 2Q68, High Season ไตรมาส3, และ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Trade War สหรัฐ-จีน ลดความรุนแรงลง
(1) กลุ่มการเงิน คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายลดลงในช่วง 2H68 NCAP*, SINGER* ,SGC* , MTC*, SAWAD*, TIDLOR*
(2) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์ตามฤดูกาลจากฤดูร้อน GULF*, GPSC*, BCPG
(3) กลุ่ม China Play คาดความตึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และรัฐบาลจีนมีโอกาสออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น SCC* ,SCGP* , PTTGC, IVL*
(4) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*, SIS*
(5) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC , NSL*
(6) กลุ่มส่งออกที่ผันผวนตามประเด็นภาษีศุลกากรสหรัฐฯ เน้น เก็งกำไร เมื่อมีพัฒนการเชิงบวกของการเจรจาไทย-สหรัฐฯ เช่น DELTA*, CCET*, KCE*, TU, ITC*, ASIAN*, AAI*, COCOCO*
(7) กลุ่มร.พ.ที่ไตรมาส 2 เป็น Low Season แต่เข้าสู่ High Season ในไตรมาส3 เช่น BDMS, SKR, WPH*, PR9*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio August 2025: MONO*, PR9*, IVL*, PTTGC*, GULF*, TIDLOR*, BH
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Meena Tunlayanitigun
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 033662
Tel 02-829-6999 Ext 2201
Email : meena.tu@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th