คาด SET Index : แกว่งตัวออกข้าง แรงกดดันจากความกังวลนโยบายการค้าของสหรัฐฯและผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์เผยจะประกาศภาษีศุลกากรต่อชิปและเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงยา หากแต่ยังมีแรงหนุนจากการเคาะมาตรการทางเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย รวมถึงหวังรัฐบาลดึงดูดการลงทุน
แนวรับ-ต้าน
1,235-1,255
กลยุทธ์การลงทุน
1) เก็งงบ 2Q68 : ADVANC, AP, BCH, BDMS,CK, GULF , LH, PR 9 , TIDLOR
2) หวัง กนง. ลดอัตราดอกเบี้ย : BEM, BTS, CRC,KTC, MTC, SIRI, SPALI
3) หวังรัฐบาลดึงดูดการลงทุน : AMATA, PIN,ROJNA WHA
4) Anti comm. : BGRIM, GPSC, SCGP, TASCO ,TOA
5) Dividend play : KKP, SAT, TISCO
กังวลทรัมป์รีดภาษีเพิ่ม หวังพลังภาครัฐ
กังวลทรัมป์รีดภาษีรายอุตฯและผลต่อเศรษฐกิจ : คาดแรงกดดันมาจากความกังวลภาษีศุลกากรของสหรัฐฯและผลกระทบต่อเศรษฐกิจ หลังปธน.เผยว่าเขาจะประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหม่ต่อชิปและเซมิคอนดักเตอร์ในเร็วๆนี้ โดยอาจเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า และเขายังเผยอีกว่ายาที่มีการนำเข้าสู่สหรัฐฯอาจถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงถึง 250% โดยจะเริ่มต้นด้วยการเก็บภาษีศุลกากรเพียงเล็กน้อย แต่ภายในระยะเวลา 1-1.5 ปีจะเพิ่มอัตราภาษีสู่ระดับ 150% และจากนั้นเป็น 250% ซึ่งตัวเลขข้างต้นถือเป็นอัตราภาษีสูงสุดที่ปธน.ทรัมป์ ขู่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจนถึงขณะนี้ อีกทั้ง มองการเผย PMI ภาคบริการของสหรัฐฯจาก ISM เป็นอีก Sentiment โดยเดือนก.ค.68 อยู่ที่ 50.1 แม้ยืนเหนือ 50 หากแต่ต่ำกว่าตลาดคาดและเดือนมิ.ย.68 ที่ 51.5 และ 50.8 ตามลำดับ โดยดัชนีได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานประสบภาวะหดตัว พร้อมกันนี้ธุรกิจต่างๆยังระบุว่ามาตรการภาษีการค้ากำลังผลักดันให้ต้นทุนสูงขึ้น นอกจากนี้ การเผยดัชนีข้างต้นยังเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กดดันให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 1.7% ปิดที่ $65.16 ต่อบาร์เรล ส่งผลให้เรามองเป็น Sentiment เชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน
หวังภาครัฐช่วยผลักดันเศรษฐกิจ : มองทางลงจากัด โดยคาด SET Index ยังมีแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐ หลังวานนี้ครม.เห็นชอบงบประมาณ 1.85 หมื่นล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ 1) สำหรับกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท และ 2) สำหรับ กยศ. วงเงิน 8.5 พันล้านบาท ขณะเดียวกัน รมช.คลัง เผยยังมีงบประมาณที่เหลือสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณา นอกจากนี้ วันนี้ติดตามงานหารือระหว่างผู้นารัฐบาลไทยกับผู้บริหารบริษัทชั้นนำระดับโลก ซึ่งอาจเผยถึงความร่วมมือในมิติต่างๆ รวมถึงการดึงดูดลงทุน โดยงานดังกล่าวจะมีผู้บริหารบริษัทชั้นนำเข้าร่วมมากกว่า 30 บริษัท ใน 4 อุตฯสำคัญ ได้แก่ เซมิคอนฯและอิเล็กฯ ยานยนต์ไฟฟ้า ศูนย์ข้อมูล และอุตฯที่ขับเคลื่อนด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ส่วนในแง่ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ติดตามการเผย CPI เดือนก.ค.68 ของไทย ตลาดคาด Headline และ Core ที่ -0.4% y-y และ +0.93% y-y จากเดือนมิ.ย.68 ที่ -0.25% y-y และ +1.06% y-y ตามลำดับ
ปัจจัยเพิ่มเติม
(+) ธนาคารออมสิน เผยมั่นใจว่าภายในสิ้นปี 68 ธนาคารจะสามารถสร้าง Social
Impact ได้มากขึ้น ตามเป้าหมายเป็นเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท โดยสำหรับนวัตกรรมการเงินเพื่อสังคมในช่วง 2H68 เน้นให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกค้ารายย่อยสามารถเข้าถึงแหล่งทุน
(-) ม.หอการค้าฯ ประเมินผลกระทบภาษีสหรัฐฯ 19% ในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปี 68 คาดส่งผลกระทบต่อส่งออกไทยราว 1.15 แสนล้านบาท หรือ -0.62% ต่อ GDP ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจในปี 69 คาดจะส่งผลกระทบต่อการส่งออก 2.75 แสนล้านบาท หรือ -1.48% ต่อ GDP
(-) กรมการค้าต่างประเทศ เผยการค้าชายแดนกับกัมพูชาเดือนมิ.ย.68 หดตัวถึง 23.3% จากมาตรการควบคุมจุดผ่านแดนชายแดนไทย-กัมพูชา และยังคงต้องติดตามข้อมูลเดือนก.ค.68 ซึ่งน่าจะเห็นผลกระทบต่อการค้าชายแดนชัดเจนขึ้น
ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ -นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ, CISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค #37928
ภัทรดนัย จตุรพร นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #094041
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย, CISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #127632
ฐนพงษ์ แซ่โล้ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชนพัฒน์ สุวิยานนท์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์