Today’s NEWS FEED

News Feed

พาณิชย์ เผย ครึ่งปีแรกปี68 ต่างชาติลงทุนในไทยทะลุ 1 แสนล้านบาทญี่ปุ่นลงทุนอันดับหนึ่ง 43,025 ล้านบาท ตามด้วย จีน 18,336 ล้านบาท และสิงคโปร์ 17,384 ล้านบาท

114


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(1 สิงหาคม 2568)---------นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เปิดเผยว่า ครึ่งปีแรกของปี 2568 (มกราคม - มิถุนายน) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 502 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 123 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 379 ราย มูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 111,506 ล้านบาท โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรกของครึ่งปีแรก 2568 ได้แก่


1. ญี่ปุ่น 99 ราย คิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 43,025 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
- ธุรกิจการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ
- ธุรกิจบบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ
- ธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรม
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ช่วยพยุงข้อมือ สิ่งพิมพ์ลามิเนทเพื่อบรรจุภัณฑ์ อุปกรณ์สำหรับรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตร ชิ้นส่วนยานพาหนะ
2. สหรัฐอเมริกา 72 ราย คิดเป็นร้อยละ 14 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 2,797 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
- ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า เช่น ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งยานพาหนะ เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องจักร/เครื่องมือ/อุปกรณ์/ชิ้นส่วน และส่วนประกอบที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ
- ธุรกิจบริการทำการตลาด รวมทั้งให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อพัฒนาธุรกิจ
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิต เช่น DC Cable โลหะผสมสำหรับผลิตเครื่องประดับ Captive Screw for PCB
3. จีน 65 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ ลงทุน 18,336 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
- ธุรกิจการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ
- ธุรกิจบริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้า
- ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชุดสายไฟแรงดันสูงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์จากพลาสติกชีวภาพ ชิ้นส่วนยานพาหนะ แผ่นพลาสติกพิมพ์ลาย
4. สิงคโปร์ 63 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ ลงทุน 17,384 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
- ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับตามที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง
- ธุรกิจบริการสนับสนุนและบริหารจัดการการวิจัยทางคลินิก
- ธุรกิจบริการ Data Center
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะทุบขึ้นรูป บรรจุภัณฑ์กระดาษเคลือบพลาสติกชีวภาพ แม่พิมพ์และชิ้นส่วนพลาสติก Printed Circuit Board
5. ฮ่องกง 51 ราย คิดเป็นร้อยละ 10 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 8,309 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
- ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย
- ธุรกิจบริการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า
- ธุรกิจบริการ Data Center
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ผลิตภัณฑ์ทางทันตกรรม ผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการอุตสาหกรรม ชิ้นส่วนพลาสติก ชิ้นส่วนโลหะ
ถือได้ว่าการเข้ามาประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในไทยในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมข้างต้น มีส่วนช่วยในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการท่าเทียบเรือและความปลอดภัยการขนถ่ายสินค้า องค์ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการคลังสินค้า องค์ความรู้เกี่ยวกับสถานีจัดประจุไฟฟ้า เป็นต้น
เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 117 ราย (เพิ่มขึ้น 30%) (เดือน ม.ค.-มิ.ย.68 อนุญาต 502 ราย / เดือน ม.ค.-มิ.ย.67 อนุญาต 385 ราย)และมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 30,019 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 37%) (เดือน ม.ค.-มิ.ย.68 ลงทุน 111,506 ล้านบาท / เดือน ม.ค.-มิ.ย.67 ลงทุน 81,487 ล้านบาท) รวมถึง มีการจ้างงานคนไทยจากนักลงทุนที่ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเพิ่มขึ้น 1,438 คน (เพิ่มขึ้น 78%) (เดือน ม.ค.-มิ.ย.68 จ้างงาน 3,286 คน / เดือน ม.ค.-มิ.ย.67 จ้างงาน 1,848 คน) โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่นเช่นเดียวกับปีก่อน
อธิบดีอรมน เพิ่มเติมว่า สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 (มกราคม - มิถุนายน) มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 158 ราย คิดเป็นร้อยละ 31 ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จำนวน 42 ราย (เพิ่มขึ้น 36%) (เดือน ม.ค.-มิ.ย.68 ลงทุน 158 ราย / เดือน ม.ค.-มิ.ย.67 ลงทุน 116 ราย) โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC 62,851 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 56 ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยเป็นนักลงทุนจาก *ญี่ปุ่น 42 ราย ลงทุน 24,752 ล้านบาท *จีน 38 ราย ลงทุน 13,909 ล้านบาท *สิงคโปร์ 15 ราย ลงทุน 8,046 ล้านบาท และประเทศอื่นๆ 63 ราย ลงทุน 16,144 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ
- ธุรกิจการค้าปลีกสินค้า เช่น เครื่องจักร เครื่องมือ และส่วนประกอบที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่และชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนสำหรับซ่อมแซมเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตยางรถยนต์
- ธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรม
- ธุรกิจบริการเขต Data Center
- ธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนโลหะหล่อขึ้นรูป ผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนกลุ่มภาพและเสียง หุ่นยนต์ที่ใช้สำหรับผลิตและตรวจสอบคุณภาพการผลิต ผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม เป็นต้น
ทั้งนี้ เฉพาะเดือนมิถุนายน 2568 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย 76 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 18 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 58 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 22,563 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจาก ญี่ปุ่น จีน และสิงคโปร์ ตามลำดับ มีการจ้างงานคนไทย 728 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าพลังงานพลังงานแสงอาทิตย์ องค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดเก็บสารเคมีอันตราย องค์ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการคลังสินค้า เป็นต้น
สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในเดือนมิถุนายน 2568 ได้แก่
- ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การออกแบบและควบคุมกระบวนการผลิตสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น
- ธุรกิจการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และส่วนประกอบ สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ
- ธุรกิจบริการเขต Data Center
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะหล่อขึ้นรูป ผลิตภัณฑ์จากพลาสติกชีวภาพ อุปกรณ์สำหรับรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตร ชุดสายไฟแรงดันสูงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

ไทย สู้ไหว By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ในที่สุด สิ่งที่รอคอย ก็มาแล้ว ไทย เจอภาษีแค่ 19% นับว่าเป็นความสำเร็จของทีมเจรจาการ....

SSP ส่งต่อความห่วงใยช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดนบุรีรัมย์

SSP ส่งต่อความห่วงใยช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดนบุรีรัมย์

มัลติมีเดีย

คุยกับ Genใหม่ TNDT "ธนรรจ์ ศตวุฒิ"

คุยกับ Genใหม่ TNDT "ธนรรจ์ ศตวุฒิ"

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้