สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(31 กรกฎาคม 2568)-----------บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย เปิดเผยว่า SET Index ปรับขึ้นจาก 1,050 มาแตะ 1,240 จุดแล้ว (+17%) โดยมีแรงหนุนหลักจากความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ หากไทยได้อัตราภาษีราว 17-18% จริง ก็อาจไม่ได้ผลักดันตลาดให้ไปได้ไกลมากนัก เพราะตลาดรับข่าวไปเยอะแล้ว แต่หากการเจรจากลับกลายเป็นได้อัตราภาษีสูงกว่าคาด เช่น 25% ความเสี่ยงจะกลับมากดดันตลาดอีกครั้ง จึงต้องลงทุนด้วยความระมัดระวัง
อีกประเด็นที่ต้องจับตาคือ หลังจากเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป เศรษฐกิจทั่วโลกอาจเริ่มเผชิญความจริง โดยเฉพาะผลจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่จะเริ่มส่งผลจริงจัง
ด้านเศรษฐกิจไทย ครึ่งปีแรกได้รับอานิสงส์จากการเร่งส่งออกเพื่อลดผลกระทบภาษีทรัมป์ จากการเร่งส่งออกเพื่อเลี่ยงผลกระทบภาษีทรัมป์ ตัวเลขส่งออกเลยออกมาดีมาก ดีจนกระทรวงการคลังต้องรีบขยับประมาณการ GDP ปีนี้
- คลังปรับเพิ่มประมาณการ GDP ไทย ปี 2025
- เป็น 2.2% กลายเป็นหน่วยงานแรกที่ประเมินทะลุ 2%
- โดยปรับเป้าหมายการส่งออกขึ้นจาก 2-3% → 4-5%
แต่ก็ยังมีความเสี่ยงไม่น้อย โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังที่อาจไม่ได้แรงหนุนจากการเร่งส่งออกเหมือนช่วงต้นปี
แต่…เราก็มองว่าใช่ว่าจะชิลได้ เพราะครึ่งปีหลังอาจไม่มีแรงส่งเท่าช่วงต้นปีแล้ว ไหนจะเจอปัญหาการท่องเที่ยวที่ยังไม่กลับมาฟื้นเต็มที่เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในภูมิภาค ยังคงกดดันให้จำนวนนักท่องเที่ยวชะลอตัว ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมอาจโตไม่ถึง 2% ได้เช่นกัน จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่นักลงทุนควรตั้งรับอย่างรอบคอบมากขึ้นในช่วงนี้
วันนี้ประเมิน SET พักตัวในกรอบ 1235 – 1250 น่าจะเริ่มพักตัวบ้างหลังจากปรับขึ้นมาจากจุดต่ำสุด 17% Price In ปัจจัยบวกเจรจาการค้าไปพอสมควรแต่พื้นฐานยังไม่เห็นสัญญาณบวก ไม่ว่าจะเป็นการปรับประมาณการกำไรหรือเศรษฐกิจ ขณะที่ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่าจากสัญญาณบวกจากสหรัฐฯอาจกดดันกระแสเงินทุนต่างชาติที่ในช่วงตั้งแต่ต้นเดือนซื้อสะสมไปแล้ว 1.55 หมื่นล้านบาท
ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังคงเน้นเพียงการ Trading ระยะสั้นแบบใช้เงินลงทุนไม่มาก พร้อมกับหาหุ้นยังปรับขึ้นน้อย (laggard)
(CPALL KTC KTB KBANK CPF BDMS)
อื่นๆเกาะกระแสไปกับหุ้นได้ประโยชน์เจรจาการค้า (AMATA WHA ITC TU)