วันอังคารที่ผ่านมาช่วงเช้าดัชนีเคลื่อนไหว Sideway ออกข้าง เนื่องจากนักลงทุนจับตาสถานการณ์ตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยสหรัฐเผยว่าจะไม่ท าการเจรจาทางการค้าหากสถานการณ์ตึงเครียดชายยังไม่สงบขณะที่ช่วงบ่ายดัชนีปรับตัวขึ้นแรง โดยมีแรงซื้อหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน น าโดย PTTEP และ PTTจากราคาน้ ามันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นแรง ตามด้วยแรงซื้อเพิ่มเติมจากหุ้นกลุ่มธนาคาร ค้าปลีก และโรงกลั่นส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,233.68 จุด +16.53 จุด +1.36% มูลค่าการซื้อขาย 51,323.28 ลบ.Program Trading +2,957.10 ลบ. ต่างชาติ +3,379.80 ลบ. TFEX -3,937 สัญญา ตราสารหนี้+71.93 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 2.50 ดอลลาร์ หรือ +3.75% ปิดที่69.21 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้ปัจจัยบวกจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ผู้นำสหรัฐฯ ขู่ว่าจะใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อกดดันให้รัสเซียเร่งยุติสงครามในยูเครนรวมทั้งความหวังที่ว่า สถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้ารายใหญ่จะคลี่คลายลง
+ รัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นการเกิดเปิดตัวโครงการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการดูแลบุตรทั่วประเทศซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปีนี้ โดยจะมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวปีละ 3,600 หยวน (ราว 503 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อบุตรหนึ่งคนที่มีอายุต่ ากว่า 3 ปีเพื่อรับมือกับวิกฤตประชากรเกิดใหม่ลดลงและจ านวนผู้สูงวัยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
+ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และจีนเสร็จสิ้นการเจรจาการค้าแล้ว โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะขยายระยะเวลาการระงับขึ้นภาษีศุลกากรระหว่างกันออกไป หลังการเจรจาเป็นเวลาสองวัน ซึ่งเป็นการเจรจาการค้ารอบที่ 3 ของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก
+ IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3% ในปี 2568 เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 2.8% หลังจากที่มีการขยายตัว 3.3% ในปี 2567 ขณะเดียวกันIMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะมีการขยายตัว 2% ในปีนี้ และ 1.7% ในปีหน้าดีขึ้นจากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 1.8% และ 1.6% ตามลำดับ
+ ภาพรวมในสัปดาห์นี้ 21-27 กรกฎาคม 2568 มีจ านวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ618,285 คน เพิ่มขึ้น 6,689 คน หรือ 1.09% เฉลี่ยวันละ 88,327 คน
+ มาตรการภาษีส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศช่วงนอกฤดูกาลจะมีลักษณะคล้ายกับมาตรการเมื่อปีก่อนที่เปิดให้นำค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น ค่าที่พักโรงแรม ค่าบริษัทน าเที่ยวมาหักลดหย่อนภาษีในการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลได
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 204.57 จุด หรือ -0.46% หลังจากบริษัทรายใหญ่หลายแห่งซึ่งรวมถึงยูไนเต็ดเฮลธ์ (UnitedHealth) เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินเฟด ในวันนี้และรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร
- สหรัฐฯ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 275,000 ต าแหน่ง สู่ระดับ 7.437 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย.ต่ ากว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 7.50 ล้านตำแหน่ง
- รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ยืนยันว่ากำหนดเส้นตายวันศุกร์นี้ (1 ส.ค.)ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเรียกเก็บภาษีน าเข้าครั้งใหญ่ต่อประเทศคู่ค้าหลายแห่ง จะไม่มีการเลื่อนออกไปอีก
- กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงกับไทยด้วยการเปิดปฎิบัติการยิงกระสุนปืนและขว้างระเบิดปั่นป่วนสถานการณ์แนวชายแดน แต่กระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาของกองทัพไทย ที่ระบุว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงด้วยการโจมตีไทย
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัว Sideway ออกข้าง โดยนักลงทุนยังติดตามสถานการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด หลังมีข่าวกัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ประกอบกับติดตามมาตรการภาษีของสหรัฐก่อนจะถึงเส้นตายในวันที่1 ส.ค. นี้มองกรอบดัชนีที่ 1,225-1,238 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
- เที่ยวไทยคนละครึ่ง : AWC MINT ERW CENTEL SHR
- หุ้น Defensive : ADVANC PR9 TISCO BGRIM
- หุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการที่ก.ล.ต.เตรียมเปิด Sandbox ให้ชาวต่างชาตินำคริปโตแลกเงินบาทน ามาใช้จ่ายธนาคาร KBANK SCB BAY โรงแรม MINT CENTEL ERW AWC สายการบิน AAV BA บันเทิง MAJORค้าปลีก CPALL CPAXT หุ้นคริปโต JTS BTC XPG ZIGA
- ได้รับผลกระทบเชิงลบจากความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา : CBG SAV