Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

93

Market Wrap-Up

·      SET วันที่ 29 ก.ค.68 ปิด +16.53 จุด อยู่ที่ 1,233.68 จุด มูลค่าการซื้อขาย 51,322 ลบ. ต่างชาติซื้อ 3,379 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 464 ลบ. สถาบันซื้อ 303 ลบ. และรายย่อยขาย 4.147 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,894 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น PTTEP,PTT,SCB,KBANK,ADVANC และยอดขายหุ้น AOT,BH,BBL,DELTA,CPALL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,453 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ HMPRO,HK01,LH โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 1,833 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 115,147 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 72 ลบ.

·      ตลาดหุ้นสหรัฐ -0.46%, S&P500 -0.30%, Nasdaq -0.38% จากแรงขายกลุ่มอุตฯ -1.14%, สินค้าฟุ่มเฟือย -0.73% ขณะที่กลุ่มอสังหาฯ +1.7%, สาธารณูปโภค +1.17% ส่วน JOLTs เผยตัวเลขเปิดรับสมัครงานสหรัฐ มิ.ย.ลดลง 275,000 อยู่ที่ 7.437 ล.ตำแหน่ง & คาด 7.5 ล.ตำแหน่ง ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.29% ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร +1.7% และกลุ่มอวกาศ & กลาโหม +2.2%

·       Market View

·      ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง จากแรงขายหุ้น Big Cap. เช่น UnitedHealth -7.5% หลังปรับลดคาดการณ์กำไรปีนี้, Boeing -4.4% จากผลขาดทุนและเครื่องบิน 737 MAX ตก 2 ครั้ง และ UPS บริษัทขนพัสดุ -10.6% รายงานกำไร Q2/68 ต่ำกว่า และไม่ได้คาดการณ์รายได้ & กำไรปีนี้ เนื่องจากนโยบายการค้าของสหรัฐ ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท โดยสัปดาห์นี้ยังรอการรายงานกำไรกลุ่ม Magnificant 7 เช่น Apple, Meta Platforms, MSFT, Amazon และค่ำวันนี้ติดตาม US GDP Q2/68 คาด 2.4% & Q1/68 -0.5% QoQ และผลการประชุมเฟดคาดคงดอกเบี้ยที่ 4.25 – 4.5%, วันพฤหัส US PCE มิ.ย. และวันศุกร์ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.ค.คาดเพิ่มขึ้น 108,000 & มิ.ย. 147,000 ราย และอัตราว่างงาน ก.ค. คาดที่ 4.2% & มิ.ย. 4.1%  

·      ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึ้น นำโดยกลุ่มธนาคาร +1.7% ปิดสูงสุดนับตั้งแต่ ก.ย. 51 หลังสหรัฐ – อียูสามารถบรรลุข้อตกลงการค้า ขณะที่กลุ่มอวกาศ & กลาโหม +2.2% หลังสหรัฐได้ยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องบิน & ชิ้นส่วน ส่งผลให้ Airbus +1.7% ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนหลัง LSEG คาดการณ์กำไร Q2/68 บจ.ใน Stoxx600 +1.8% & เดิมคาด -0.3% ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตาม GDP ยูโรโซน Q2/68 คาด 1.2% & Q1/68 ที่ 1.5% YoY และวันศุกร์ CPI ยูโรโซน ก.ค.คาด 1.9% & มิ.ย. 2.0% YoY

·      ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.33% รอผลการเจรจาข้อตกลงการค้าสหรัฐ – จีนที่กรุงสต็อคโฮม ซึ่งอาจจะมีการขยาย ม.ผ่อนผันทางภาษีที่จะสิ้นสุดวันที่ 12 ส.ค. โดยสหรัฐจะเก็บภาษีสินค้าจีนที่ 30% และจีนเก็บภาษีสินค้าสหรัฐที่ 10% ต่อไปอีก 90 วัน ขณะที่รัฐบาลจีนได้ออก ม.หนุนค่าใช้จ่ายดูแลบุตรปีละ $503 / บุตรมีอายุต่ำกว่า 3 ปี เพื่อหนุนโยบายเพิ่มประชากร ส่วนดัชนีนิเกอิวานนี้ -0.79% จากปัญหาเสถียรภาพการเมืองในประเทศ  ประเด็นที่ต้องติดตามวันพรุ่งนี้คือ ผลการประชุม BOJ และวันศุกร์ PMI ภาคการผลิตญี่ปุ่น, จีน ก.ค.

·      SET วานนี้ +1.36% ปริมาณการซื้อขาย 5.1 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 3,379 ลบ. สถาบันซื้อ 303 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 464 ลบ. และรายย่อยขาย 4,147 ลบ. ได้ปัจจัยหนุนจากข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทย – กัมพูชา, ม.คุ้มครองพลเรือน และหยุดการเสริมกำลัง & ห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง ซึ่งช่วยลดความตึงเครียดบริเวณพรมแดน และยังเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติก่อนจะทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐที่จะถึงเส้นตายในวันที่ 1 ส.ค. ซึ่งคาดจะสามารถเจรจาลดภาษีลงให้ใกล้เคียงกับกลุ่มประเทศในอาเซียน โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงานที่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ และกลุ่มปิโตรเคมี & บรรจุภัณฑ์ที่ปรับขึ้นตอบรับ ม.ปรับลดกำลังการผลิตส่วนเกินของจีน ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี, เหล็ก, อะลูมิเนียม จากปัจจัยดังกล่าวถึอว่าเป็นผลบวกต่อ SET เนื่องจากหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนน้ำหนักในดัชนี SET ราว 25 – 30% ส่วนผลการรายงานกำไร Q2/68 บจ.วานนี้ HMPRO กำไรต่ำกว่าคาด -4.3%, GLOBAL กำไรต่ำกว่าคาด –3% เป็นผลจากำไรขั้นต้นยังชะลอตัว ขณะที่ SCGP มีกำไร Q2/68 อยู่ที่ 1,009 ลบ. +12%QoQ, -30%YoY และดีกว่าคาด +4.6% จากการบริหารจัดการตุ้นทุนกระดาษรีไซเคิลอย่างมีประสิทธิภาพ และต้นทุนพลังงานลดลง      

Daily Strategy

·      ประเมินดัชนี SET 1,220 – 1,230 แนวต้าน 1,240 – 1,250 คาดโมเมนตัมของดัชนีอยู่ในทิศทางบวก จากแนวโน้มการฟื้นตัวของรายได้ & กำไรในกลุ่มพลังงาน, ปิโตรเคมี หลังจีนออก ม.ควบคุมอุปทานส่วนเกิน และยังคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจาข้อตกลงการค้าไทย – สหรัฐ แนะนำทยอยซื้อกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมี เช่น SCC, SCGP, PTTEP,PTTGC,IVL/ เก็งกำไร KCE,HANA,CCET คาดได้ปัจจัยบวกของการเจรจาการค้าไทย – สหรัฐ

·      BCPG* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 8.60 บาท) คาดประกอบการ 2Q68 สะดุดชั่วคราวจากรายการ one-time ตั้งด้อยค่าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม Nabas2 / ลูกหนี้การค้า EDL / Solar Rooftop ด้านกำไรปกติอ่อนตัว QoQ จากโรงไฟฟ้าในสหรัฐที่ปิดซ่อม ส่วนแนวโน้ม 3Q68 จะกลับมาเติบโตจาก Hydro power plant ที่ปริมาณน้ำมากขึ้น การทยอย COD โครงการพลังงานลม Monsoon (290Mwe ถือหุ้น 48%) ในลาว ปัจจัยบวกที่เหลือมาจากโรงไฟฟ้าในสหรัฐได้รับประโยชน์ seasonal หน้าร้อนและจากการเติบโตของธุรกิจ Data center ส่งให้ราคาขายไฟฟ้า (ค่าความพร้อมจ่าย) ในตลาดเสรีของสหรัฐฯ (PJM) ปรับเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ตลาดอยู่ระหว่าง adjust กำไรปี 68 ลง แต่เชื่อว่าราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบดังกล่าวไปแล้ว

·      ADVICE* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 6.05 บาท) กลุ่มสินค้าไอทีมี Demand จากการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ให้ทันกับเทคโนโลยี(เช่น AI PC) รวมถึงการใช้งาน cloud/อุปกรณ์IoT ที่แพร่หลายขึ้น ส่วนการดำเนินงานปกติ 2Q68 คาดว่ายังมีแรงหนุน YoY QoQ จาก กลุ่มสินค้าสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะสินค้า Apple ด้าน ADVICE* เองวางเป้ารายได้ปีนี้ +20%YoY ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากสมาร์ทโฟนเป็น 50% ภายในปี70 (ปัจจุบัน 1Q68 ที่ 16% แบ่งเป็น Apple 12% และ Android 4%) ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าในปี68 และ69 กำไรสุทธิของ ADVICE* จะอยู่ที่ระดับ 268 ลบ.(+15%YoY) และ 312 ลบ.(+17%YoY)

 

 

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI ก.ย.+$2.50 อยู่ที่ $69.21 / บาร์เรล, Brent ก.ย. +$2.47 อยู่ที่ $72.51/บาร์เรล หลัง ปธน.ทรัมป์ได้กำหนดเส้นตายใหม่ให้กับ ปธน.ปูตินในการบรรลุข้อตกลงสันติภาพกับยูเครน เหลือเพียง 10 – 12 วัน จากเดิมให้เวลา 50 วัน มิฉะนั้นรัสเซียจะถูก ม.คว่ำบาตร โดยสัญญาน้ำมันยังได้แรงหนุน หลังสหรัฐ – อียูสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้า

 

Gold Update(+) Comex Gold ส.ค.+$14.00 อยู่ที่ $3,324.00 /ออนซ์ โดยสัญญาทองคำฟื้นตัว ระหว่างรอผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – จีน และผลการประชุมเฟดในช่วงค่ำวันนี้

 

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +71.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +104.24 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -25.68 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -7.48 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าอยู่ที่ 33.35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.322 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -117 จุด อยู่ที่ 2,109

(+) BitCoin เช้านี้ +0.09% อยู่ที่ 117,899 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

31 ก.ค.     ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที5 สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม

 

ต่างประเทศ

29 ก.ค.     US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี( ก.ค.)

                US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (มิ.ย.)

30 ก.ค.     US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)( ก.ค.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาส 2) 

31 ก.ค.     CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน ( ก.ค.)      

US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย

US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC

US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) (มิ.ย.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

01 ส.ค.     EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ก.ค.) 

US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง ( ก.ค.)

US อัตราการว่างงาน ( ก.ค.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( ก.ค.)

 

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, คาดทิศทางดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง,  Earning Play 2Q68, High Season ไตรมาส3, และ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Trade War สหรัฐ-จีน ลดความรุนแรงลง    

 

(1) กลุ่มการเงิน คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายลดลงในช่วง 2H68 NCAP*, SINGER* ,SGC* , MTC*, SAWAD*, TIDLOR*

 

(2) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์ตามฤดูกาลจากฤดูร้อน GULF*, GPSC*, BCPG

 

(3) กลุ่ม China Play คาดความตึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และรัฐบาลจีนมีโอกาสออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น SCC* ,SCGP* , PTTGC, IVL*

 

(4) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*, SIS*

 

(5) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC , NSL*

 

(6) กลุ่มส่งออกที่ผันผวนตามประเด็นภาษีศุลกากรสหรัฐฯ เน้น เก็งกำไร เมื่อมีพัฒนการเชิงบวกของการเจรจาไทย-สหรัฐฯ เช่น DELTA*, CCET*, KCE*, TU, ITC*, ASIAN*, AAI*, COCOCO*

 

(7) กลุ่มร.พ.ที่ไตรมาส 2 เป็น Low Season แต่เข้าสู่ High Season ในไตรมาส3 เช่น BDMS, SKR, WPH*, PR9*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio May 2025: MONO*, PR9*, IVL*,PTTGC*,GULF*, TIDLOR*

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999 Ext  2201

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

หุ้นพลังงาน By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นหุ้นกลุ่มพลังงาน หุ้นใหญ่หลายตัว ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น ด้วยกระแสเงินทุน หลังจาก .....

มัลติมีเดีย

คุยกับ Genใหม่ TNDT "ธนรรจ์ ศตวุฒิ"

คุยกับ Genใหม่ TNDT "ธนรรจ์ ศตวุฒิ"

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้