---ยังเผชิญความท้าทาย---
Preview ผลประกอบการ 2Q25F...คาดกำไรสุทธิ 2Q25F ไว้ที่ 93 ล้านบาท ลดลง -59% y/y, -86% q/q เนื่องจากได้รับผลกระทบจากต้นทุนก๊าซที่สูงขึ้น ราคาก๊าซเพิ่มขึ้น 50 บาท/ล้านบีทียูในช่วงก.ย.-ธ.ค. ขณะที่ค่า Ft ลดลงจาก 0.3672 บาท/หน่วย เป็น 0.2539 บาท/หน่วย ส่งผลให้มาร์จิ้นไฟฟ้าที่ขายให้ลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรม (IU) ลดลง, ค่าใช้จ่าย SGA เพิ่มขึ้นจากค่าธรรมเนียมด้านกฎหมายและที่ปรึกษา และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 400 ล้านบาท สำหรับกำไรปกติไตรมาสนี้คาดไว้ที่ 674 ล้านบาท (-37% y/y, -32% q/q)
แนวโน้ม - มีความเสี่ยงจากนโยบายภาครัฐล่าสุดที่อาจกดดันกลุ่มโรงไฟฟ้า ทั้งนี้ในต้น 2Q25 รัฐบาลประกาศแผนปรับลดค่าไฟฟ้า โดยเน้นการลดค่าไฟผ่าน 3 แนวทางหลัก ได้แก่ 1) การลดค่าไฟโดยตรง, 2) การเจรจาแก้ไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPAs) ได้แก่ การแก้ไข Adder, Feed-in-Tariff (FiT) การแก้ไขค่าความพร้อมผลิตและค่าพลังงาน ฯลฯ ซึ่งโรงไฟฟ้า IPP และโรงไฟฟ้า VSPP ที่ส่วนใหญ่เป็นพลังงานหมุนเวียน จะได้รับผลกระทบ แต่โอกาสน่าจะเกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้าที่ยังไม่เริ่มดำเนินการ ส่วนที่ดำเนินการแล้วน่าจะแก้ไขสัญญาได้ยาก, 3) การปฏิรูปราคาก๊าซแบบ pooled gas price ซึ่งในแนวทางนี้คาดว่าจะกระทบโรงไฟฟ้า SPP จำกัด เพราะต้นทุนที่ลดลงจะถูกชดเชยด้วยค่า Ft ที่ต่ำลง
ข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา - ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงาน โดย BGRIM มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในกัมพูชาเพียงแห่งเดียว กำลังการผลิต 39 MW เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ปี 2022 ทางบริษัทยืนยันว่าโรงไฟฟ้านี้ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา เพราะอยู่ห่างจากพื้นที่ขัดแย้งมาก และคนงานในโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นคนท้องถิ่น
คำแนะนำการลงทุน - คงคำแนะนำถือ ให้ราคาพื้นฐาน 11 บาท แม้ว่าผลประกอบการน่าจะผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 2Q25 แต่เรามองว่ายังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนของรัฐบาลในการปรับลดค่าไฟฟ้า ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม รวมถึงกลไกการอุดหนุนค่าไฟฟ้า แม้ความกังวลสะท้อนไปในราคาหุ้นแล้วพอควร แต่เรายังอยากรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการลดค่าไฟฟ้าของรัฐบาลก่อน
นักวิเคราะห์ : ดุลเดช บิค : duladethbik@dbs.com : Tel. 02 857 7833