Equality for All
OR : บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก

2Q25 คาดกำไรสุทธิ 2,352 ลบ. หดตัวแรง -46% q-qจากปริมาณขาย และอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยลดลง :
กลุ่ม Mobility (สถานีบริการ) คาดปริมาณขายน้ำมันอยู่ที่ 6,370 ล้านลิตร หด -5% q-q กลุ่มค้าปลีกปริมาณขาย +4% q-q จากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ส่วนตลาดพาณิชย์ -10% q-q จากปัจจัยนอกฤดูกาลส่งผลให้ปริมาณขายน้ำมันเครื่องบินลดลง คาดอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย/ ลิตร อยู่ที่ 0.90 บาท/ ลิตรจาก 1.02 บาท/ ลิตร ใน 1Q25 รวมกำไรสต็อกคาด 250 ลบ. เข้าไปแล้ว

กลุ่ม Lifestyle (อาหาร และเครื่องดื่ม) ปริมาณขายกาแฟยังโตต่อเนื่องเพิ่มเป็น 107 ล้านแก้วจาก 104 ล้านแก้วทำสถิติสูงสุดใหม่ และคาด EBITDA margin อยู่ที่ 29% จากยอดขายเพิ่มขึ้น

กลุ่มต่างประเทศ ปริมาณขายน้ำมันลดลง -4% q-q ที่ 570 ล้านลิตร จากการลดลง 2 ตลาดหลักคือกัมพูชาและฟิลิปปินส์ ส่วนยอดขายกาแฟเพิ่มเป็น 8.3 ล้านแก้วจาก 7.7 ล้านแก้ว ใน 1Q25 และคาด EBITDA margin ทรงตัว q-q

ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร คาดเพิ่ม +11% q-q จากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และคาดรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง -10% q-q ที่ 184 ลบ. และคาดกำไรสุทธิ 2,352 ลบ. -46% q-q

สถานีบริการในกัมพูชาเป็นของ DODO 90% : สำหรับปัญหาความไม่สงบระหว่างไทย-กัมพูชานั้น ทางกัมพูชาไม่อนุญาตให้นำเข้าน้ำมันจากไทยไปจำหน่ายในประเทศ ทาง OR แจ้งว่าได้มีการนำเข้าจากสิงคโปร์ไปจำหน่ายแทน ซึ่งจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น

ขณะที่สถานีบริการในกัมพูชา 90% ของจำนวนสถานีดำเนินการโดย DODO และมี COCO (ดำเนินการโดย OR)เพียง 10% เท่านั้น

ปัญหาที่เกิดขึ้นคาดอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณขายใน 3Q25 ให้หดตัวราว -10% q-q ขณะที่ EBITDA ในกัมพูชานั้นคิดเป็น 3-5% ของกลุ่ม (1,000 ลบ. ต่อปี)
เช่นเดียวกับสถานีบริการในชายแดนมีราว 15 สถานีซึ่งเป็นของ DODO ทั้งสิ้น ปัจจุบันทางราชการสั่งปิดจำนวน 8 สถานี โดยปริมาณขายในชายแดนนั้นมีเพียง 0.5% ของปริมาณขายน้ำมันในกลุ่มค้าปลีกเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม กรณีเลวร้ายที่สุดสำหรับปัญหาไทย-กัมพูชาทำให้ OR ไม่สามารถดำเนินธุรกิจในประเทศดังกล่าวได้ผลกระทบต่อการตั้งด้อยค่าคาดอยู่ที่ราว 4,000 ลบ.

ส่วนแบ่งตลาดยังมาน้อย
“แนวโน้ม 2Q25 คาดกำไรหดตัวจากทั้งปริมาณขายลดลง และอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยที่ลดลง ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดปรับขึ้นไม่มากทำให้คาดว่าครึ่งปีหลังจะยังมีกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่องเพื่อผลักดันตัวเลขดังกล่าว ขณะที่แนวโน้ม 3Q25 ปริมาณขายคาดยังหดตัวจากช่วงฤดูฝนทำให้การดำเนินงานอาจฟื้นตัวจำกัด
เราคาดผลกระทบต่อการแทรกแซงของรัฐบาลจะลดลงหลังฐานะกองทุนน้ำมันกลับมาเป็นบวก ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรมีแนวโน้มดีขึ้น เว้นแต่จะถูกกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมันซึ่งอาจกดดันต่ออัตรากำไรขั้นต้นให้ลดลง ”

นารี อภิเศวตกานต์
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน #17971
naree.a@liberator.co.th