Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

116

 

ภาพตลาดและแนวโน้ม

 

ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา หนุนจากความคาดหวังในความคืบหน้าของการเจรจาการค้าก่อนถึงเส้นตายวันที่ 1 ส.ค. รวมถึงความคาดหวังในผลประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เครื่องมือชี้วัดด้าน Sentiment ของตลาดหุ้นสหรัฐฯสะท้อนความเชื่อมั่นที่อยู่ในเกณฑ์ดี ส่วน Sentiment ตลาดหุ้นไทยที่ฟื้นตัวได้ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง

CNN Fear & Greed ปรับตัวขึ้นจากระดับ 74 คะแนนในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 77 คะแนนในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการปรับจากโซน Greed สู่โซน Extreme Greed ขณะที่ค่า Put/Call Option Ratio ปรับขึ้นจากระดับต่ำสุดที่ 0.61 ในวันที่ 3 ก.ค. ล่าสุดอยู่ที่ 0.63 และยังมีโอกาสปรับขึ้นได้อีก ทำให้ดัชนี S&P500 อ่อนไหวต่อข่าวลบมากขึ้นในระยะสั้น โดยเฉพาะหากรายงานตัวเลขผลประกอบการที่บริษัททยอยประกาศออกมานั้นต่ำกว่าคาด


ขณะที่ผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนของ AAII สะท้อนถึงมุมมองทั้งฝั่ง Bullish และ Bearish ของนักลงทุนต่อแนวโน้มตลาดในช่วง 6 เดือนข้างหน้าที่ปรับตัวลดลง โดยมุมมอง Bullish ลดลงจาก 39.3% เหลือ 36.8% (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 37.5%) ส่วนมุมมอง Bearish ก็ลดลงเช่นกันจาก 39.0% เหลือ 34.0% (สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 31.0%) ขณะที่นักลงทุนที่มีมุมมอง Neutral เพิ่มขึ้นจาก 21.8% เป็น 29.2% ส่งผลให้ Bull-Bear Spread ปรับเพิ่มขึ้น 2.5% สู่ระดับ 2.8% ส่วนผลสำรวจพิเศษของ AAII ในสัปดาห์นี้ สอบถามถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐในครึ่งปีหลังของ 2025 พบว่า 45.9% เชื่อว่ามีผลกระทบในระดับปานกลาง 22.8% เชื่อว่ามีผลกระทบมาก และ 21.0% เชื่อว่ามีผลกระทบเล็กน้อย ทั้งนี้มีเพียง 6.6% ที่คาดว่าจะช่วยหนุนเศรษฐกิจ ส่วนอีก 3.1% ไม่แน่ใจ/ไม่มีความเห็น

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น 1.2% WoW สอดคล้องกับมาตรวัด BLS Greed & Fear Barometer ที่ฟื้นตัวได้ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง จาก 41 เป็น 45 คะแนน โดยยังคงอยู่ในโซน Fear องค์ประกอบย่อยปรับตัวดีขึ้นในหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนี Momentum Strength ที่ปรับขึ้นทะลุระดับสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ในเดือน พ.ค. 2025 โดยปรับขึ้นจาก +11 จุดเป็น +28 จุด ดัชนี Volume Index ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 จากโซนต่ำกว่า Lower-bound สู่ระดับใกล้ Mid-range รวมถึง Market Breadth ที่ฟื้นตัวได้ดีเช่นกัน สะท้อนแรงซื้อที่กระจายตัว ขณะที่ดัชนี Bull-to-Bear แกว่งตัวอยู่ในโซน Upper-bound

Implication: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีบรรยากาศการลงทุนเชิงบวก แม้จะทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม CNN Fear & Greed Index ได้เข้าสู่โซน Extreme Greed ซึ่งสะท้อนความ overconfidence ของตลาด ขณะที่ Put/Call Option Ratio เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีโอกาสเกิดแรงขายที่รุนแรงขึ้นได้ หากมีปัจจัยลบเข้ามากระทบ

ส่วนตลาดหุ้นไทย Sentiment ฟื้นตัวต่อเนื่องสองสัปดาห์ อย่างไรก็ดี การที่ดัชนี Bull-to-Bear ขยับขึ้นมาอยู่ในโซนบนสุดของช่วงการเคลื่อนไหว บ่งชี้ว่าโอกาสในการปรับขึ้นของตลาดในระยะสั้นอาจมีข้อจำกัด หากพิจารณาจากพฤติกรรมในอดีต ดัชนีนี้มักมีแนวโน้มกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ยเมื่อเกิดการเบี่ยงเบนมากเกินไป ซึ่งเป็นสัญญาณให้ระมัดระวังการไล่ราคา แม้แรงส่งเชิงบวกในเชิงโครงสร้างของดัชนี SET จะเริ่มฟื้นตัวก็ตาม

สรุปภาพตลาดวานนี้
SET ย่อ แต่ไม่ได้แรง โดยแรงกดดันมาจาก PTT DELTA CPALL เป็นหลัก กลุ่มลงแรงเชื่อมโยงกัมพูชา CBG SAV เป็นต้น ขณะที่กลุ่มที่ขึ้นเขียว พยุงตลาด GULF AOT TOP และธนาคาร ส่วนที่บวกแรง เช่น DOHOME ANAN DPAINT

แนวโน้มตลาดวันนี้
SET ตั้งรับ
ส่งท้ายสุดสัปดาห์คาดหุ้นไทยพักฐาน ตามที่เราประเมินว่าตลาดหุ้นไทยจะเผชิญแรงขายสลับกับแรงซื้อที่อ่อนกำลังลง เมื่อเข้าใกล้วันหยุดเพราะ นลท.จะรอดูสถานการณ์ เรื่องหลัก คือ ดีลการค้าไทย-อเมริกา และผลกระทบจากสถานการณ์สู้รบไทย กัมพูชา อาจเพิ่มความเสี่ยงธุรกิจที่เชื่อมโยงฯจากการลดระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตามเรายังคงคาดป้ายถัดไปของตลาดหุ้นไทย คือ ขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,240/1,250 จุด บนเงื่อนไข ดีลการค้าไทยสหรัฐฯสำเร็จ ในอัตราภาษีตามที่ BLS Research ประเมินคือ 20-25%

แต่ถ้าผลดีลออกมาเป็นตรงกันข้ามกับที่ เราและ นลท.คาดหวัง เมื่อไม่สามารถลดภาษีลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาค แรงขายทำกำไรในระยะสัปดาห์อาจรุนแรงกว่าที่ประเมิน เราจึงแนะนำ เริ่มทำการปรับพอร์ตกลยุทธ์ ลด Beta พอร์ตลง และแนะนำ ทำกำไรหุ้น แบงก์ ไฟแนนซ์ ท่องเที่ยว (กังวลเหตุสงครามชายแดนบานปลาย) และ เลือกถือหุ้นดังที่ระบุไว้ในรายงานกลยุทธ์ประจำสัปดาห์-และหุ้นที่จะดันดัชนี ต้องเป็น หุ้น Big Cap ที่มีอิทธิพลต่อดัชนีฯ ไม่เกิน 10 ตัว เท่านั้น เช่น GULF DELTA AOT SCC PTT โดยกลยุทธ์ยังไม่รีบเก็บหุ้นแถวสอง (หุ้น Market cap รอง และ เล็ก)

และแนะถือหุ้นตามพอร์ตที่เราแนะนำไว้ก่อน โดยเฉพาะหุ้นปันผล-หาจังหวะเพิ่มการซื้อเก็งกำไร หุ้นที่เห็นแนวโน้มของการปรับประมาณการณ์กำไร และ การปรับเพิ่มคำแนะนำ หุ้นรายตัวจากนี้ไป

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ ถือหุ้นปันผล เริ่มสะสมหุ้นต้นรอบ ดักงบการเงินไตรมาส 2 และปันผลระหว่างกาล

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET Index ย่อ! หลังท้าทายเส้น EMA 200 วัน ท้าทาย Wave 5 และกำลัง test previous high! นอกจากนี้ดัชนีปรับตัวขึ้นมาแล้ว +14.5% จาก low ส่งผลให้ RSI เข้าสู่ความผันผวนสูงแตะเขตแดน overbought ….มุมองการปรับฐานในครั้งนี้จะลงแค่ไหน จบรอบหรือยัง! หากใช้ตัวเลข Fibonacci retracement จะมีแนวรับดังนี้ที่ 1,180 (23.6%) และ 1,155 (38.2%) ตามลำดับ เป็นการปรับลง1/3 ของระยะทาง ก็น่าจะเพียงพอแล้ว….ส่วนระยะกลาง-ยาว แนะจับตากำลังถึงจุดเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหากทะลุเส้น EMA 200 วัน และ previous high ที่ 1,231 จุด....จุดวัดใจขาขึ้นรอบใหม่ มาแน่…แต่ยังไม่ใช่ในเร็ววันนี้
แผนเทรด: ตลาดเริ่มลง “ อย่าให้กำไร กลายเป็นขาดทุน” อาจใช้เครื่องมือ trailing stop ช่วยปรับพอร์ตปิดความเสี่ยง

 

 

What to watch
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาจะพบกับรัฐมนตรีคลังของจีนที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือเกี่ยวกับการขยายกำหนดเส้นตายการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีน จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 12 ส.ค. เพื่อเปิดทางให้สหรัฐฯ และจีนทำการเจรจาข้อตกลงการค้าต่อไป
ขณะเดียวกัน ตลาดยังขานรับดีลการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่นแล้ว โดยจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นในอัตรา 15% ลดลงจากก่อนหน้านี้ที่ขู่ว่าจะเรียกเก็บในอัตรา 25%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงขานรับข่าวรัฐบาลจีนประกาศโครงการก่อสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกในทิเบต โดยคาดว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 3 แสนล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี และมีการประเมินมูลค่าของโครงการไว้ที่ 1.70 แสนล้านดอลลาร์
มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) คงมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
มอร์แกน สแตนลีย์ มีความมั่นใจมากขึ้นว่าดัชนี S&P500 จะดีดตัวขึ้นแตะระดับ 7,200 จุดภายในกลางปี ซึ่งดีกว่ารายงานในเดือน พ.ค.ที่คาดว่าดัชนี S&P500 จะแตะที่ระดับ 6,500 จุดในไตรมาส 2 ของปี 2569
สมาชิก EU จำนวนมากขึ้น รวมถึงเยอรมนี กำลังพิจารณาใช้มาตรการ "ตอบโต้การบีบบังคับ" (anti-coercion) กับสหรัฐฯ ซึ่งจะอนุญาตให้กลุ่มสามารถพุ่งเป้าไปที่ภาคบริการของสหรัฐฯ หรือจำกัดการเข้าถึงการประมูลของภาครัฐได้
มาตรการคว่ำบาตร รัสเซีย จากอียู และสหรัฐฯ เพิ่มเติมหลังสงครามรัสเซียยูเครนยังดำเนินต่อไป

หุ้นแนะนำวันนี้
GULF คาดการณ์กำไรหลัก 2Q68 ที่ 6.8 พันลบ.+4% q-q หนุนจากกำไรที่แข็งแกร่งของ ADVANC
แนวรับ 44 ต้าน 46.5/48 Stop loss 43.25

 

 

 

 

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

Econ
Export: ส่งออกไทยเดือนมิถุนายน 2025 โตต่ำกว่าตลาดคาด
มูลค่าส่งออกไทยเดือนมิถุนายน 2025 ขยายตัว 15.5% YoY (ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ที่ 18.5% YoY) และหดตัว 7.7% MoM สะท้อนถึงโมเมนตัมที่อ่อนแรงลงของการเร่งนำเข้าสินค้า (Front-loaded demand) ของคู่ค้าต่างๆ ก่อนมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ มีผลบังคับใช้จริงในวันที่ 1 สิงหาคม 2025

สินค้าส่งออกหลักส่วนใหญ่ชะลอตัว MoM เกือบทุกกลุ่ม เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรและส่วนประกอบ ยางล้อ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์อย่างหม้อแปลงไฟฟ้า แผงวงจรไฟฟ้า คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ (ยกเว้น HDDs ที่ยังเติบโตทั้ง YoY และ MoM สะท้อนถึงอุปสงค์ที่ยังแข็งแกร่ง) อาหารสัตว์เลี้ยง

การส่งออกสินค้าเกษตรเติบโตดีในเทอม YoY โดยมีแรงหนุนจากทุเรียนเป็นหลัก อย่างไรก็ดี การส่งออกทุเรียนโดยรวมก็นับว่าเติบโตต่ำกว่าคาดจากแรงกดดันด้านราคา เนื่องจากปริมาณผลผลิตที่มากกว่าปีก่อนหน้า

สินค้าบางกลุ่มส่งสัญญาณหดตัวทั้ง YoY และ MoM เช่น ข้าว ยางพารา อาหารทะเลกระป๋อง เคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกแผงโซลาร์เซลล์ไปสหรัฐฯ ที่หดตัวจากผลกระทบจากมาตรการ AD/CVD ของสหรัฐฯ ขณะที่กลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วนกลับเข้าสู่ภาวะหดตัวอีกครั้ง โดยเฉพาะรถยนต์นั่งและรถกระบะ
Economist View: แม้ครึ่งปีแรกการส่งออกสินค้าไทยจะเติบโตได้ดี แต่มีแนวโน้มหดตัวในช่วงครึ่งปีหลังจากความเสี่ยงของนโยบายภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariff) ของสหรัฐฯ ที่จะมีผลบังคับใช้จริง และอาจส่งผลลบต่อความสามารถในการแข่งขันของไทย

หากไม่สามารถเจรจาลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้ากับสหรัฐฯ ได้สำเร็จ และภาษีนำเข้าสินค้าไทยในตลาดสหรัฐฯ สูงกว่าประเทศคู่แข่งในภูมิภาค โดยเฉพาะเวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย

DELTA (Tactical)
เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)
DELTA ขึ้นรอบใหม่ จะไปถึง 200 หรือไม่?
รอบนี้ DELTA ในนี้เริ่มเล่นจากราคาต่ำสุดที่ 51.25 บาท (เม.ย. 2025) หลังจากเคยทำจุดสูงสุด ที่ 173.50 บาทในเดือน พ.ย. 2024 ช่วงเดียวกับที่กำไรหลักทำสถิติสูงสุดใน 3Q24 ก่อนลดลงใน 4Q24–1Q25 สำหรับ 2Q25 นี้ เราคาดกำไรหลักอยู่ที่ 5.7 พันล้านบาท (-8% YoY, +13% QoQ) แม้มีสัญญาณฟื้น QoQ แต่ยังไม่เพียงพอให้หุ้นกลับไปทำ New high เหนือ 173.50 บาท เหมือนเดิม

เราคาด EPS ปี 2025 อยู่ที่ 1.68 บาท (+10% YoY) และ 1.92 บาทในปี 2026 (+14% YoY) หากให้ Valuation ที่ PER +2SD เท่ากับ 88 เท่า ตามกระแสการลงทุนกลุ่ม AI จะได้กรอบราคาหุ้นที่ 148–169 บาท (อิง EPS ปี 2025–26) แต่หากกำไรดีกว่าคาด เช่น กำไรหลักใน 2Q–3Q25 ทะลุระดับสูงสุดเดิมที่ 6.3 พันล้านบาท จะทำให้แนวโน้มปรับ EPS ขึ้นเป็น 1.75 บาทในปี 2025 และ 2.12 บาท ในปี จึงจะให้ราคาเป้าหมายที่ 187 บาท (PER 88 เท่า) และมีโอกาสแตะโซน 187–200 บาทได้ในเชิงจิตวิทยา

โดยจุดพลิกเกม และ Upside จากนี้ หากจะมี จะมาจากคำสั่งซื้อที่โยกจาก DELTA Taiwan แต่ตรงข้าม Downside อยู่ที่ mix สินค้า, fee, ภาษีนำเข้า นอกจากนี้ โดยปกติ DELTA มักจะมีค่าใช้จ่ายพิเศษในไตรมาส 4

Tactical view: หากกำไรดีกว่าคาด มีโอกาสที่จะเห็นการเก็งกำไรต่อ (อิงเป้าหมายเชิงกลยุทธ์จากกรอบราคาข้างต้น) และแนะนำให้ล็อคกำไรในช่วง 4Q25


SPALI
ศุภาลัย หุ้นเด้งแค่สั้นๆ ยังต้องระวังภาพอุตสาหกรรมในไทย
เราคาดกำไรหลัก 2Q25 ฟื้นตัว QoQ มาอยู่ที่ราว 1.07 พันล้านบาท แต่ยังหดตัว 33% YoY โดยเราคาดรายได้รวมราว 6.4 พันล้านบาท ลดลง 19% YoY แต่เพิ่มขึ้น 82% QoQ ปัจจัยหลักมาจากดีมานด์ในประเทศที่ยังอ่อนแอ (กดดัน YoY) และผลกระทบจากแผ่นดินไหวในต่างจังหวัด ขณะที่ Gross Margin (GM) อยู่ที่เพียง 32.2% ต่ำสุดในรอบ 10 ปี ลดลงทั้ง YoY และ QoQ จากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดกลางถึงล่าง ทำให้ต้องใช้กลยุทธ์ลดราคาหนักและโปรโมชั่นต่อเนื่อง
จุดบวกที่ช่วยประคองผลประกอบการคือส่วนแบ่งกำไรจากโครงการร่วมทุนในออสเตรเลีย ซึ่ง SPALI เข้าไปลงทุนตั้งแต่ปี 2024 โดยเราคาดว่ากำไรจากส่วนนี้ในไตรมาสนี้อยู่ที่ราว 300–400 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทปรับลดเป้าหมายเปิดโครงการใหม่ปี 2025 ลง 22% จาก 4.6 หมื่นล้านบาท เหลือ 3.6 หมื่นล้านบาท และคาดว่าเป้าหมายยอดขาย (presales) จะลดลง 20% เหลือราว 2.5 หมื่นล้านบาท จากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังต่ำและอัตราดูดซับสินค้าที่อ่อนแอกว่าคาด ในขณะเดียวกันบริษัทก็ยังต้องใช้งบทำโปรโมชั่นและทำตลาดต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งจะกดดันอัตรากำไรอย่างต่อเนื่อง

เราปรับลดประมาณการกำไรหลักปี 2025 ลง 23% และปี 2026 ลงอีก 19% เรามองว่าแนวโน้ม 2H25 จะดีกว่า 1H25 อย่างมีนัยยะ แต่เป็นเพียงการฟื้นตัวชั่วคราวจาก one-off gain ในออสเตรเลีย ไม่ใช่การฟื้นตัวเชิงโครงสร้าง

Fundamental view: เรายังคงคำแนะนำ “ขาย” โดยปรับลดราคาเป้าหมายปลายปี 2025 เหลือ 14 บาท อิง PER 6.5 เท่า (-0.5 SD จากค่าเฉลี่ยระยะยาว) เนื่องจากการแข่งขันในประเทศยังรุนแรง โดยเฉพาะในตลาดแมส ซึ่งยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน

MTC
เมืองไทย แคปปิตอล
การฟื้นตัวกำลังจะเผชิญความท้าทายอีกรอบ
เราคาดกำไรสุทธิ 2Q25 จะขึ้นทำ new high ต่อเนื่อง ที่ 1.6 พันล้านบาท แต่การเติบโตกลับชะลอตัวลง โดยคาดจะเติบโต 11% YoY และเพียง 2% QoQ จากสินเชื่อเติบโต 12% YoY และ 4% QoQ ในด้านคุณภาพสินทรัพย์ ณ สิ้น 2Q25 เราคาดว่าน่าจะค่อนข้างทรงตัว QoQ
ทั้งนี้ เราคาดเศรษฐกิจใน 2H25 จะอ่อนตัวลงจาก 1H25 นอกจากนี้ เรายังเห็น NPLs/loans ratio ในกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนของ TISCO และ SCB ปรับเพิ่มขึ้น QoQ ณ สิ้น 2Q25 ซึ่งก็บ่งบอกได้ว่าแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ของ MTC มีความเสี่ยงที่จะฟื้นตัวช้าลงในช่วงที่เหลือของปี
เราคาดกำไรปีนี้จะเติบโต 10% YoY หนุนจากสินเชื่อที่เติบโตต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจที่น่าจะอ่อนแอลงใน 2H25 น่าจะกดดันให้คุณภาพสินทรัพย์ของลูกค้าบางส่วนอ่อนแอลงได้ ซึ่งตลาดทำประมาณการกำไรปีนี้สูงกว่าเราอยู่ราว 4%
Fundamental view: เรายังแนะนำ wait-and-see มองว่ามีโอกาสที่ตลาดจะปรับประมาณการกำไรลงในในช่วงที่เหลือของปี


วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

NER ร่วมทำดี บริจาคโลหิต เฉลิมพระเกียรติ จัดหาโลหิตสำรอง...ช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์

NER ร่วมทำดี บริจาคโลหิต เฉลิมพระเกียรติ จัดหาโลหิตสำรอง...ช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์

HotNews: เปิดหุ้นเสี่ยง! ปมข้อพิพาท ไทย-กัมพูชา

เปิดหุ้นเสี่ยง!ปมข้อพิพาท ไทย-กัมพูชา กลุ่มไหน เสี่ยงมาก เสี่ยงน้อย ในทางกลับกัน ธีมไหนได้ได้อานิสงส์ ไปดู...

รอดูสถานการณ์ By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ยามนี้ ต้องจับตา รอดู สถานการณ์ ชายแดน ไทย-กัมพูชา คณะมนตรีความมั่นคง UN นัดประชุมฉุกเฉิน....

มัลติมีเดีย

DEXON แผนครึ่งปีหลัง เดินหน้าขยายฐานลูกค้า ยุโรป-อเมริกา

DEXON แผนครึ่งปีหลัง เดินหน้าขยายฐานลูกค้า ยุโรป-อเมริกา

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้