---มีแนวโน้มฟื้นตัวแข็งแกร่งใน 3Q25F---
Preview ผลประกอบการ 2Q25F...คาดขาดทุนสุทธิจากขาดทุนสต็อกและเฮดจิ้งก้อนใหญ่ เราคาดการณ์ว่า BCP จะรายงานขาดทุนสุทธิใน 2Q25F ที่ -2.34 พันล้านบาท (เทียบกับกำไรสุทธิ1.82 พันล้านบาทใน 2Q24 และ 2.11 พันล้านบาทใน 1Q25) เนื่องจาก 1) ขาดทุนสต็อกราว 3.9 พันล้านบาท, 2) ขาดทุน Hedging ค่าการกลั่น 1.1 พันล้านบาท, 3) อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงกลั่นศรีราชาลดลง, และ 4) ผลประกอบการของ OKEA อ่อนแอลงจากปริมาณขายและราคาน้ำมันที่ลดลง
ประมาณการค่าการกลั่นตลาด (Market GRM) ไตรมาสนี้ไว้ที่ 4.80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล (+83% y/y, +21% q/q),และค่าการตลาดน้ำมัน (Gross marketing margin) ที่ 0.89 บาท/ลิตร (-7% y/y, +7% q/q) โดยรวมแล้ว คาดว่า EBITDA จะอยู่ที่2.74 พันล้านบาท (-70% y/y, -74% q/q)
แนวโน้ม 2H25F – ค่าการกลั่นน้ำมันดีเซลและน้ำมันเครื่องบินยังคงแข็งแกร่งใน 3Q25-QTD จากอุปทานโรงกลั่นตึงตัว และอุปสงค์เพิ่มขึ้น (3Q เป็นฤดูการขับขี่ในสหรัฐ และ 4Q เป็นฤดูหนาว) อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าค่าการกลั่นน้ำมันเบนซินจะอ่อนตัวลง เนื่องจากโรงกลั่นในไนจีเรียที่มีกำลังการผลิตราว 600kbd กลับมาเดินเครื่องอีกครั้ง
ทั้งนี้ ค่าการกลั่น 3Q25-qtd ของน้ำมัน JET/ดีเซล/เบนซิน อยู่ที่16.2/20.1/9.8 ต่อบาร์เรล (+14%/+27%/-15%)
ผลประกอบการ 3Q25F มีแนวโน้มฟื้นตวัแข็งแกร่ง หนุนโดย 1) อัตราการใช้กำลังการผลิตโรงกลั่นเพิ่มขึ้น หลังโรงกลั่นศรีราชาปรับปรุงแล้วเสร็จ, 2) ต้นทุนการดำเนินงานต่อหน่วยลดสู่ระดับปกติ, 3) เพิ่มสัดส่วนกลั่นน้ำมันที่ให้มาร์จิ้นสูง เช่น น้ำมันเครื่องบิน & ดีเซล, 4) ผลกระทบจากสต็อกน้อยลง และ 5) ผลประกอบการธุรกิจพลังงานต้นน้ำดีขึ้น ตามแนวโน้มราคาน้ำมัน
คำแนะนำการลงทุน - ยังคงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 43 บาท อิงกับ P/BV ปีนี้ที่ 0.7 เท่า (Mean) โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือ เป็นหนึ่งในโรงกลั่นในประเทศที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งที่สุด และมี“margin of safety” ที่สูง , ไม่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีซึ่งยังคงมีแนวโน้มอ่อนตัว และมีความเสี่ยงจากนโยบายควบคุมราคาพลังงานในประเทศน้อยกว่าคู่แข่งรายอื่นในภาคธุรกิจเดียวกัน
นักวิเคราะห์ : ดุลเดช บิค : duladethbik@dbs.com : Tel. 02 857 7833