สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 25 กรกฎาคม 2568 )----- InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ขอนำส่งบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 คาดตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์/พักฐาน ในช่วงก่อนวันหยุดยาวเพื่อติดตามระดับภาษีศุลกากรที่ไทยได้รับและประเด็นความขัดแย้งกับกัมพูชา ประเมินแนวรับไม่ควรหลุดต่ำกว่าที่ 1200/1190 หากยังเป็นการแกว่งตัวขึ้น ส่วนแนวต้านประเมินไว้ที่ 1228-1230/1240 มองเงินทุนยังไหลเข้าเอเชีย โดยวานนี้ต่างชาติซื้อสุทธิใน SET อีก 1.6 พันลบ. ส่วนนึงมาจากคาดหวังว่าภาษีศุลกากรสหรัฐฯ จะมีข้อสรุปก่อนเส้นตาย 1 ส.ค. นี้
ประเด็นสำคัญ
• กัมพูชาเปิดฉากโจมตีในช่วงเช้าวานนี้และลุกลามใน 6 พื้นที่บริเวณชายแดน สร้าง Sentiment เชิงลบต่อหุ้นที่ประกอบธุรกิจ, ลงทุน หรือมีรายได้จากกัมพูชา เช่น กลุ่มอาหาร, ค้าปลีก, การแพทย์ และวัสดุก่อสร้าง ด้านสหรัฐฯ, UK, ฟิลิปปินส์ และอิราเอลแจ้งเตือนพลเมืองเลี่ยงเดินทางหรือท่องเที่ยวใกล้บริเวณชายแดน
• รมว. คลังเผยว่าไทยได้ยื่นข้อเสนอสุดท้ายประกอบการเจรจาการค้าและภาษีแก่สหรัฐฯ ไปแล้วในวานนี้ (24 ก.ค.) ซึ่งเป็นการเน้นตอบโจทย์ของสหรัฐฯ คาดหวังไทยได้รับระดับอัตราภาษีนำเข้าเทียบเท่าประเทศอาเซียนอื่นๆ ที่ราว 19-20%
• การส่งออกของไทยใน มิ.ย. 2568 ขยายตัว 15.5%YoY โดยยังเป็นการขยายตัวเลขสองหลังต่อเนื่อง แม้ชะลอตัวจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 18.2%YoY หนุนจากสินค้าประเภทคอมพิวเตอร์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, ผลิตภัณฑ์ยาง, ชิ้นส่วนอิเล็กฯ, อัญมนี เป็นต้น ทำให้ส่งออก 1H68 ขยายตัว 15.0%YoY ส่วนนำเข้าขยายตัว 13.1%YoY
• ส.อ.ท. เผยยอดส่งออกรถยนต์ใน มิ.ย. 68 ที่ 88,085 คัน ลดลง 1.1%YoY ตามภาวะ ศก. ประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว ส่วนยอดการผลิตที่ 130,223 คัน เพิ่ม 12.0%YoY หนุนจากการผลิต EV ที่เพิ่มขึ้นสามเท่าและรถกระบะเพิ่มขึ้น 8.4%YoY และลดเป้าการผลิตรถยนต์ปีนี้เหลือ 1.45 ล้านคันจาก 1.5 ล้านคันและลดเป้าส่งออกเหลือ 9.5 แสนคัน
• ECB มีมติคงดอกเบี้ยเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากคงที่ที่ 2.00% และส่งสัญญาณเชิงบวกขึ้นเล็กน้อย โดยระบุว่า ศก. ยุโรปโดยรวมยังคงแสดงความแข็งแกร่งแม้เผชิญความท้าทายระดับโลก
•
• ECB มีมติคงดอกเบี้ยเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากคงที่ที่ 2.00% และส่งสัญญาณเชิงบวกขึ้นเล็กน้อย โดยระบุว่า ศก. ยุโรปโดยรวมยังคงแสดงความแข็งแกร่งแม้เผชิญความท้าทายระดับโลก
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวน แม้มองบรรยากาศการลงทุนยังมีโมเมนตัมบวกจาก Fund Flow ที่ไหลเข้าใน EM และ ครม. แต่งตั้งผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่ซึ่งคาดจะมีนโยบายการเงินผ่อนคลายขึ้น แต่ติดตามการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ หลังไทยเสนอลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ 0% หลายหมื่นรายการ ประเมิน SET ที่ระดับ 1230-1250 สะท้อนความคาดหวังไทยจะบรรลุข้อตกลงและทำให้อัตราภาษีใหม่ต่อไทยลดลงจาก 36% เป็น 20% หรือต่ำกว่า ทำให้ SET มีโอกาสชะลอปรับขึ้นหรือเริ่มมี Upside จำกัด ขณะที่กรณีไทยโดนภาษีศุลกากรที่สูงกว่า 20% จะเป็นความเสี่ยงต่อตลาด อย่างไรก็ดี เราประเมิน SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”
แนวรับ-ต้าน
1200/1190– 1228/1240
ล็อคเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET แกว่งตัวผันผวน แม้มีโมเมนตัมบวกจาก Fund Flow ไหลเข้า EM และการอนุมัติผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่ แต่ยังต้องติดตามการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม หลักและ 2 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้หุ้น
1. หุ้น Earnings Play โมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ 3Q68 คาดกำไรยังเติบโต YoY แนะนำ ADVANC BCH CBG CPALL SCCC
2. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET50 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ ADVANC BBL PTT
3. Trading Idea: สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดฟื้นตัวเร็วหากเชื่อว่าการเจรจาจะทำให้สหรัฐฯ พิจารณาปรับลดภาษีไทยลงมาอยู่ที่ระดับ 20% หรือต่ำกว่าและราคาหุ้นยังฟื้นตัวช้า แนะนำ AMATA GPSC WHA และ 2) หุ้น Undervalue (PER และ PBV < -1SD) และเราแนะนำ Outperform อีกทั้งคาดให้ Div. Yield ไม่ต่ำกว่าปีละ 3% แนะนำ BBL BCPG BDMS CPALL DIF PTT SIRI
Daily top picks
KTB: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากเงินทุนไหลเข้า มีความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์ต่ำที่สุดในธนาคารใหญ่และมีการกันสำรองสูงเป็นอันดับสอง กำไร 2Q68 ที่ผ่านมาดีกว่าคาดจาก FVTPL ส่วน NPL ทรงตัว QoQ และสินเชื่อเติบโตได้ 0.4%QoQ และ 4.4%YoY Valuation ยังถูก และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลน่าสนใจ คาดว่าจะจ่ายปันผลปี 2568 ที่ 1.55 บาทต่อหุ้น (อัตราจ่าย 52%) หรือคิดเป็น 7.2%
CPALL: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการคาดว่าผลกระทบจากประเด็นกัมพูชาจำกัด การปิดสาขาชั่วคราวบริเวณชายแดนคิดเป็นน้อยกว่า 0.1% ของสาขารวม คาดกำไร 2Q68 จะเติบโต 8%YoY และปี 2568 จะโตดีที่สุดในกลุ่มที่ 15%YoY มอง 2Q68 จะเป็นไตรมาสต่ำสุดของปี ก่อนเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี ส่วนโครงการซื้อหุ้นคืนช่วยจำกัด Downside