Market Wrap-Up
- SET วันที่ 24 ก.ค.68 ปิด -7.13 จุด อยู่ที่ 1,212.49 จุด มูลค่าการซื้อขาย 46,887 ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,605 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 555 ลบ. สถาบันขาย 286 ลบ. และรายย่อยขาย 764 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 245 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น SCB,TOP,KBANK,PTT,BBL และยอดขายหุ้น CPALL,AOT,PTTEP,ADVANC,WHA มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,952 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ JAPAN10001,HK01,LVMH01 โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 4,947 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 120,085 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 3,575 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.70%, S&P500 +0.07%, Nasdaq +0.18% หลัง IBM -8% ตอบรับผลประกอบการ Q2/68 ชะลอตัวตามยอดขายธุรกิจ Software ขณะที่ Alphabet +1% ตอบรับกำไร Q2/68 ดีกว่าคาด เป็นปัจจัยช่วยหนุนดัชนี S&P500 , Nasdaq ทำจุดสูงสุดใหม่ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.24% หลัง ECB คงดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่ 2% ตามคาดการณ์ โดยนักลงทุนยังรอผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – อียู
- Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ S&P500, Nasdaq ปิดทำจุดสูงสุดใหม่ ได้ปัจจันหนจากรายงานกำไร Q2/68 ของ Alphabet มี EPS อยู่ที่ $2.31 ดีกว่าคาดที่ $2.18 กอปรบริษัทจะเพิ่มงบลงทุนด้าน Ai & Cloud ปีนี้ที่ 8.5 หมื่น ล.ดอลลาร์ ขณะที่ DJIA ปรับลดลง หลัง IBM -8% ตอบรับกำไรจากธุรกิจซอฟท์แวร์ที่ชะลอตัว ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐวานนี้ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 4,000 ราย อยู่ที่ 217,000 ราย ต่ำสุดนับตั้งแต่ เม.ย.ที่ผ่านมา , US PMI ภาคผลิต & บริการ ก.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 54.6 & มิ.ย. 52.9 สูงสุดในรอบ 7 เดือน โดยสัปดาห์หน้าติดตามผลการประชุมเฟดวันที่ 29 – 30 ก.ค. และผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – อียู
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึ้น หลัง ECB มีมติคงดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่ 2% หลังปรับลดดอกเบี้ยลงมา 8 ครั้ง โดย ปธ.ECB จะขอพิจารณาแนวโน้มการค้า & เศรษฐกิจ ก่อนจะตัดสินใจนโยบายดอกเบี้ยในระยะถัดไป ส่งผลให้อัตราพันธบัตรเยอรมันอายุ 2 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 1.909% ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจ PMI รวมภาคผลิต & บริการยูโรโซน ก.ค. อยู่ที่ 51.0 & มิ.ย. 50.6 สูงสุดในรอบ 11 เดือน ได้แรงหนุนจากภาคบริการ ขณะที่นักลงทุนยังรอผลการเจรจาข้อตกลงการค้าสหรัฐ – อียู ที่คาดจะปรับลดภาษีนำเข้าสินค้ายุโรปจากเดิม 30% ลงอยู่ที่ 15%
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ NIX +1.59% หลังสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่น โดยสหรัฐจะเก็บภาษีตอบโต้ญี่ปุ่นในอัตรา 15% & เดิมจะเก็บที่ 25% ขณะที่ Kopsi เกาหลีใต้วานนี้ +0.21% ยังรอผลการเจรจาการค้ากับสหรัฐ ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้วานนี้ +0.65% รอการเจรจาระหว่าง รมว.คลังจีนกับสหรัฐที่สวีเดนในสัปดาห์หน้า เพื่อเจรจาข้อตกลงการค้าที่ใกล้จะถึงเส้นตายในวันที่ 12 ส.ค.
- SET วานนี้ -0.58% ปริมาณการซื้อขาย 68 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,605 ลบ. สถาบันขาย 286 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 555 ลบ. และรายย่อยขาย 764 ลบ. หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทย – กัมพูชาบริเวณพรมแดน ซึ่งคาดสถานการณ์อาจจะยืดเยื้อต่อไปอีกสักระยะก่อนจะมีการเจรจา จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลลบต่อหุ้นที่มีธุรกิจในกัมพูชา เช่น SAV, CBG, OSP, CPALL, BJC, OR, BDMS ซึ่ง ม.หอการค้าไทยคาดกระทบรายได้การค้าขายบริเวณพรมแดนปีนี้ราว 5.5 หมื่น ลบ. ขณะที่วานนี้ ก.พาณิชย์รายงานยอดส่งออกไทย มิ.ย.ขยายตัว +15.5% ตำกว่าคาดที่ +18% YoY แลคาดยอดส่งออกไทยในงวด 2H/68 จะชะลอตัวเป็นผลจาก ม.ภาษีของสหรัฐ รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่า โดยทาง ก.พาณิชย์ตั้งเป้ายอดส่งออกไทยปีนี้คาดจะขยายตัวได้ราว 2 – 3% ซึ่งขึ้นอยู่กับผลการเจรจาข้อตกลงการค้ากับสหรัฐว่าจะสามารถลดอัตราภาษีจาก 36% ลงมาใกล้กับประเทศคู่แข่งในอาเซียนได้หรือไม่ ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามในวันนี้ คือ การรายงานงบ Q2/68 ของ PTTEP ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรปกติที่ 1.27 หมื่น ลบ. -23%QoQ, -47% YoY และ DELTA ซึ่ง BB.Consensus คาดกำไร Q2/68 อยู่ที่ 5.31 พัน ลบ. -19% YoY, -3% QoQ
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,200 แนวต้าน 1,220 – 1,225 โดยคาดดัชนีทรงตัว รอผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – ไทยในสัปดาห์หน้า รวมถึงสถานการณ์ไทย – กัมพูชา และการเริ่มรายงานงบของกลุ่ม Real Sector ต่าง ๆ ซึ่ง Consensus คาดกำไร Q2/68 บจ. 110 แห่ง -2% QoQ, ทรงตัว YoY แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว เช่น SAWAD,TIDLOR,GULF,EGCO ได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง/ เก็งกำไร DOHOME,GLOBAL จากราคาเหล็กในประเทศจีนที่เริ่มปรับสูงขึ้น
- TOP (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 00 บาท) ประเมินกำไรสุทธิ 2Q68 ที่ 5.2 พันล้านบาท +50%QoQ, -6%YoY ดีกว่ากลุ่มพลังงานต้นน้ำ โรงกลั่น-ปิโตรเคมีตัวอื่นๆ (กำไรลดลง-ขาดทุน) เนื่องจากมีบันทึกกำไรพิเศษก้อนใหญ่ที่เป็น negative goodwill ราว 5.5-6 พันล้านบาท และกำไรจากธุรกรรม Bond buy back 1.5 พันล้านบาท ขณะที่กำไรปกติโตจากค่าการกลั่นที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วน Outlook ใน 3Q68 ผลการดำเนินหลักอาจจะอ่อนลงบ้านเนื่องจากการปิดซ่อมโรงกลั่น โรงอะโรมาติกส์ แต่แนวโน้มค่าการกลั่นน่าจะยืนได้ดีเนื่องจาก spread ของน้ำมันอากาศยานและดีเซลที่อยู่ในระดับสูง (อาจจะสวนทางกับค่าการกลั่น Singapore ที่ต่ำลงเพราะมีสัดส่วนของ Mogas และน้ำมันเตาสูง) โดยเราประเมินกำไรในปี 68 ที่ระดับ 1.1 หมื่นล้านบาท +13% แต่หากรวมกำไรพิเศษเข้าไปแล้วจะอยู่ที่ราว 1.5 หมื่นล้านบาท โตสูง +50%YoY โดย valuation ปัจจุบันยังไม่แพงเทรดที่ PBV=0.44x เทียบกับค่าเฉลี่ยของ peer 0.7-0.8x หาก related ขึ้นไปแถว -1.5SD (PBV=0.55x FV จะอยู่ที่ 41 บาท)
- ADVANC* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 315.0 บาท) คาดการดำเนินงานใน 2Q68 ยังดีได้ต่อจากมาร์จิ้นตามการแข่งขันและ Finance Cost ที่ลดลง ทั้งนี หุ้นกลุ่มสื่อสารยังมีปัจจัยบวกจากเทรนด์ธุรกิจในอนาคต, Data Consumption ที่สูงขึ้น รวมถึงการ Migrate เทคโนโลยี เช่น Package 5G ที่จะส่งผลบวกต่อไปยัง ARPU โดย ส่วนของ ADVANC เอง ฐานผู้ใช้บริการ 5G ณ สิ้น 1Q68 คิดเป็น 28% ของฐานผู้ใช้บริการทั้งหมด ยังมีช่องในการเติบโตของรายได้ นอกจากนี้ การแข่งขันที่ลดลงของผู้ให้บริการในไทยก็จะช่วยในเรื่องค่าใช้จ่ายการประมูลคลื่น โดย การประมูลคลื่นความถี่ย่านกลางในช่วงปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ADVANC ได้ต้นทุนที่ถูกลงกว่าเดิม
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ก.ย.+$0.78 อยู่ที่ $66.03 / บาร์เรล, Brent ก.ย. +$0.67 อยู่ที่ $69.18/บาร์เรล หลังรัสเซียวางแผนลดการส่งออกน้ำมันเบนซินให้กับทุกประเทศ ยกเว้นพันธมิตรบางประเทศ ขณะที่นักลงทุนคาดสหรัฐ – อียูจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้ในเร็ว ๆ นี้
Gold Update(-) Comex Gold ส.ค.-$24.10 อยู่ที่ $3,373.50 /ออนซ์ นักลงทุนขายสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสหรัฐใกล้บรรลุข้อตกลงการค้ากับอียู และรอผลการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +62.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +49.71 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +10.86 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +1.69 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าอยู่ที่ 32.26 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.389 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +138 จุด อยู่ที่ 2,258
(-) BitCoin เช้านี้ -1.44% อยู่ที่ 117,384 ดอลลาร์สหรัฐ
(+)Tokyo Core CPI ก.ค. อยู่ที่ 2.9% & มิ.ย. 3.1% YoY
Economic Calendar
ในประเทศ
31 ก.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย
สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน
ยานยนต์
สัปดาห์ที5 สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี
ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม
ต่างประเทศ
22 ก.ค. US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ
23 ก.ค. US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (มิ.ย.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
24 ก.ค. EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ( ก.ค.)
EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( ก.ค.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( ก.ค.) 17
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ยอดขายบ้านใหม่ (มิ.ย.)
Theme Strategy
Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, คาดทิศทางดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง, Earning Play 2Q68, High Season ไตรมาส3, และ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Trade War สหรัฐ-จีน ลดความรุนแรงลง
(1) กลุ่มการเงิน คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายลดลงในช่วง 2H68 NCAP*, SINGER* ,SGC* , MTC*, SAWAD*, TIDLOR*
(2) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์ตามฤดูกาลจากฤดูร้อน GULF*, GPSC*, BCPG
(3) กลุ่ม China Play คาดความตึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และรัฐบาลจีนมีโอกาสออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น SCC* ,SCGP* , PTTGC, IVL*
(4) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*, SIS*
(5) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC , NSL*
(6) กลุ่มส่งออกที่ผันผวนตามประเด็นภาษีศุลกากรสหรัฐฯ เน้น เก็งกำไร เมื่อมีพัฒนการเชิงบวกของการเจรจาไทย-สหรัฐฯ เช่น DELTA*, CCET*, KCE*, TU, ITC*, ASIAN*, AAI*, COCOCO*
(7) กลุ่มร.พ.ที่ไตรมาส 2 เป็น Low Season แต่เข้าสู่ High Season ในไตรมาส3 เช่น BDMS, SKR, WPH*, PR9*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio May 2025: MONO*, PR9*, IVL*,PTTGC*,GULF*, TIDLOR*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Meena Tunlayanitigun
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 033662
Tel 02-829-6999 Ext 2201
Email : meena.tu@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th