ภาพตลาดและแนวโน้ม

 

ทุกวัฏจักรของเทคโนโลยีต่างมีเครื่องเร่งของตนเอง Quantum กำลังทำหน้าที่นั้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า: AI ที่เราใช้กันตอนนี้พัฒนามาจากการประมวลผลด้วย GPU ซึ่งช่วยให้เครื่องเรียนรู้ได้อย่างก้าวกระโดด แต่ก็แลกมาด้วยการใช้พลังงานมหาศาลและต้นทุนการฝึกโมเดลที่เพิ่มขึ้นทวีคูณ ซึ่งกลายเป็นขีดจำกัดใหม่ของระบบเดิม การเข้าสู่ยุค Quantum จึงไม่ใช่การมาแทนที่เทคโนโลยีเดิม แต่เป็นการ Re-architect สมอง ของ AI ใหม่ เพื่อให้มันยังคิดเร็วเหมือนเดิม และสามารถคิดลึกขึ้นโดยไม่ติดขีดจำกัดด้านพลังงานหรือเวลาอีกต่อไป

Quantum Computing กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากห้องวิจัยสู่การใช้งานจริง: โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องการการคำนวณระดับสูง เช่น การจำลองโมเลกุล ขณะเดียวกันบริการ Quantum-as-a-Service จากบริษัทยักษ์ใหญ่กำลังเปิดทางให้ผู้ใช้งานทั่วไปเข้าถึงควอนตัมคอมพิวเตอร์ผ่านคลาวด์ คล้ายกับบทบาทของ GPU Cloud ในยุคเริ่มต้นของ AI ซึ่งจะมีส่วนเร่งการเติบโตของนวัตกรรมอย่างก้าวกระโดด

แม้ Quantum จะยังไม่สร้างกระแสเงินสดในเชิงธุรกิจ แต่...: เทคโนโลยีกำลังก้าวหน้าเรื่อยๆ และเงินลงทุนจากรัฐกับเอกชนกำลังเร่งให้ Quantum ขยับจาก ความเป็นไปได้ทางฟิสิกส์ ไปสู่ โอกาสจริงเชิงเศรษฐกิจ ในแง่ของการลงทุน นักลงทุนที่รอให้เห็นความชัดเจนของเทคโนโลยีก่อนอาจต้องจ่ายแพงขึ้นเนื่องจากราคามักขึ้นแรงใช้ช่วงที่ Adoption Curve เร่งตัวขึ้น แต่หากนักลงทุนรับความเสี่ยงได้ การมอง Quantum เป็นเหมือน Long-dated Option หรือซื้อเพื่อหวังอัพไซด์ลูกใหญ่หากเทคโนโลยีปะทุขึ้น ก็เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก

กองทุน US ETF: แนะนำ Defiance Quantum ETF (QTUM)

กองทุนรวมในประเทศ: LH QUANTUM TECHNOLOGY FUND (LHQTUM-A)

DR ที่ซื้อขายในตลาดหุ้นไทย: MSFT01 และ NVDA01

กลยุทธ์การเข้าซื้อ: แนะนำให้เข้าซื้อในช่วงที่ราคาปรับฐานเนื่องจากระยะสั้นราคาอยู่ในภาวะ Overbought

สรุปภาพตลาดวานนี้
หุ้นไทยเด้งกลับแรง จากต่างชาติฯ เข้าซื้อ หนุนกลุ่มหุ้นใหญ่ DELTA GULF AOT ADVANC CPALL TRUE CPN BBL KTB ขึ้นมายกแผง ส่วนหุ้นที่เห็นเคลื่อนไหวร้อนแรง เช่น ECF DV8 (สองเจ้าประจำ) BTS VGI DITTO SKY เป็นต้น

แนวโน้มตลาดวันนี้
SET ถอยรถมา รับ
ทั้งนี้เราคงคาดป้ายถัดไปของตลาดหุ้นไทย คือ ขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,240/1,250 จุด ถ้าผลดีลการค้าไทยสหรัฐฯสำเร็จ ในอัตราภาษีตามที่ BLS Research ประเมินคือ 20-25%

แต่ถ้าผลออกมาเป็นตรงกันข้ามกับที่ เราและ นลท.คาดหวัง เมื่อไม่สามารถลดภาษีลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาค แรงขายทำกำไรในระยะสัปดาห์อาจรุนแรงกว่าที่คาด
เราจึงแนะนำ เริ่มทำการปรับพอร์ตกลยุทธ์ ลด Beta พอร์ตลง และแนะนำ ทำกำไรหุ้น แบงก์ ไฟแนนซ์ และ เลือกถือหุ้นดังที่ระบุไว้ในรายงานกลยุทธ์ประจำสัปดาห์-และหุ้นที่จะดันดัชนี ต้องเป็น หุ้น Big Cap ที่มีอิทธิพลต่อดัชนีฯ ไม่เกิน 10 ตัว เท่านั้น เช่น GULF DELTA AOT SCC PTT โดยกลยุทธ์ยังไม่รีบเก็บหุ้นแถวสอง (หุ้น Market cap รอง และ เล็ก)

ทั้งนี้เรายังต้องรอผลลัพธ์ดีลการค้า ซึ่งเมื่อวานทีมไทยแลนด์ได้ส่งข้อเสนอสุดท้าย ไปถึงสหรัฐฯ และตั้งเป้าหมายลดภาษีให้ได้ต่ำกว่า 20% และต้องรอข่าวภายในช่วงสุดสัปดาห์นี้-คาดใกล้วันหยุดยาว อาจทำให้ นลท.ชะลอการซื้อเก็งกำไรแล้วรอดูผลลัพธ์
กลยุทธ์แนะนำถือหุ้นตามพอร์ตที่เราแนะนำไว้ก่อน โดยเฉพาะหุ้นปันผล และหาจังหวะเพิ่มการซื้อเก็งกำไร หุ้นที่เห็นแนวโน้มของการปรับประมาณการณ์กำไร และ การปรับเพิ่มคำแนะนำ หุ้นรายตัวจากนี้ไป

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ ถือหุ้นปันผล เริ่มสะสมหุ้นต้นรอบ ดักงบการเงินไตรมาส 2 และปันผลระหว่างกาล

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET Index พุ่งทะยานต่อเนื่อง! ได้รับแรงขับเคลื่อนจาก Foreign Fund flow ซื้อดุดัน! หนุนดัชนีท้าทายเส้น EMA 200 และ wave 5 ย่อย ( อยู่ใน Wave 3 หลัก) ถัดไปจะเป็น corrective wave (a-b-c) จับตา RSI overbought และความเสี่ยง divergence เล็กๆ หรือกรณีดัชนีย่อหลุด low 1,190 จุด จะป็นสัญญาณเตือน signal alert! จุดแรก อย่างไรก็ตามภาพตลาดระยะกลาง-ยาว กำลังถึงจุดเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง หากทะลุเส้น EMA 200 วัน และ previous high ที่ 1,231 จุด....วัดใจ Flow ต่างชาติจะอัดให้ผ่านเลยหรือไม่ ปลายสัปดาห์นี้น่าจะพอคาดเดาทางได้
แผนเทรด: หุ้นที่สร้างผลตอบแทนกำไรมากกว่า 10% แนะถือ รอล๊อคกำไร + ใช้ trailing stop ช่วยป้องกันพอร์ต ส่วนหุ้นที่ฟื้นตัวช้า แต่กำลังขึ้นตามตลาดให้ทัน ยังมีโอกาสขึ้นได้ดี ยังชอบ CPALL และ BDMS ครับ

What to watch
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาจะพบกับรัฐมนตรีคลังของจีนที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือเกี่ยวกับการขยายกำหนดเส้นตายการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีน จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 12 ส.ค. เพื่อเปิดทางให้สหรัฐฯ และจีนทำการเจรจาข้อตกลงการค้าต่อไป
ขณะเดียวกัน ตลาดยังขานรับดีลการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่นแล้ว โดยจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นในอัตรา 15% ลดลงจากก่อนหน้านี้ที่ขู่ว่าจะเรียกเก็บในอัตรา 25%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงขานรับข่าวรัฐบาลจีนประกาศโครงการก่อสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกในทิเบต โดยคาดว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 3 แสนล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี และมีการประเมินมูลค่าของโครงการไว้ที่ 1.70 แสนล้านดอลลาร์

มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) คงมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
มอร์แกน สแตนลีย์ มีความมั่นใจมากขึ้นว่าดัชนี S&P500 จะดีดตัวขึ้นแตะระดับ 7,200 จุดภายในกลางปี ซึ่งดีกว่ารายงานในเดือน พ.ค.ที่คาดว่าดัชนี S&P500 จะแตะที่ระดับ 6,500 จุดในไตรมาส 2 ของปี 2569
สมาชิก EU จำนวนมากขึ้น รวมถึงเยอรมนี กำลังพิจารณาใช้มาตรการ "ตอบโต้การบีบบังคับ" (anti-coercion) กับสหรัฐฯ ซึ่งจะอนุญาตให้กลุ่มสามารถพุ่งเป้าไปที่ภาคบริการของสหรัฐฯ หรือจำกัดการเข้าถึงการประมูลของภาครัฐได้
มาตรการคว่ำบาตร รัสเซีย จากอียู และสหรัฐฯ เพิ่มเติมหลังสงครามรัสเซียยูเครนยังดำเนินต่อไป

หุ้นแนะนำวันนี้
GULF คาดการณ์กำไรหลัก 2Q68 ที่ 6.8 พันลบ.+4% q-q หนุนจากกำไรที่แข็งแกร่งของ ADVANC แนวรับ 44 ต้าน 46/48 Stop loss 43.25

 

 

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

GULF
กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์
เร่งเกียร์เพื่อเพิ่มการเติบโตรอบใหม่
แม้อุปสงค์ไฟฟ้าในไทยเริ่มชะลอเมื่อเทียบกับการเพิ่มกำลังการผลิต แต่ GULF ยังคงเดินหน้าขยายพอร์ตผ่านการซื้อกิจการ โดยมีฐานะการเงินแข็งแรง รองรับภาระหนี้ใหม่ได้อีกเกือบ 1 ล้านล้านบาท (คาด Net D/E ณ 2Q25 อยู่เพียง 0.5x) ทำให้สามารถลงทุนในสินทรัพย์โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้ทันที และด้วยต้นทุนการกู้ต่ำ (3–4%) แม้กรณีได้โครงการที่มี IRR เพียง 8–15% ก็ยังสร้างมูลค่าได้อย่างมีนัย

โดยล่าสุดได้ดีลที่เป็นอีกจุดเปลี่ยนระยะยาว หลัง GULF เพิ่งซื้อหุ้นที่เหลืออีก 60% ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Pak Laay ขนาด 770MW ที่ลาว (PPA กับ กฟผ. 29 ปี เริ่มเดินเครื่องปี 2032) ด้วยเงินลงทุนราว 128 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ถือหุ้น 100% และเปลี่ยนการบันทึกบัญชีจาก Equity method เป็น Consolidation ซึ่งอาจทำให้หนี้เพิ่มขึ้นราว 6–7 หมื่นล้านบาทในงบ แต่ Net D/E ปี 2032 จะเพิ่มเพียงเล็กน้อยเป็น 0.5-0.7x ซึ่งยังต่ำมาก เราจึงปรับประมาณการกำไรระยะยาวขึ้น 4–5% และปรับเป้าหมายราคาหุ้นขึ้นจาก 72.50 บาท เป็น 76 บาท

เราเริ่มเห็นว่า GULF มองออกว่า โควตา PPA ใหม่ในประเทศเริ่มหายาก จึงใช้ M&A เป็นเครื่องมือหลักในการขยายพอร์ต โดยมีศักยภาพในการซื้อหุ้นส่วนที่เหลือในโครงการที่ถือแบบ non-controlling interest ได้ถึง 2 ใน 3 ของพอร์ตทั้งหมด ซึ่งจะปลดล็อก Upside ด้านกำไรและมูลค่าอย่างมีนัย
นอกจากนี้ เรายังคาดว่า กกพ. และ กฟผ. จะกลับมาเปิดเซ็น PPA สำหรับโครงการ Renewable ที่รออยู่กว่า 2GW ซึ่งแม้ GULF จะไม่ได้เข้าประมูลในรอบนี้ แต่ด้วยการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา ทำให้คาดว่ายังมีโอกาสเข้าซื้อหุ้นในโครงการที่ชนะประมูลได้ในภายหลัง

Fundamental view: เรายังเชื่อมั่นใน GULF ในฐานะหุ้นเติบโตระยะยาว โดยมี PER ปี 2026 เพียง 23 เท่า ซึ่งถือว่าถูกเมื่อเทียบกับศักยภาพการเติบโตของกำไรหลักที่ระดับ double-digit CAGR ตลอด 10 ปีข้างหน้า และยังมี Upside จาก M&A อีกมาก เราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ

SIS
เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย)
มาร์จิ้นดี แต่ภาพการเติบโตยังไม่ชัด
เราคาดการณ์กำไรหลัก 2Q25 อยู่ที่ 207 ลบ. (+38% YoY, +11% QoQ) จาก GM ที่สูงขึ้น หนุนโดยยอดขาย cloud และ cybersecurity ที่เพิ่ม แต่ด้วยจะมี FX loss 40 ลบ. กดดันกำไรสุทธิแค่ทรงตัว YoY แต่ลดลง 17% QoQ
แนวโน้มกำไร 2H25 คาดลดลง YoY จากฐานสูงในปีก่อน และต้นทุนบุคลากรจากธุรกิจ cloud ที่เพิ่มขึ้นจะกดดัน SG&A
ประเด็นสงครามการค้า มีความกังวลด้านดีมานด์มากกว่าต้นทุน เพราะส่วนใหญ่นำเข้าจากจีน ส่วนประกอบบางชนิดที่โรงงานจีนนำเข้าจากสหรัฐสามารถใช้ฐานการผลิตแหล่งอื่นแทนได้ จึงมองกระทบสงครามการค้าหลักคือภาพเศรษฐกิจที่อาจทำให้การใช้จ่ายและการลงทุนของลูกค้าลดลง เราคาดยอดขายที่ลงทุก 1% กระทบกำไรมี downside 2.5%
Fundamental view: Valuation ปัจจุบัน สะท้อนภาพการเติบโตต่ำ ยังรอปัจจัยหนุน หุ้นซื้อขายที่ PER ปี 2025 ที่ 10.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต (12.1x) เรายังแนะนำ “ถือ” จนกว่าจะเห็นสัญญาณการโตของกำไรที่ชัดเจนขึ้น โดยปัจจุบัน dividend yield อยู่ที่ 4–5%

 

สรุปประเด็นจาก Quick take

GULF
กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์
เข้าถือหุ้น “ปากลาย” 100%
GULF เข้าซื้อหุ้น 60% ที่เหลือในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ “ปากลาย” จาก Sinohydro ส่งผลให้ถือหุ้นเต็ม 100%โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 770 MW แบบ Run-of-River ใน สปป.ลาว มี PPA กับ กฟผ. 29 ปี คาดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ปี 2032
View from fundamental: แม้การรวมงบอาจเพิ่มหนี้ แต่ด้วย net D/E ของ GULF ที่ต่ำ (คาดที่ 0.5x ณ สิ้น 2Q25) จึงยังมีศักยภาพรองรับได้สบาย เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ต่อ GULF

 

 

BBL
ธนาคารกรุงเทพ
มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
ธนาคารประเมินความต้องการใช้สินเชื่อในไทยค่อนข้างทรงตัว อย่างไรก็ตาม ธนาคารประเมินสงครามการค้าจะทำให้ FDI เข้ามาในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น ส่งผลบวกต่อ BBL ในระยะกลางถึงยาว
View from fundamental: เราประเมินว่า BBL มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี โดยมีสินเชื่อในต่างประเทศราว 23% ของสินเชื่อ มากกว่าแบงก์อื่นในไทย อีกทั้ง ยังมี loan-loss coverage ratio สูงสุดในกลุ่มธนาคาร ซึ่งเรามองว่าจะบริหารความเสี่ยงจากสงครามการค้าได้ดีกว่าแบงก์อื่น

 

PTT
ปตท
การปรับการถือหุ้น Lotus Pharmaceutical
PTT จะจําหน่ายหุ้นของบริษัท Lotus Pharmaceutical Co., Ltd (Lotus) จํานวนไม่เกิน 2% ของจํานวนหุ้นที่ออกและจําหน่ายแล้วทั้งหมด กําหนดระยะเวลาดําเนินการภายในเดือน ก.ค. 2026
View from fundamental: ข่าวดังกล่าวน่าจะเป็น positive sentiment ต่อราคาหุ้น นอกจากนั้นคาดการณ์อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงต่อเนื่อง (คาด 6.5% yield สำหรับปีนี้) น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” (ราคาเป้าหมาย 34 บาท)

 

 

ฃวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน