Market Wrap-Up
- SET วันที่ 23 ก.ค.68 ปิด +27.87 จุด อยู่ที่ 1,219.62 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,127 ลบ. ต่างชาติซื้อ 4,492 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 765 ลบ. สถาบันซื้อ 194 ลบ. และรายย่อยขาย 5,451 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 3,287 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น GULF,DELTA,PTT,KTB,ADVANC และยอดขายหุ้น PTTGC,BBL,AOT,TTB,CBG มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,812 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ HK01,JAPAN10001,LVMH01 โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 4,007 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 125,032 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 616 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA+1.14%, S&P500 +0.70%, Nasdaq +0.61% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเฮลธ์แคร์ +2.03%, อุตสาหกรรม +1.75% ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภค -0.79% โดยดัชนีหุ้นสหรัฐปรับขึ้นรับข่าวสหรัฐ - อียูใกล้บรรลุข้อตกลงการค้า ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +1.08% ได้แรงหนุนจากกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ +3.7% นำโดย Stellantis, Mercedes-Benz, Volkswagen รับข่าวอียู – สหรัฐใกล้บรรลุข้อตกลงการค้า
- Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ S&P500, Nasdaq ปิดทำจุดสูงสุดใหม่ รับข่าวสหรัฐใกล้บรรลุข้อตกลงการค้ากับอียู โดยจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้ายุโรปที่อัตรา 15% & เดิม 30% และทั้ง 2 ฝ่ายจะยกเว้นการเก็บภาษีสินค้า เช่น เครื่องบิน, สุรา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ หลังวันก่อนสหรัฐบรรลุข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่น โดยเก็บภาษีสินค้าญี่ปุ่นที่ 15% และญี่ปุ่นจะเปิดตลาดรถยนต์, รถบรรทุก, ข้าว, ผลิตภัณฑ์การเกษตร รวมถึงเม็ดเงินลงทุนในสหรัฐมูลค่า 5.5 แสน ล.ดอลลาร์ ส่วนรายงานกำไร Q2/68 ของ Alphabet มี EPS อยู่ที่ $2.31 ดีกว่าคาดที่ $2.17 โดยบริษัทจะเพิ่มงบลงทุนด้าน Ai & Cloud ปีนี้ที่ 8.5 หมื่น ล.ดอลลาร์ สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตามจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, US PMI ภาคผลิต & บริการ ก.ค. และยอดขายบ้านใหม่สหรัฐ มิ.ย.
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึ้น นำโดยกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ ตอบรับข่าวอียูใกล้บรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ โดยสหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้ายุโรปในอัตรา 15% ลดลงจากเดิมที่ ปธน.ทรัมป์ขู่ไว้ที่ 30% ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงสงครามการค้า เนื่องจากอียูก็เตรียมตอบโต้ทางภาษีกับสหรัฐมูลค่า 1.09 แสน ล.ดอลลาร์ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตามผลการประชุม ECB คาดคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2% และ PMI ภาคการผลิต & บริการยูโรโซน ก.ค.
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ NIX +3.41% หลังสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่น โดยสหรัฐจะเก็บภาษีตอบโต้ญี่ปุ่นในอัตรา 15% & เดิมจะเก็บที่ 25% ขณะที่ Kopsi เกาหลีใต้วานนี้ +0.44% ได้แรงหนุนกลุ่มเทคโนโลยี และคาดใกล้จะได้ข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้วานนี้ปิดทรงตัว รอการเจรจาระหว่าง รมว.คลังจีนกับสหรัฐที่สวีเดนในสัปดาห์หน้า เพื่อเจรจาข้อตกลงการค้าที่ใกล้จะถึงเส้นตายในวันที่ 12 ส.ค.
- SET วานนี้ +2.34% ปริมาณการซื้อขาย 5 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 4,492 ลบ. สถาบันซื้อ 194 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 765 ลบ. และรายย่อยขาย 5,451 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากหุ้น Big ในกลุ่มอิเล็กฯ, ขนส่ง, อสังหาฯ, ค้าปลีก และไฟแนนท์ รับข่าวสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการกับญี่ปุ่น, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ส่งผลให้นักลงทุนคาดหวังเชิงต่อข้อเสนอการค้าไทยกับสหรัฐในรอบที่ 3 ที่เสนอให้กับสหรัฐวานนี้ จะสามารถลดอัตราภาษีของไทยจาก 36% ลงมาใกล้เคียงกับประเทศในกลุ่มอาเซียนที่ราว 20% ขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศมีโอกาสปรับลดลง 0.25% หลังนายวิทัย รัตนากร ได้รับเลือกเป็นผู้ว่า ธปท.คนใหม่ ซึ่งมีแนวนโนบายการเงินแบบผ่อนคลาย ซึ่งเป็นปัจจัยช่วยหนุนทางด้าน Upside Target ของ SET ได้อีกราว 40 – 50 จุด จากต้นทุนด้านการเงินมีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังต้องระวังความผันผวน หากผลการเจรจาข้อตกการค้าสหรัฐ – ไทยยืดเยื้อเกินกำหนดเส้นตายวันที่ 1 ส.ค. ข้อมูลเศรษฐกิจวันนี้ ก.พาณิชย์จะรายงานยอดส่งออกไทย มิ.ย.คาด +18.3% & พ.ค. +18.4% YoY และวันพรุ่งนี้ติดตามรายงานกำไร Q2/68 ชอง PTTEP, DELTA
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,210 แนวต้าน 1,230 โดยดัชนีได้ปรับขึ้นรับความเชิงบวกต่อผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – ไทย แต่ยังต้องรอข้อสรุปที่ชัดเจนในช่วงสัปดาห์หน้า ดังนั้นจึงแนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว เช่นไฟแนนท์ SAWAD,MTC,TIDLOR,KTC,TISCO,KKP / โรงไฟฟ้า GULF,GPSC,CKP / กลุ่มอุปโภคบริโภค CPALL,CBG,OSP ที่คาดจะได้ประโยชน์จากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย
- GPSC* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 37.75 บาท) แนวโน้ม 2Q68 คาดกำไรดีขึ้น QoQ, YoY โดย SPP ยังอยู่ในเกณฑ์ดีแม้มีการปรับลด ft ในงวดล่าสุดลง แต่ต้นทุนเชื้อเพลิงทั้งก๊าซฯ และถ่านหินลดลงช่วยประคอง margin ด้านส่วนแบ่งกำไรดีขึ้นจากเชื่อนไซยะบุรี-ลาว และมีกำไร FX จากทั้งในส่วนของ GPSC และ CFXD-ไต้หวัน เข้ามาช่วยหนุน ส่วนแนวโน้ม 3Q68 คาดทรงตัวได้ต่อมีปัจจัยบวกจากผลการดำเนินงานของ Avaada-อินเดีย ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและกำไรพิเศษจากการขายหุ้นออกไปบางส่วน (03%) รวมถึงการผลิตไฟฟ้า Hydro เป็น high season ส่วน ft ในรอบ ก.ย.-ธ.ค.ถ้าคงเดิมน่าจะเป็นบวกต่อ margin เพราะต้นทุนก๊าซฯ ลดลง ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68-69 ที่ 4.6 พันล้านบาท +13%YoY และ 5.1 พันล้านบาท +11%YoY
BCH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 19.40 บาท) เบื้องต้น คาดกำไร 2Q68 ฟื้นตัวได้ดี YoY จาก 1.2Q67 มีรายการลบจาก Fx Loss, Covid-19, โรค adj.RW>2 รวมแล้วเป็นลบ ราว -100 ลบ. 2.รอมฎอนปีนี้อยู่ในในช่วง 28ก.พ.-29มี.ค.68 สิ้นสุดใน 1Q68 แล้ว และ 3.สภาพอากาศในปีนี้ที่มีฝนตก/มีความร้อนน้อยกว่าปีก่อน ส่วน 3Q68 จะได้แรงบวกตามฤดูกาล ภาพรวมครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยหนุนจาก 1.ความเสี่ยงของการรับเงินประกันสังคมในปี68 โดย คาดว่า SSO จะสามารถจ่ายโรค adj.RW>2 ที่ 1.2 หมื่นบาท/adj.RW ได้ และ 2.คาดกลุ่มรายได้ผู้ป่วยต่างชาติเริ่มฟื้นตัว ขณะที่ BCH มีการเซ็นสัญญาร่วมกับมัลดีฟส์ เพื่อรับผู้ป่วยเข้ามารักษาที่ ร.พ.WMC
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI ก.ย.-$0.06 อยู่ที่ $65.25 / บาร์เรล, Brent ก.ย. -$0.08 อยู่ที่ $68.51/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบทรงตัวหลังสหรัฐ – อียูใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้า และรอประเมินผลการเจรจารอบที่ 3 ระหว่างรัสเซีย – ยูเครน เพื่อหาแนวทางยุติสงคราม ส่วน EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 3.1 ล.บาร์เรล & คาดจะลดลง 1.4 ล.บาร์เรล
Gold Update(-) Comex Gold ส.ค.-$46.10 อยู่ที่ $3,397.60 /ออนซ์ นักลงทุนขายสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่น และใกล้บรรลุข้อตกลงการค้ากับอียู
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +183.42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +139.52 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +40.72 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +3.18 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าอยู่ที่ 32.11 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.390 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +85 จุด อยู่ที่ 2,120
(-) BitCoin เช้านี้ -0.43% อยู่ที่ 118,982 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
31 ก.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย
สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน
ยานยนต์
สัปดาห์ที5 สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี
ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม
ต่างประเทศ
22 ก.ค. US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ
23 ก.ค. US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (มิ.ย.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
24 ก.ค. EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ( ก.ค.)
EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( ก.ค.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( ก.ค.) 17
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ยอดขายบ้านใหม่ (มิ.ย.)
Theme Strategy
Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, คาดทิศทางดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง, Earning Play 2Q68, High Season ไตรมาส3, และ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Trade War สหรัฐ-จีน ลดความรุนแรงลง
(1) กลุ่มการเงิน คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายลดลงในช่วง 2H68 NCAP*, SINGER* ,SGC* , MTC*, SAWAD*, TIDLOR*
(2) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์ตามฤดูกาลจากฤดูร้อน GULF*, GPSC*, BCPG
(3) กลุ่ม China Play คาดความตึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และรัฐบาลจีนมีโอกาสออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น SCC* ,SCGP* , PTTGC, IVL*
(4) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*, SIS*
(5) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC , NSL*
(6) กลุ่มส่งออกที่ผันผวนตามประเด็นภาษีศุลกากรสหรัฐฯ เน้น เก็งกำไร เมื่อมีพัฒนการเชิงบวกของการเจรจาไทย-สหรัฐฯ เช่น DELTA*, CCET*, KCE*, TU, ITC*, ASIAN*, AAI*, COCOCO*
(7) กลุ่มร.พ.ที่ไตรมาส 2 เป็น Low Season แต่เข้าสู่ High Season ในไตรมาส3 เช่น BDMS, SKR, WPH*, PR9*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio May 2025: MONO*, PR9*, IVL*,PTTGC*,GULF*, TIDLOR*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Meena Tunlayanitigun
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 033662
Tel 02-829-6999 Ext 2201
Email : meena.tu@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th