AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ลุ้นดีด
เลือกหุ้นงบดี สวนทางราคาที่อยู่โซนล่าง

Market Strategy
SET Index คาดรีบาวน์ตามกรอบ 1180-1210 จุด จากความคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจาลดภาษีสหรัฐฯ หลังจากญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์บรรลุข้อตกลงลดภาษีลงมาได้ หุ้นวันนี้เลือก SCGP และ TASCO

ความคืบหน้าภาษีสหรัฐฯล่าสุดคุณทรัมป์เผยว่าบรรลุข้อตกลงกับ 2 ประเทศเริ่มจาก 1) ญี่ปุ่น โดยสหรัฐฯเก็บภาษีนำเข้า 15% (ลดลงจากเดิม 20%) แลกกับญี่ปุ่นมีการลงทุนในสหรัฐฯเพิ่มเติมและเปิดตลาดนำเข้ารถยนต์ สินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ 2) ฟิลิปปินส์ โดยสหรัฐฯเก็บภาษีนำเข้า 19% (ลดลงจากเดิม 20%) แลกกับฟิลิปปินส์เปิดนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ 0%(แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าครอบคลุมทุกสินค้าหรือไม่) รวมถึงจะมีการร่วมมือกันในทางทหาร นอกจากนี้ความคืบหน้ากับจีน รมว.คลังสหรัฐฯเผยจะมีการหารือกันในสัปดาห์หน้า ซึ่งมีโอกาสขยายเวลาการเก็บภาษีออกไปจากเดิมที่จะสิ้นสุด 12 ส.ค. 68 ประเมินความคืบหน้าเจรจาของประเทศต่างๆ เป็นบวกต่อตลาดหุ้น สำหรับไทย รมว.คลังเผยจะยื่นข้อเสนอสุดท้ายให้สหรัฐฯในวันนี้ ซึ่งเรายังเชื่อว่าสุดท้ายจะลดภาษีลงมาจาก 36% มาได้

ประเด็นที่น่าจะมีน้ำหนักในช่วงถัดไปอยู่ที่การเก็งกำไรผลประกอบการงบ 2Q68 จากการรวบรวมหุ้นที่มีคาดการณ์โดย Bloomberg Consensus คิดเป็น 69% ของ Market Cap คาดทำกำไรสุทธิ 1.87 แสนล้านบาท หดตัวเล็กน้อย -1%QoQ และ -1%YoY ถือว่าไม่เด่นแต่ SET Index ตั้งแต่ต้นปีปรับลง -14% จนซื้อขายบน PER68E ที่ 13.4 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี -1.3 S.D. และ PBV 1.15x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีกว่า -2 S.D. สะท้อนราคาหุ้นลงเกินปัจจัยพื้นฐานไปมาก เชิงกลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไร หุ้นที่งบ 2Q68 มีแนวโน้มเติบโตดีสวนทางราคาปรับลง ชอบ CHG CKP SCGP และ OSP

Market Summary
SET Index ปรับลง 1.4% จากแรงขายทำกำไรหุ้น Market Cap ใหญ่ นำโดย DELTA -1.4% AOT -2.6% GULF -2.3% PTTEP -2% และ CPALL -3% รวมถึงหุ้นที่ปรับขึ้นแรงที่ผ่านมา HMPRO -5% GLOBAL -5% กลุ่มไฟแนนซ์ -3% จาก Sell on Fact หลังครม. เห็นชอบคุณวิทัย เป็นผู้ว่า ธปท. คนใหม่มีผล 1 ต.ค.68 ส่วนกลุ่มที่ Outperform กลุ่ม F&B จาก OSP ที่กำไร 2Q68 อยู่ในเกณฑ์ดีหนุนจาก GPM ที่ดีขึ้น +2.5% และ CBG +3.6% จากคาดงบ 2Q68 ขยายตัว QoQ/YoY และกลุ่มธนาคาร KKP +4.5% ที่กำไรดีกว่าคาด แรงขายหลักจากสถาบันในประเทศที่ขายสุทธิ 2.3 พันล้านบาท

DAILY Stock Pick
SCGP
ลการค้าระหว่างสหรัฐ-ญี่ปุ่น หนุน
งบไตรมาส 2 โต QoQ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 19.00 บาท
สหรัฐประกาศบรรลุดีลการค้าระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นจะลงทุนในสหรัฐมูลค่า 5.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งต้องเปิดตลาดสินค้าอย่าง รถยนต์, รถบรรทุก, ข้าวและสินค้าเกษตรบางรายการ แลกกับการที่สหรัฐเก็บภาษีนำเข้า 15% เทียบกับ 25% ในครั้งก่อน ดีลดังกล่าวหนุน Sentiment หนุน Global Play อย่าง SCGP
ส่วนกำไรงวด 2Q68 Bloomberg Consensus คาดฟื้นตัว QoQ เนื่องจาก หลังมีการปรับราคาในประเทศอินโดนีเซีย ส่งผลให้ Fajar มี EBITDA ฟื้นตัว ขณะที่ ปรับตัวลดลง YoY หลังอุปสงค์หลักของภูมิภาคอย่างจีน ชะลอตัวลดลง

TASCO
งบก่อสร้างถนนฟื้นตัว Valuation น่าสนใจ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 18.40 บาท
เราคงแนะนำ “ซื้อ” โดยคาดการเติบโตหลัก มาจากงบประมาณก่อสร้างถนนของภาครัฐที่เติบโต 14%/8%YoY ในปี 68/69 ในขณะที่ Spread Bitumen ในต่างประเทศปรับตัวขึ้นเป็น +5US$/Ton เทียบกับ 1H68 ที่ -40US$/Ton สะท้อนอุปสงค์ที่แข็งแกร่งผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
TASCO ปัจจุบันถูกซื้อขาย PE ปี 69 ที่ 10 เท่า (-1.6SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) ในขณะที่อัตราเงินปันผลอยู่ในระดับ 7-8% อีกทั้งยังมี upside จากการปรับขึ้น Payout ratio จาก 80% เป็น 100% หนุนให้เงินอัตราปันผลเพิ่มเป็น 9-10% ช่วยจำกัด Downside

KEY FACTOR
แม้ว่าตลาดเผชิญแรงขายระยะสั้นจากนักลงทุนสถาบันฯ ที่ -2,277.84 ล้านบาท ในลักษณะ sell on fact หลัง ครม. มีมติ การแต่งตั้งผู้ว่า ธปท. อย่างเป็นทางการ กระแสเงินลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่อง +1,821.45 ล้านบาท สะสม MTD +6,637.97 ล้านบาท สะท้อนความคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจาภาษีนำเข้าไทย–สหรัฐฯ ที่ยังมีอยู่ และอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนกำหนดเส้นตาย 1 ส.ค. นี้ ซึ่งความคืบหน้าล่าสุด รมต. คลังฯ เผยว่าไทยได้ยื่นข้อเสนอทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ แล้วกว่า 90% และคาดว่าจะสามารถยื่นข้อเสนอสุดท้ายได้ภายในวันที่ 23 ก.ค. สอดคล้องกับทิศทางค่าเงินบาท ที่แม้ว่าในระยะสั้นจะเริ่มชะลอตัว แต่ยังคงอยู่ในรอบการแข็งค่าและสูงที่สุดใน ASEAN -0.6% MTD

EYES ON
23 ก.ค. ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยูโรโซน
24 ก.ค. ส่งออกไทย มิ.ย.,
ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการยูโรโซน, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ