Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

103


ภาพตลาดและแนวโน้ม

 


Highlights:
เศรษฐกิจจีนอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากเศรษฐกิจดั้งเดิม ไปสู่โมเดลใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง แต่ยังเผชิญข้อจำกัดโครงสร้างเดิม ทั้งจากกำลังการผลิตส่วนเกิน อุปสงค์ภายในที่ยังอ่อนแอ และตลาดแรงงานที่เปราะบาง โดยกว่า 48% ของ GDP ยังพึ่งพาธุรกิจดั้งเดิม และอัตราว่างงานของคนหนุ่มสาวพุ่งแตะ 14.9% สะท้อนความเปราะบางในระยะยาว แม้รัฐบาลจะเดินหน้าเศรษฐกิจใหม่ เช่น AI, EV และควอนตัม แต่ก็ยังต้องใช้นโยบายเฉพาะจุดเพื่อประคองเศรษฐกิจแบบตั้งรับ มากกว่าการปฏิรูปเต็มรูปแบบ

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้ แม้มีการลดดอกเบี้ยและใช้งบประมาณล่วงหน้า แต่ยังไม่เพียงพอจะจุดประกายการฟื้นตัวแบบ broad-based เนื่องจากข้อจำกัดฝั่งอุปสงค์-อุปทานยังฝังอยู่ในระบบ การประชุม Politburo มีแนวโน้มเพิ่มงบประมาณอีก 1 ล้านล้านหยวน และ PBoC อาจลดดอกเบี้ยอีกในไตรมาส 3 แต่เป็นเพียงการประคองไม่ใช่ Reflation Cycle

แนะนำนักลงทุนให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนมากกว่าหุ้นกลุ่ม Traditional Business เพื่อเข้าถึงภาคเศรษฐกิจที่มีศักยภาพการเติบโตระยะยาว และยังได้รับแรงหนุนอย่างเป็นระบบจากภาครัฐ โดยสามารถลงทุนผ่าน China Tech Index หรือทางเลือกอย่าง DR เช่น CNTECH01 ซึ่งเป็นประตูสำคัญสู่อนาคตของเศรษฐกิจจีนยุคใหม่



สรุปภาพตลาดวานนี้

SET ยังยืนได้ แม้จะดูตึงๆ โดย DELTA เป็นตัวค้ำไว้ หักออก ที่เหลือเหมือนหักกลบกันเอง โดยกลุ่มบวก TOP SCC PTT CPALL SCB KTB PTTEP MTC ส่วนด้านลบจากการขาย GULF AOT MINT TRUE BDMS IVL ออกมา โดยเหมือนจะดูไม่ได้รุนแรงอะไร เพียงแต่สลับหุ้น แต่สิ่งที่พบอีกด้าน หุ้นกลาง-เล็กหลายบริษัทบวกขึ้นมาร้อนแรง PLANB NEX THCOM เป็นต้น

แนวโน้มตลาดวันนี้

ปรับหุ้นในพอร์ตกลยุทธ์
เราคงคาดป้ายถัดไปของตลาดหุ้นไทย คือ ขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,240/1,250 จุด โดยเมื่อวานได้เห็นรายงานกำไรธนาคาร เช่น SCB KKP ดีกว่าคาด ดันราคาหุ้นบวกและช่วยหนุนบรรยากาศลงทุน หุ้นตัวอื่นที่คาดว่ามีลุ้นเห็นกำไรดีกว่าคาด เช่น TOP

ด้านปัจจัยมหภาค ที่นักลงทุนติดตามยังคงเป็นเรื่องน้ำหนักเชิงบวกกับดีลการค้าไทย-สหรัฐฯ ที่รอผลลัพธ์การเจรจา แต่ตรงกันข้ามถ้าดีลการค้าไทย-สหรัฐฯ ไม่คืบหน้าหรือไม่สามารถลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาค เรายังต้องระวังแรงขายทำกำไรในระยะสัปดาห์


และวันนี้รอติดตามผลสรุป ผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ ซึ่ง รมว.คลังจะเสนอ ครม.วันนี้ ขณะที่ตลาดคาดหวังต่อนโยบายการเงินที่สอดรับกับ มาตรการทางการคลัง และน่าจะส่งผลบวกต่อบรรยากาศลงทุนหุ้นไทยวันนี้

กลยุทธ์แนะนำถือหุ้นตามพอร์ตที่เราแนะนำไว้ก่อน โดยเฉพาะหุ้นปันผล และหาจังหวะเพิ่มการซื้อเก็งกำไร หุ้นที่เห็นแนวโน้มของการปรับประมาณการณ์กำไร และ การปรับเพิ่มคำแนะนำ หุ้นรายตัวจากนี้ไป

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ ถือหุ้นปันผล เริ่มสะสมหุ้นต้นรอบ ดักงบการเงินไตรมาส 2 และปันผลระหว่างกาล

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET Index ขึ้น แต่! ไม่แรงเหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงแม้วอลุ่มหนาแน่น บ่งชี้ Fund flow ไหลเข้าดัชนีทะลุ 1,200 จุด….สำเร็จ! อย่างไรก็ตามตลาดสัปดาห์นี้ อาจจะเริ่มผันคันเร่ง ไม่บู้! หากหุ้นขึ้นแรงๆ แนะระมัดระวัง! จากการศึกษา case study รอบที่ SET +14.5% หรือคิดเป็น 175 จุด (เดือนเม.ย.) จุด peak จะเกิดขึ้นเมื่อเกิดภาพ “Bearish Engulfing” ในชาร์ตรายสัปดาห์ + ชนตำแหน่งโซนต้านที่ Fibo 38.2% ส่วนภาวะปัจจุบัน SET +13.5% ใกล้เคียงรอบที่แล้ว ขณะที่ตำแหน่ง Fibo 38.2% ชี้โซนต้านบริเวณ 1,230 จุด ถ้าสัปดาห์นี้เกิดกลับข้างปิด week แท่งแดง อาจต้องระวังสัญญาณปรับฐาน throw back ลงมาตั้งหลักที่เส้นค่าเฉลี่ยบริเวณ 1,180 จุด (ปรับฐานแต่อยู่ในโครงสร้างขาขึ้นหลัก)

แผนเทรดเล่นรอบ: สัปดาห์นี้เน้นถือ รอขาย หากหุ้นขึ้นแรง ตลาดเข้าใกล้โซนต้านที่ให้ไว้แนะใช้จังหวะนี้ปรับพอร์ต ขายล็อคกำไรบางส่วน

 

What to watch
12 ส.ค. ครบเส้นตายช่วงพักชำระภาษี 90 วัน อเมริกา-จีน ที่ประกาศไว้เมื่อ 12 พ.ค.ด้าน รมว.คลังสหรัฐฯ เผยถ้อยแถลงช่วยคลายความกังวลของตลาดที่เกรงว่า ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนอาจกลับมาตึงเครียดอีก หากอัตราภาษีหวนคืนสู่ระดับเดิมก่อนบรรลุข้อตกลงพักรบทางการค้า
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจาก จีน และอาจรวมถึงชาติต่างๆ เพื่อเร่งการลงทุนในประเทศ ชดเชยผลกระทบจาก อัตราภาษีตอบโต้สหรัฐฯ
ผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ แนวทางดำเนินนโยบายการเงิน ที่สอดคล้องกับนโยบายการคลัง
มาตรการคว่ำบาตร รัสเซีย จากอียู และสหรัฐฯ เพิ่มเติมหลังสงครามรัสเซียยูเครนยังดำเนินต่อไป

หุ้นแนะนำวันนี้

GULF คาดการณ์กำไรหลัก 2Q68 ที่ 6.8 พันลบ.+4% q-q หนุนจากกำไรที่แข็งแกร่งของ ADVANC แนวรับ 44 ต้าน 45.75 Stop loss 43.5

Tactical port ล็อกกำไร CBG เพิ่ม GULF

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

Wealth Insight

การเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจจีนยังคงต้องพึ่งพานโยบายแบบเฉพาะจุดเพื่อประคองโครงสร้าง
เศรษฐกิจจีนอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากเศรษฐกิจดั้งเดิม ไปสู่โมเดลใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง แต่ยังเผชิญข้อจำกัดโครงสร้างเดิม ทั้งจากกำลังการผลิตส่วนเกิน อุปสงค์ภายในที่ยังอ่อนแอ และตลาดแรงงานที่เปราะบาง โดยกว่า 48% ของ GDP ยังพึ่งพาธุรกิจดั้งเดิม และอัตราว่างงานของคนหนุ่มสาวพุ่งแตะ 14.9% สะท้อนความเปราะบางในระยะยาว

แม้รัฐบาลจะเดินหน้าเศรษฐกิจใหม่ เช่น AI, EV และควอนตัม แต่ก็ยังต้องใช้นโยบายเฉพาะจุดเพื่อประคองเศรษฐกิจแบบตั้งรับ มากกว่าการปฏิรูปเต็มรูปแบบ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้ แม้มีการลดดอกเบี้ยและใช้งบประมาณล่วงหน้า แต่ยังไม่เพียงพอจะจุดประกายการฟื้นตัวแบบ broad-based เนื่องจากข้อจำกัดฝั่งอุปสงค์-อุปทานยังฝังอยู่ในระบบ
การประชุม Politburo มีแนวโน้มเพิ่มงบประมาณอีก 1 ล้านล้านหยวน และ PBoC อาจลดดอกเบี้ยอีกในไตรมาส 3 แต่เป็นเพียงการประคองไม่ใช่ Reflation Cycle
แนะนำนักลงทุนให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนมากกว่าหุ้นกลุ่ม Traditional Business เพื่อเข้าถึงภาคเศรษฐกิจที่มีศักยภาพการเติบโตระยะยาว และยังได้รับแรงหนุนอย่างเป็นระบบจากภาครัฐ โดยสามารถลงทุนผ่าน China Tech Index หรือทางเลือกอย่าง DR เช่น CNTECH01 ซึ่งเป็นประตูสำคัญสู่อนาคตของเศรษฐกิจจีนยุคใหม่

Commodities Tracker
ค่าระวางเรือเทกองพุ่งมากสุด
ภาพรวม: ค่าระวางเรือเทกองพุ่งแรงสุดในรอบสัปดาห์ ขณะที่ GRM ร่วงแรงสุด ตลาดเริ่มคาดหวังว่าการเจรจา US-China จะคลี่คลาย นำไปสู่การฟื้นตัวของหุ้น commodity แต่ยังต้องจับตาสงครามการค้าสหรัฐฯ กับประเทศอื่นๆ

น้ำมันดิบ: ราคาดูไบเฉลี่ยลดลง 0.10 เหรียญ WoW มาอยู่ที่ 70.50 เหรียญ/บาร์เรล จากกังวลเศรษฐกิจจีนและสต็อกสหรัฐฯ ที่สูง
ค่าการกลั่น: GRM สิงคโปร์ลดลงอีก 0.55 เหรียญ WoW เหลือ 4.20 เหรียญ/บาร์เรล
สเปรดเคมี: โดยรวมเพิ่มขึ้นจากต้นทุน Naphtha ที่ลดลง หนุนทั้งกลุ่ม Ethylene, Propylene และ HDPE ขณะที่ PP ลดลง
ถ่านหิน: NEX เพิ่มขึ้นอีก 0.99 เหรียญ WoW (1%) เป็น 111.19 เหรียญ/ตัน จากความต้องการในภูมิภาคที่ยังแข็งแกร่ง
ค่าระวางเรือ: ดัชนี BDI พุ่ง 30% WoW เป็น 1,927 จุด จากการเพิ่มขึ้นของทุก segment ขณะที่ดัชนี World Container Index ลดลง 3% WoW เหลือ 2,602 จุด (กดดัน RCL)

Fundamental view: แนะนำสะสม IVL (แนวโน้มกำไรดีกว่ากลุ่ม), TOP (Valuation ถูกและได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันลด), และ PTTGC (คาดกำไร 2Q25 ดีขึ้น QoQ) ขณะที่กลุ่มเดินเรือระวังการชะลอตัวระยะสั้นจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่จะมีผล 1 ส.ค. แต่มีแรงหนุนจากฤดูกาลค้าขายธัญพืชในอเมริกาใต้


Bank Sector
ระวัง! มีแรงกดดันสูงขึ้นใน 2H25
ภาพรวมกำไรกลุ่มธนาคารใน 2Q25 อยู่ที่ 5.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY (กำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่เพิ่มขึ้นและ credit cost ปรับลดลง YoY) แต่ลดลง 4% QoQ (NIM ลดลง และ credit cost ที่ปรับเพิ่มขึ้น QoQ) โดยกำไร 2Q25 ออกมาดีกว่าที่เราคาด 12% และตลาดคาด 7% หลักๆ มาจากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินและ cost/income ratio ทำได้ดีกว่าคาด โดยธนาคารที่รายงานกำไรเติบโตโดดเด่น YoY นำโดย KKP และ SCB ในทางตรงข้ามธนาคารที่รายงานกำไรลดลง YoY คือ TTB และ TISCO ส่วน BBL KBANK และ KTB รายงานกำไรค่อนข้างทรงตัว YoY

ทั้งนี้ เราเห็นสิ่งที่ดีใน 2Q25 ของกลุ่มธนาคาร 2 เรื่อง ได้แก่ 1) กำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่สูงขึ้น และ 2) คุณภาพสินทรัพย์ที่ฟื้นตัวดีขึ้นบ้าง QoQ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าปัจจัยบวกนี้ ไม่น่าจะดีต่อเนื่องในครึ่งหลังของปี เพราะเราคาดว่ากำไรจากเครื่องมือทางการเงินน่าจะปรับลดลง สู่ระดับปกติ และแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ของกลุ่มธนาคารก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนแอลงบ้างใน 2H25


ส่วนปัจจัยกดดันเราเห็น NIM ของกลุ่มธนาคารปรับลดลงต่อเนื่องไตรมาสนี้ กดดันจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่ผ่านมา และหากมองไปข้างหน้า ก็น่าจะเห็นแรงกดดันต่อเนื่อง เพราะนักเศรษฐศาสตร์ของเราคาดว่า กนง. น่าจะลดดอกเบี้ยลงอีก 1 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี
ดังนั้น โดยรวมเราประเมินว่ากลุ่มธนาคารจะเผชิญความท้าทายจาก NIM และคุณภาพสินทรัพย์ในครึ่งหลังของปี จากความเสี่ยงเศรษฐกิจที่จะอ่อนแอลง ผลกระทบของภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และแนวโน้มที่ กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีกใน 2H25

 



รายงานผลประกอบการวันนี้

 

(+) SCB รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท สูงกว่าที่เราคาด 20% และตลาดคาด 17% จากกำไรจากเงินลงทุน ซึ่งก็หนุนให้กำไรในไตรมาสนี้ ปรับเพิ่มขึ้น 28% YoY และ 2% QoQ สำหรับคุณภาพสินทรัพย์ของ SCB ทรงตัว QoQ เราคาดกำไรสุทธิ 3Q25 จะอ่อนตัวลง YoY และ QoQ กดดันจากแนวโน้ม NIM อ่อนตัวลง และ credit cost ปรับเพิ่มขึ้น QoQ แม้เราคาดกำไรสุทธิปี 2025 ของ SCB จะอ่อนตัวลง 4% YoY อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่า SCB น่าจะยังสามารถจ่ายปันผลในระดับสูงที่ราว 8% ได้ในปีนี้ จึงยังแนะนำ ถือ เพื่อรับปันผล

(+) KTB รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท ทรงตัว YoY (NIM ลดลง แต่ถูกชดเชยด้วยรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น) แต่ลดลง 5% QoQ (NIM ลดลง) กำไรไตรมาสนี้สูงกว่าที่เราคาด 10% และตลาดคาด 6% จากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินสูงกว่าคาด ด้านคุณภาพสินทรัพย์ฟื้นตัวดีขึ้น QoQ ณ สิ้น 2Q25 แนวโน้มกำไร 3Q25 จะลดลง YoY และ QoQ จากNIM อ่อนตัวลง โดยเรายังแนะนำ ซื้อ KTB จาก valuation metrics ถูกกว่ากลุ่มฯ มาก และคาด dividend yield ได้ราว 7%


(+) KKP รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 83% YoY และ 33% QoQ จากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และขาดทุนจากการขายรถยึดลดลง โดยกำไรสุทธิ 2Q25 สูงกว่าที่เราคาด 17% และตลาดคาด 26% จากรายได้ค่าธรรมเนียมและกำไรจากเครื่องมือทางการเงินสูงกว่าคาด เราคาดกำไรสุทธิ 3Q25 จะลดลง YoY และ QoQ จาก NIM อ่อนตัวลง โดยเราประเมินความเสี่ยงจากเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า จะกดดันคุณภาพสินทรัพย์ใน 2H25 ขณะที่ธุรกิจตลาดทุนยังฟื้นตัวค่อนข้างช้า จึงยังแนะนำขาย


(0) KBANK รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ลดลง 3% YoY (NIM ลดลง) และ 9% QoQ (NIM ลดลง และ OPEX สูงขึ้น) โดยกำไรไตรมาสนี้สูงกว่าที่เราคาด 8% (เป็นไปตามที่ตลาดคาด) จากกำไรจากเงินลงทุน ทั้งนี้ คุณภาพสินทรัพย์ของ KBANK ค่อนข้างทรงตัวจากไตรมาสก่อน เราคาดกำไรสุทธิ 3Q25 จะลดลง YoY และ QoQ กดดันจาก NIM ลดลง และ credit cost ปรับเพิ่มขึ้น QoQ เราประเมินว่าความเสี่ยงจากสงครามการค้า จะส่งผลกระทบลูกค้าในกลุ่ม SME ทำให้เรายังแนะนำเลี่ยง


วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ร้องเพลงรอ.. By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ชั่วโมงต้องร้องเพลงรอ รอข่าวแบบลุ้น ทราบผลประชุมครม.ว่า ใครจะมาเป็นผู้ว่าฯแบงก์ชาติ วันนี้ ...

มัลติมีเดีย

TMILL วางกลยุทธ์ ขยายตลาดควบคู่เน้นบริหารต้นทุน ดันมาร์จิ้นสดใส

TMILL วางกลยุทธ์ ขยายตลาดควบคู่เน้นบริหารต้นทุน ดันมาร์จิ้นสดใส

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้