คาด SET Index แกว่งตัวออกข้าง: คาดแรงกดดันมาจากการลดสถานะเสี่ยง หลังการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเด็นความหวังยังไม่มีพัฒนาการเพิ่มเติม หากแต่มองมีแรงหนุนจากการเก็งงบ 2Q68และเก็งเคาะชื่อผู้ว่าฯธปท.คนต่อไป รวมถึงมีหวังความสัมพันธ์เชิงบวกของสหรัฐฯ-EU และสหรัฐฯ-จีน
แนวรับ-ต้าน
1,195 –1,215
กลยุทธ์การลงทุน
1) เก็งงบ 2Q68: ADVANC,BDMS, BEM, CENTEL,CKP, KBANK, KKP, KTB, MAJOR, TIDLOR, PR9
2) หวังผู้ว่าฯธปท.คนต่อไปผ่อนคลายนโยบายการเงิน:AMANAH, AP, BGRIM, GULF, MTC, SIRI,SPALI, THANI, TRUE, WHAIR
3) China play: HANA, IVL, PTTGC, SCC, SCGP
4) Selective play: GFPT, GPSC, KCE, MEDEZE,PT, TTA
เก็งเจรจาจนเมื่อย ไปเก็งงบและผู้ว่าฯธปท.
หวังมาเยอะ รอติดตามผลการเจรจา: หลังจากที่ 6 วันทำการที่ผ่านมาSETIndexปรับตัวขึ้นมาเกือบๆ100 จุด โดยไร้ปัจจัยหนุนเชิงมหภาคที่มีนัยสำคัญ ประกอบกับยังมีเรื่องเสถียรภาพการเมืองไทยที่เป็น Overhangเชิงลบ ดังนั้น เรามองการปรับตัวข้ึนข้างต้นส่วนหน่ึงเกิดจากการเข้าเก็งกำไรของนักลงทุน ท่ามกลางความคาดหวังว่าไทยจะสามารถบรรลุการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ สอดรับกับการที่คุณพิชัย รองนายกฯและรมว.คลังได้เผยความคืบหน้าการเจรจา โดยในวันที่ 17ก.ค.68 ได้หารือกับUSTRพร้อมคาดว่าสุดท้ายแล้วภาษีศุลกากรตอบโต้ที่ไทยจะได้รับน่าจะใกล้เคียงกับประเทศอื่นๆในภูมิภาคเดียวกันคือประมาณ 20% อย่างไรก็ดีเนื่องจากประเด็นข้างต้นยังไม่มีพัฒนาการเพิ่มเติมโดยเฉพาะการประกาศผลการเจรจาจากฝ่่งสหรัฐฯ/ปธน.ทรัมป์ ส่งผลให้เรามองวันนี้นักลงทุนที่เก็งกำไรมาด้วยประเด็นข้างต้น มีแนวโน้มลดสถานะเสี่ยงใน SETIndexลง
เก็งงบและเก็งเคาะผู้ว่าฯธปท.:มองแรงหนุนจำกัดทางลงมาจากการเก็งงบ 2Q68ซ่งึการเผยงบจนถึงวนั ที่18 ก.ค.68 นับเป็นสัญญาณเชิงบวกโดยมีจำนวนบมจ.ที่มีรายได้และ EPSมากกว่า BloombergConsensusถึง 100%และ 80%ตามลำดับอีกทั้ง คาดSETIndexจะมีแรงเก็งกำไรในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการผ่อนคลายนโยบายการเงินก่อนการประชุมครม.วันพรุ่งนี้ซ่ึงคาดว่า จะมีการพิจารณาชื่อผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯธปท.คนต่อไปโดยรายชื่อผู้เข้าชิงที่ปรากฏตามสื่อต่างๆทัง้ 2 ท่าน ต่างมีแนวโน้มที่จะดำเนินนโยบายการเงินในทิศทางที่ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
สัญญาณบวกสหรัฐฯกับเศรษฐกิจสำคัญ:นอกจากนี้ มอง SETIndexจะได้ Sentimentหนุนจากความหวังต่อความสัมพันธ์เชิงบวกของเศรษฐกิจสำคัญ หลัง 1) รมว.พาณิชย์สหรัฐฯกล่าวเมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 ว่าเขามั่นจว่า สหรฐั ฯจะสามารถบรรลุข้อตกลงการกับ EU และ 2) ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานเมื่อวันที่ 18 ก.ค.68 ว่ปธน.ทรมัป์เรียกร้อ งให้ตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจาก EU ขั้นต่ำ 15-20% ซึ่งต่ากว่าตัวเลข30% ที่เขาเคยกล่าวก่อนหน้านี้ ขณะที่ด้านสัญญาณเชิงบวกของความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน ได้แก่
1)รมว.พาณิชย์จีนเผยจีนต้องการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหรฐั ฯให้กลับมามั่นคง และ 2)ปธน.ทรัมป์อาจเดินทางเยือนจีนก่อนเข้าร่วมการประชุม APEC ระหว่างวันที่ 30ต.ค.-1 พ.ย.68 หรืออาจพบกับปธน.สี นอกรอบการประชุม APEC
ปัจจัยเพิ่มเติม
(+)ธนาคารออมสิน ช่วยคนไทยสร้างเครดิตชวนเข้าโครงการสินเชื่อ “สร้างเครดิต สร้างโอกาส” ให้กู้สูงสุด 2 หมื่นบาท ปลดล็อกอนุมัติกู้ให้ทุกอาชีพที่ไม่เคยกู้เงินธนาคาร แต่มีรายได้ เพื่อหนุนเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ
(+)ก.คลังรายงานความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยธนาคารออมสินและธ.ก.ส.ปล่อยสินเชื่อแล้ว 84,061ราย ยอดอนุมัติรวมกว่า 2.5 พันล้านบาท
(+) สหรัฐฯเผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจากม.มิชิแกนเดือนก.ค.68 ที่ 61.8 เพิ่มจาก 60.7 ในเดือนมิ.ย.68 แรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคคลายกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
(-) ปธ.ธนาคารกลางเยอรมนีเผยว่าการแทรกแซงความเป็นอิสระของเฟดจะส่งผลกระทบที่ลุกลามไปไกลเกินพรมแดนของสหรัฐฯ
(0) ติดตามการเผย LPR ของจีนเช้านี้ ตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ย 1 ปี และ 5 ปีที่ระดับ 3.0% และ 3.5% ตามลำดับ
ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธรีดา ชาญยิ่งยงค์- นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค #37928
ภัทรดนัย จตุรพร – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #094041
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #127632
ฐนพงษ์ แซ่โล้ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชนพัฒน์ สุวิยานนท์ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์