Today’s NEWS FEED

News Feed

DBS ประเมินนโยบายทรัมป์ จุดชนวนสงครามภาษีระดับโลก

153

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(17 กรกฎาคม 2568)---------บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เชิญ CIO (Chief Investment Office, DBS Bank) มาให้ข้อมูล DBS 2H25 CIO Market Outlook – จุดเปลี่ยนของโลก โดยมองนโยบายของทรัมป์ จุดชนวนสงครามภาษีในระดับโลก รวมทั้งความไม่ชัดเจนด้านนโยบายได้สร้างความเสี่ยงในสินทรัพย์การเงินทั่วโลก พร้อมแนะลดน้ำหนักตลาดพันธบัตรรัฐบาลประเทศพัฒนาแล้ว เพิ่มน้ำหนักทองคำ และสินทรัพย์ทางเลือกนอกตลาด รวมทั้งเพิ่มน้ำหนักหุ้นยุโรป มองธุรกิจหุ่นยนต์มนุษย์ ระบบอัตโนมัติภาคอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และอวกาศเป็นเทรนด์ระเบียบโลกใหม่

นายเอ็ดวิน ตัน (Mr. Edwin Tan) Market Head DBS, Thailand & Philippines, DBS Bank กล่าวในงาน DBS 3Q25 CIO Market Outlook ว่า ก้าวเข้าสู่ครึ่งปีหลังของปี 2025 เรากำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดโลก และนั่นคือเหตุผลที่เราตั้งธีมของวันนี้ว่า “The Global Pivot” เพราะตลาดหุ้นทั่วโลกสามารถฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 2 ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น ท่ามกลางสภาวะที่ท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนของนโยบายภาษี, สัญญาณเศรษฐกิจที่สับสนจากการดำรงตำแหน่งสมัยที่สองของประธานาธิบดีทรัมป์, และความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับปัญหาทางการคลังของสหรัฐฯ

เมื่อมองย้อนกลับไป DBS ภูมิใจที่กลยุทธ์การลงทุน ได้สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง Barbell Strategy ยังคงติดหนึ่งใน 5% แรกของกองทุนผสมทั่วโลกนับตั้งแต่จัดตั้ง ขณะเดียวกัน การที่เรา “Overweight” ทองคำตั้งแต่เนิ่น ๆ รวมถึงกลยุทธ์ Liquid+ ที่เน้นตราสารหนี้เกรดลงทุนระยะสั้น ก็กลายเป็นเสาหลักในช่วงเวลาที่ตลาดมีความไม่แน่นอน

นายเอ็ดวิน ตัน กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปีนี้ DBS มีกำไรก่อนหักภาษีรวมทั้งสิ้น 3.44 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ขณะที่รายได้รวมแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 5.91 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน ROE อยู่ที่ 17.3% แม้จะรวมผลกระทบจากภาษีขั้นต่ำระดับโลกเข้ามาคำนวณแล้วก็ตาม

ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งถือเป็นหนึ่งในกลุ่มที่เติบโตโดดเด่น รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจ Wealth Management เพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 724 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งเป็นผลจากความต้องการลงทุนของลูกค้าที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในด้านผลิตภัณฑ์การลงทุนและแบงก์แอสชัวรันส์

นายเวย์ ฟุก โหว (Mr. Wey Fook Hou) Chief Investment Office, DBS Bank กล่าวว่า นโยบายในช่วง 100 วันแรกของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สร้างแรงสั่นสะเทือนทั่วโลก ตั้งแต่การลดงบประมาณของกระทรวงพลังงาน (DOGE) อย่างรุนแรง ไปจนถึงการจุดชนวนสงครามภาษีในระดับโลก แม้แนวทางดังกล่าวจะช่วยวางตำแหน่งใหม่ให้กับสหรัฐฯ ในเวทีระหว่างประเทศ แต่ความไม่ชัดเจนด้านนโยบายยังคงเป็นปัจจัยหลักที่กดดัน risk premium ของสินทรัพย์การเงินสหรัฐฯ ให้เพิ่มสูงขึ้นการผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ล่าสุด ยิ่งทำให้เกิดข้อกังวลเรื่องความยั่งยืนทางการคลังอย่างมีนัยสำคัญ

โดยข้อมูลจากสำนักงานงบประมาณรัฐสภาสหรัฐฯ (CBO) คาดการณ์ว่าขาดดุลงบประมาณจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ และหนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 118% ของ GDP ภายในปี 2035 การที่ Moody’s ปรับลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ ลงสู่ระดับ Aa1 จึงถือเป็นสัญญาณเชิงสัญลักษณ์ว่าสหรัฐฯ กำลังสูญเสียสถานะ “ปลอดความเสี่ยง” ของพันธบัตรรัฐบาล ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปีที่ทะลุ 5% สะท้อนความกังวลของนักลงทุนต่อเสถียรภาพทางการคลังที่กำลังลดลง

นายเวย์ ฟุก โหว มองว่า "Beautiful Tariff War" ของทรัมป์มีเป้าหมายสองประการ ได้แก่ การควบคุมอิทธิพลของจีนในเชิงยุทธศาสตร์ และการจัดเก็บรายได้เพิ่มเติมเพื่อลดปัญหาความเสี่ยงล้มละลายของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าแบบเหมารวมในอัตรา 20% รายได้สุทธิที่เพิ่มขึ้นหลังปรับผลกระทบทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่เพียง 185.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งยังไม่เพียงพอแม้แต่จะครอบคลุมดอกเบี้ยจากหนี้ภาครัฐ ข้อจำกัดทางการคลังเหล่านี้เป็นแรงผลักดันให้ DBS ปรับกลยุทธ์การลงทุนที่สำคัญ ดังนี้

คงน้ำหนัก “Neutral” ในตลาดหุ้น โดยคาดว่าผลตอบแทนจะแตกต่างกันไปตามภูมิภาค และกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ขณะที่กลุ่มบริการมีแนวโน้มเติบโตดีกว่ากลุ่มที่เน้นสินค้า

ปรับลดน้ำหนักพันธบัตรรัฐบาลในตลาดพัฒนาแล้ว (DM) สู่ระดับ “Neutral” จากความกังวลด้านการคลังและเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง พร้อมทั้งใช้กลยุทธ์ “บาร์เบล” สำหรับตราสารหนี้

ให้น้ำหนัก “Overweight” ต่อสินทรัพย์ทางเลือก โดยเฉพาะทองคำ (คาดการณ์เป้าหมายที่ USD3,765 ต่อออนซ์ ภายในไตรมาส 4 ปี 2025) และสินทรัพย์นอกตลาดที่สามารถสร้างรายได้ประจำ

โดยมองว่า 3 ธีมหลักที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางในไตรมาส 3 ปี 2025 ที่ครอบคลุมแนวโน้มการลงทุน ได้แก่ (1) การคลี่คลายความตึงเครียดทางภาษีอย่างเป็นรูปธรรม (2) ผลตอบแทนของตลาดหุ้นที่เริ่มแตกต่างกันชัดเจนระหว่างภูมิภาค และกลุ่มอุตสาหกรรม และ (3) ความเสี่ยงทางการคลังที่กดดันพันธบัตรรัฐบาลและค่าเงินดอลลาร์ แต่กลับเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำการที่สหรัฐฯ และจีนเร่งลดระดับความตึงเครียดทางการค้าอย่างกะทันหันสร้างความประหลาดใจให้กับตลาด โดยมีแรงผลักดันจากเหตุผลเชิงปฏิบัติ เนื่องจากภาษีนำเข้าในอัตราสูงถึง 145% เปรียบ เสมือนมาตรการคว่ำบาตรทางการค้าที่ส่งผลเสียต่อทั้งสองฝ่าย ในขณะเดียวกันสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับภาระการรีไฟแนนซ์ หนี้ภาครัฐกว่า 7.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ ประกอบกับกระแสนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เริ่มลดลงในประเทศ ส่งผลให้ทรัมป์หันมารับนโยบายก้าวหน้าในบางด้าน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ให้พรรครีพับลิกันในฐานะพรรคของชนชั้นแรงงาน ก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมในปี 2026

“โดยสรุปแล้ว ความไม่ชัดเจนด้านนโยบาย และการใช้จ่ายภาครัฐอย่างไร้ขีดจำกัดของสหรัฐฯ กำลังเพิ่มระดับความเสี่ยงในสินทรัพย์การเงินทั่วโลก แม้การคลี่คลายความตึงเครียดทางภาษี จะมีแนวโน้มขับเคลื่อนด้วยเหตุผลเชิงปฏิบัติ แต่นักลงทุนควรเตรียมรับมือกับผลตอบแทนที่แตกต่างกันมากขึ้น ระหว่างกลุ่มอุตสาหกรรม โดยกลุ่มเทคโนโลยี และบริการมีแนวโน้มเติบโตดีกว่ากลุ่มอื่นๆ กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงของเรา ยังคงให้น้ำหนัก "Overweight" ต่อสินทรัพย์ทางเลือก โดยเฉพาะทองคำและสินทรัพย์นอกตลาดที่สามารถสร้างรายได้ประจำ เพื่อเสริมความแข็งแรงของพอร์ตในยุคที่โลกเริ่มเปลี่ยนผ่าน จากการพึ่งพาสินทรัพย์การเงินของสหรัฐฯ นายเวย์ ฟุก โหว กล่าว”

สรุปการลงทุนสำหรับไตรมาส 3 ปี 2025
หุ้น DBS ยังคงมุมมองเชิงบวกอย่างมากต่อหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ จากแนวโน้มการเติบโตของ AI ที่ยังคงต่อเนื่อง ในระยะ 3 เดือนข้างหน้า เราแนะนําให้น้ำหนัก “Overweight” ในหุ้นยุโรปและเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) จากแรงสนับสนุนของนโยบายการคลัง อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่จูงใจ และมูลค่าที่ซื้อขายด้วยส่วนลดเมื่อเทียบกับตลาดพัฒนาแล้ว

เครดิต ความเสี่ยงจากภาวะ stagflation และความผันผวนของอัตราผลตอบแทนระยะยาวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เราให้น้ำหนักกับตราสารระดับ A/BBB และคงกลยุทธ์ “Duration Barbell” โดยเน้นช่วงอายุ 2-3 ปี และ 7-10 ปี นอกจากนี้ เรายังชื่นชอบพันธบัตรป้องกันเงินเฟ้อของสหรัฐฯ (TIPS), ตราสารทุนกึ่งหนี้ และตราสารหนี้คุณภาพดีที่มีอายุสั้น

อัตราดอกเบี้ย นักลงทุนที่จับตาความเสี่ยงด้านการคลัง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ท่ามกลางปัญหาการคลังที่รุนแรงขึ้น ขณะที่นักลงทุนมีแนวโน้มกระจายพอร์ตออกจากสินทรัพย์ดอลลาร์มากขึ้น กระแสเงินทุนเริ่มไหลเข้าสู่พันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นในเอเชีย

สกุลเงิน ทิศทางการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มต่อเนื่องจากความไม่เชื่อมั่นต่อนโยบายที่ขัดแย้งของรัฐบาลทรัมป์ โดยสกุลเงินปลอดภัยทางเลือกอื่น ๆ จะเป็นผู้รับประโยชน์หลักในช่วงนี้

สินทรัพย์ทางเลือก ทองคำยังคงมีแนวโน้มที่ดีจากแรงซื้อของธนาคารกลางทั่วโลก พร้อมทั้ง แนะนำเพิ่มน้ำหนักในกองทุนเฮดจ์ฟันด์, ตลาดรองของ Private Equity, ตราสารหนี้นอกตลาด และโครงสร้างพื้นฐานภาคเอกชน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น

Thematic focus ระเบียบโลกใหม่ (New World Order) DBS มองว่าธุรกิจหุ่นยนต์มนุษย์ (humanoids), ระบบอัตโนมัติภาคอุตสาหกรรม (industrial automation) และกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและอวกาศ (defence & aerospace) จะเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์หลักในโลกยุคใหม่ที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่การพึ่งพาตนเองและการปรับฐานการผลิตกลับสู่ภูมิลำเนา (reshoring)

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ใกล้1200 จุด By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้าวันนี้ ตลาดหุ้นไทย มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นใหญ่หลายตัว โดยเฉพาะหุ้นDELTA AOT .....

มัลติมีเดีย

MGT มั่นใจสร้างผลงานปี68 โตแกร่ง

MGT มั่นใจสร้างผลงานปี68 โตแกร่ง

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้