Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

157

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 15 ก.ค.68 ปิด +17.70 จุด อยู่ที่ 1,161.01 จุด มูลค่าการซื้อขาย 48,025 ลบ. ต่างชาติขาย 593 ลบ. สถาบันซื้อ 2,478 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 197 ลบ. และรายย่อยขาย 1,688 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 840 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น ADVANC,PTT,CPALL,KTC,TRUE และยอดขายหุ้น AOT,KBANK,CPN,DELTA,SCB มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,339 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ JAPAN10001,VGI,OR โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 7,500 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 126,126 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,382 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ -0.98%, S&P500 -0.40%, Nasdaq +0.18% ภาพรวมตลาดกดดันจาก CPI ที่สูงคาดแต่กลุ่มเทคฯมีแรงหนุนจาก NVDIA ส่วนตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.37% ตลาดยังคงกังวลกับประเด็นสหรัฐฯขู่จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากEUในอัตราสูง           
  • Market View
  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวลดลง หลังตัวเลข US CPI เดือนมิ.ย. +7%YoY (สูงกว่าคาดที่ +2.6%YoY) เทียบเดือนพ.ค.+2.4%YoY ส่วน US Core CPI เดือนมิ.ย. +2.9%YoY (ต่ำกว่าคาดที่ +3%YoY) เทียบเดือนพ.ค.+2.8%YoY โดยตลาดกังวลต่อมาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์จะสร้างแรงกดดันให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอีก และจะทำให้ Fed ต้องคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน ซึ่งจาก FedWatch Tool นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนก.ค. แต่ยังคาดว่าปีนี้จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. และเดือนธ.ค.อย่างไรก็ตามดัชนี Nasdaq ยังทำ new high ได้ต่อจากการปรับขึ้นของหุ้น Nvidia +4% หลังบริษัทประกาศว่าจะส่งชิป AI H20 ขายให้กับลูกค้าในจีนอีกครั้ง ขณะที่การรายงานกำไร 2Q68 ของ บจ.มีทั้งบวกและลบ โดยกำไรของ Citigroup, Wells Fargo, JPMorgan, Johnson & Johnson ดีกว่าคาด โดย FactSet คาดกำไรของ บจ.ใน S&P500 2Q68 +4.3%YoY ส่วน LSEG คาดกำไร บจ.ใน S&P500 2Q68 +5.8%YoY
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลดลง ดัชนี STOXX 600 -0.37% ถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มเฮลท์แคร์ โดยดัชนีกลุ่มธนาคารยุโรปลดลง 1% นำโดย Commerzbank, Banco BPM และ Societe Generale ส่วนหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวลง นำโดย Novo Nordisk ขณะที่กลุ่ม Tech อย่าง ASML ปรับขึ้นก่อนการรายงานกำไร 2Q68 ในวันนี้ ทั้งนี้นักลงทุนยังรอข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-สหภาพยุโรป (EU) รวมไปถึงประเมินข้อมูลเงินเฟ้อ และการรายงานกำไรของธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ
  • ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ -42% หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.+6.8%YoY ดีกว่าคาด แต่ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย. +4.8% ต่ำกว่าคาด ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ อย่างไรก็ตามการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนในช่วงเดือนม.ค.-มิ.ย. +2.8%YoY จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การผลิต และอุตสาหกรรมไฮเทค แต่ด้านอสังหาฯ ยังคงหดตัว ส่วนดัชนีฮั่งเส็ง +1.6% จากข่าว Nvidia จะกลับมาส่งออกชิป H20 ให้จีน และตอบรับตัวเลข GDP จีน 2Q68 ที่ออกมา +5.2%YoY ดีกว่าคาด เทียบ 1Q68 +5.4%YoY ด้านดัชนีนิกเกอิ +0.55% หนุนจากเงินเยนอ่อนค่า ดัชนี Kospi เกาหลีใต้ +0.41% นำโดยหุ้นกลุ่มเทคฯ ดัชนี Sensex อินเดียพุ่งหลัง CPI ต่ำสุดในรอบ 6 ปี
  • SET ปิด +1.55% ปริมาณการซื้อขาย 80 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 593 ลบ. สถาบันซื้อ 2,478 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 197 ลบ. และรายย่อยขาย 1,688 ลบ. ดัชนีฟื้นตัวได้ต่อเนื่องหนุนจาก กลุ่มการเงิน+4.31% จากนักลงทุนคาดมีโอกาสที่ดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะปรับลดในครึ่งปีหลังได้ผู้ว่าฯธปท.ท่านใหม่, กลุ่มขนส่ง +4.17% จาก AOT มีปัจจัยบวกตามข่าวรัฐเลื่อนการจัดเก็บภาษีเหยียบแผ่นดิน/ข่าวกองทุนสิงคโปร์เดินทางมาดูธุรกิจการบินในไทย, กลุ่มพาณิชย์ +3.61% ฟื้นตัวจาก P/E ในโซนไม่สูง และหากมีการลดดอกเบี้ยนโยบายจริง จะได้ประโยชน์จาก D/E ที่สูงกว่า SET นอกจากนี้ กลุ่มแบงค์ก็มีแรงขายน้อยลงหลัง TISCO รายงานกำไร 2Q68 ที่ 1.64  พันลบ. +0.01%QoQ, -6%YoY สูงกว่า Bloomberg Consensus +5%. โดย รายได้ดอกเบี้ยสุทธิหดตัว YoY ตาม NIM จากการลดดอกเบี้ยโครงการคุณสู้เราช่วยและตามธปท. สินเชื่อขยายตัว +1% QoQ (+0.6% YTD) ยังรักษา Cost to Income ได้ดี แต่คุณภาพสินทรัพย์อาจเสี่ยงเพิ่มขึ้นดูจาก ECL ที่เพิ่มขณะที่ NPL ขยับขึ้นที่ 2.5% จาก 2.4%ใน 1Q68  

Daily Strategy

  • ประเมินดัชนี SET ยังสามารถฟื้นตัวต่อได้จากความคาดหวังผลการเจรจาการค้าระหว่างกับสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดอินโดฯเป็นอีกหนึ่งประเทศที่บรรลุข้อตกลงทางด้านภาษี ได้อัตรา 19% (ลดลงจาก 32%) แลกกับภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ 0% รวมถึงการซื้อพลังงาน เครื่องบินและเปิดตลาดสินค้าเกษตร อย่างไรก็ตาม อาจเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นหลัง SET ปรับตัวขึ้น 3 วันทำการ +4.56% แนะนำทะยอยซื้อ หุ้นกลุ่ม China Play/ Earning Play 2Q68 / High Season 3Q68/นโยบายกระตุ้นจากภาครัฐฯ เช่น SCC, PTTGC, IVL, ADVANC, BDMS, CPALL, GULF, BCPG, ERW.
  • GULF* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 61.00 บาท) รายงานกำไรสุทธิ 1Q68 (งบก่อนควบรวม) 4 พันล้านบาท +YoY จากการเติบโตของโรงไฟฟ้า IPP ปลวกแดง และหินกอง COD ครบทุก unit เต็มไตรมาส ส่วนโรงไฟฟ้า Renew มี COD ใหม่ในโครงการ Solar+BESS เข้ามาเป็นไตรมาสแรก นอกจากนี้ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Wind GULF GUNKUL เพิ่มขึ้นตามกำลังลมที่แรง รับรู้กำไรจาก INTUCH เพิ่มขึ้นโดยหลักจากผลประกอบการของ ADVANC ที่ดี / สำหรับกำไร +QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลที่ IPP ผ่าน low season รวมถึงส่วนแบ่งกำไรทั้งจาก IPP wind และสื่อสารที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มกำไร 2Q68 คาดกำไรโตต่อ QoQ, YoY เป็น high season demand กำไรจาก ADVANC ก็ยังดี data center phase แรกเริ่มเปิดเดือน พ.ค.นี้ และรับเงินปันผลจาก KBANK ระยะถัดไปยังคงมีปัจจัยหนุนจากการควบรวมและตั้งบริษัทใหม่ ทำให้งบดุลแข็งแกร่งเพิ่มความสามารถในการลงทุนขยายธุรกิจใหม่ทางด้าน Data center และ AI Cloud Solutions)

KLINIQ (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 35.50 บาท) ประเมินกำไรสุทธิ 2Q68 อยู่ที่ 90ลบ. (+21%YoY , +6%QoQ) แม้มีปัจจัยลบจากการขยายสาขา 5 แห่งใน 2Q68 และปิด L.A.B.X 1 แห่ง(คาดรายการ impairment ราว -2 ลบ.) แต่คาดปัจจัยบวกมีน้ำหนักมากกว่าจากรายได้ +YoY +QoQ ส่วนช่วงที่เหลือปีนี้ 3Q68 คาด จะกดดันจากการเปิดสาขา 4 แห่งรวมถึงสาขาที่เปิดใน 2Q68 ยังไม่ Breakeven แต่ YoYยังจะเห็นกำไรเป็นบวกได้ต่อ ขณะที่ข้ามไป 4Q68 คาดว่าจะมีการเปิดสาขาใหม่แห่งเดียว และรายได้จากสาขาใหม่ดีขึ้นจาก 3Q68 ส่งผลให้เราคาดว่า 4Q68 จะเป็นจุดสูงสุดของปี ปัจจุบัน เราคาดกำไรสุทธิ ปี68 และ ปี69 ของ KLINIQ ที่  371  ลบ.( +15%YoY)  และ 448 ลบ.(+20%YoY)

 

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ส.ค.-0.46$ อยู่ที่ $66.52 / บาร์เรล, Brent ก.ย. -0.50$ อยู่ที่ $68.71/บาร์เรล แม้ว่าจะมีประเด็นจาก ปธน.ทรัมป์ประกาศให้เวลารัสเซีย 50 วันในการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนก่อนที่จะคว่ำบาตรประเทศที่นำเข้าน้ำมันรัสเซีย แต่ตลาดคาดว่ายังมีเวลาเหลือ และมีโอกาสที่ทรัมป์อาจจะไม่ทำตามคำกล่าว

 

Gold Update(-) Comex Gold ส.ค.-22.4$ อยู่ที่ $3,336.70 /ออนซ์ เคลื่อนไหวผกผันกับ Dollar Index ที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่ตัวเลข CPI สหรัฐฯที่สูงกว่าคาดอาจส่งผลให้การตัดสินใจลดดอกเบี้ยของเฟดถูกชะลอออกไป

 

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -44.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ขายหุ้นอินโดฯ -20.15 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -18.19 ล.ดอลลาร์สหรัฐ  และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -5.68 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 32.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 4.4793 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +83 จุด อยู่ที่ 1,866

(-) BitCoin เช้านี้ +0.14% อยู่ที่ 117,839 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

16 ก.ค.     ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

31 ก.ค.     ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน

ยานยนต์

กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ        

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม

 

ต่างประเทศ

15 ก.ค.     CN ดัชนีจีดีพี (GDP) ของจีน (ไตรมาส 2)

                US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (มิ.ย.)

16 ก.ค.     US ดัชนีผู้ผลิต (PPI) (มิ.ย.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

17 ก.ค.     EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (มิ.ย.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

US ดัชนียอดขายปลีก (มิ.ย.)

US            ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย ( ก.ค.)

 

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ขาลง,  และ/หรือ สามารถรับจากความเสี่ยง Trade War ได้  

 

(1) กลุ่มการเงิน Leasing รับแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในประเทศลดลง NCAP*, S11*, SINGER* ,SGC* ,THANI*

 

(2) กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า หุ้น defensive ได้ประโยชน์จาก Bond yield ที่ปรับลดลง ธุรกิจหลักมีการเติบโตสอดคล้องเศรษฐกิจใหม่ ADVANC ,TRUE ,GULF*, GPSC*, BCPG

 

(3) กลุ่มเกษตรได้ประโยชน์จากราคาสุกรในประเทศที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การส่งออกไก่ไปต่างประเทศยังทำได้ดี CPF, BTG* ,TFG* ,FM* ,GFPT

 

(4) กลุ่ม China Play คาดความดึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ยังมีความผันผวนแต่หุ้นที่เกี่ยวข้องมี valuation ที่ปรับตัวลงมาต่ำมากแล้ว น่ากลับไปหาจังหวะเก็งกำไร SCC* ,SCGP* ,PTTGC

 

(5) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*,SIS*

 

(6) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC ,OKJ*, NSL*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio May 2025: MONO*, PR9*, IVL*,PTTGC*,GULF*, TIDLOR*

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ใกล้1200 จุด By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้าวันนี้ ตลาดหุ้นไทย มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นใหญ่หลายตัว โดยเฉพาะหุ้นDELTA AOT .....

มัลติมีเดีย

MGT มั่นใจสร้างผลงานปี68 โตแกร่ง

MGT มั่นใจสร้างผลงานปี68 โตแกร่ง

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้