Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

140

 

 

ภาพตลาดและแนวโน้ม


Sentiment Tracker

เครื่องมือชี้วัดด้าน Sentiment ส่งสัญญาณมิกซ์

แม้ว่าความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะเป็นประเด็นหลักที่ตลาดสนใจในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯกลับปรับขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ทำไว้เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้อีกครั้ง หนุนจากหุ้นเทคโนโลยีโดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI โดยล่าสุด Nvidia กลายเป็นบริษัทมหาชนรายแรกที่มีมูลค่าตลาดแตะ 4 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วนเครื่องมือชี้วัดด้าน Sentiment ส่งสัญญาณมิกซ์


ดัชนี CNN Fear & Greed ปรับตัวขึ้นจากระดับ 74 คะแนนในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 75 คะแนนในปัจจุบัน ซึ่งเข้าสู่โซน Extreme Greed แล้ว อย่างไรก็ตามองค์ประกอบด้าน Put/Call Option Ratio อยู่ที่ระดับ 0.63ซึ่งใกล้ระดับต่ำสุดที่เคยทำไว้ในเดือน ก.พ. โดยในตอนนั้นดัชนี S&P500 เคยขึ้นไปแตะ 6144 จุด ก่อนที่จะปรับฐานพร้อมกับการดีดตัวของ Put/Call Ratio จากสถานการณ์เช่นนี้จึงอาจทำให้ดัชนี S&P500 อ่อนไหวต่อข่าวลบมากขึ้นในระยะสั้น โดยเฉพาะหากบริษัทรายงานตัวเลขผลประกอบการต่ำกว่าคาดในช่วงฤดูประกาศงบที่กำลังจะเริ่มขึ้น

ขณะที่ผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนของ AAII ชี้ถึงมุมมองเชิงลบของนักลงทุนต่อแนวโน้มตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยมุมมอง Bearish ของนักลงทุนต่อแนวโน้มตลาดในช่วง 6 เดือนข้างหน้าปรับเพิ่มขึ้น 2.5% เป็น 35.6% (และยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 31.0%) ส่วนมุมมอง Bullish ปรับตัวลดลง 3.6% เป็น 41.4% (แต่ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 37.5%) ส่วนนักลงทุนที่มีมุมมอง Neutral เพิ่มขึ้น 1.1% มาอยู่ที่ 23.0% ส่งผลให้ Bull-Bear Spread ปรับลดลง 6.1% สู่ระดับ 5.8% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 6.5% ส่วนผลสำรวจพิเศษของ AAII ในสัปดาห์นี้ สอบถามเกี่ยวกับผลตอบแทนของตลาดหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน เทียบกับที่คาดไว้เมื่อต้นปี 2025 พบว่า 55% ของผู้ตอบแบบสอบถามตอบว่าดีกว่าคาด ขณะที่ 32% ตอบว่าเท่ากับที่คาด ส่วน 10% ตอบว่าแย่กว่าที่คาด และ 2.8% ไม่แน่ใจหรืออื่นๆ


โมเมนตัมการปรับขึ้นของตลาดหุ้นไทยเริ่มชะลอลงหลังจากฟื้นตัวได้ดีในช่วงสองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ โดย BLS Greed & Fear Barometer ยังคงอยู่ในโซน Fear มาตรวัดขยับขึ้นเล็กน้อยจาก 20 เป็น 22 คะแนน สัญญาณที่ดีขึ้น ได้แก่ ดัชนี Volume Index ที่ฟื้นตัวจากโซน Oversold ดัชนี Momentum Strength ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สามจากระดับต่ำสุดเดิมที่เคยทำไว้ในเดือน มี.ค. 2025 และ Market Breadth ที่เริ่มฟื้นตัว อย่างไรก็ตามดัชนี Bull-to-Bear ได้กลับมาปรับลงอีกครั้ง ทำให้การฟื้นตัวของมาตรวัด BLS Greed & Fear Barometer เป็นไปอย่างจำกัด และสะท้อนถึง Sentiment โดยรวมของตลาดที่เปราะบาง เนื่องจากการรีบาวด์ของดัชนี Bull-to-Bear นั้นไม่ต่อเนื่อง โดยแกว่งอยู่ในโซนต่ำกว่า Mid-range และไม่สามารถฟื้นตัวเหนือระดับดังกล่าวตลอดช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา

สรุปภาพตลาดวานนี้
ตลาดย่อมาแนวรับเมื่อพุธที่แล้ว โดยมีข้อสังเกตุว่าการขึ้น-ลง มีเสถียรภาพมากขึ้น ไม่เหวี่ยงแรงผิดปกติ (อาจจะเพราะหลังจากการคุม HFT เมื่อ 1 ก.ค.) สำหรับ หุ้นลบ DELTA TRUE CPALL CPAXT TLI CRC เป็นต้น ขณะที่หุ้นด้านบวก BEM-BTS (อานิสงค์จากมาตรการ 20 บาทตลอดสาย) TOA WHA RCL


แนวโน้มตลาดวันนี้
รีบาวด์
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยเป็นตามคาด คือแกว่งในกรอบ 1,110-1,150 จุด แม้ระหว่างทางจะมีแรงขายสลับเข้ามาบ้าง จากความเสี่ยงไทยโดนสหรัฐฯตั้งกำแพงภาษี 36% เริ่ม 1 ส.ค.นี้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้หุ้นไทยหลุดกรอบที่เราประเมิน

เรายังเชื่อว่าหุ้นไทย “รายตัว” จะไม่ลงลึกไปกว่าช่วงปลายเดือนที่แล้ว เพียงเพราะ ปัจจัยลบมหภาค แต่ให้น้ำหนักกับ “Earnings (Upward) revision” หรือแนวโน้มของการปรับประมาณการณ์กำไร(ขึ้น/ลง) และ การปรับ(เพิ่ม/ลด)คำแนะนำหุ้นรายตัวจากนี้ไป...

เป็นปัจจัยหลักที่จะมีอิทธิพลต่อราคาหุ้น มากกว่าปัจจัยมหภาค ที่เป็นภาพ Top down ลงมา โดยหุ้นเด่นที่เราเริ่มเห็น แววงบดีขึ้น ได้แก่ ส่งออกอาหาร, พื้นที่เช่าในห้าง, เครื่องดื่ม, รพ. และ หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ / ตรงข้ามกลุ่มที่เราอัพเดทตัวแปรแล้ว ยังไม่เห็นแนวโน้มทีดี ได้แก่ ค้าปลีก ค้าวัสดุ (SSSG ยังแย่สะท้อนการบริโภคในประเทศหดตัว), ธนาคาร, สินเชื่อ, อสังหาฯ

กลยุทธ์การลงทุน กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ ถือหุ้นปันผล เริ่มสะสมหุ้นต้นรอบ ดักงบการเงินไตรมาส 2 และปันผลระหว่างกาล

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET ลงแบบซึมๆ วอลุ่มเบาบาง กำลังทดสอบโซนรับที่ให้ไว้ 1,110 จุด มองยังไม่แย่ครับ โดยคาดว่าดัขนีอยู่ในคลี่น 4 ภายหลังจบคลื่น 3 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีเงื่อนไขห้ามหลุดโซนรับที่ 1,110 จุด (ปิดพอดีเป๊ะ) ขอลุ้นโอกาสยืดขึ้นต่อเป็นคลื่น 5 ซึ่งจะมีแนวต้านที่ 1,155 ดูเหมือนหลังพิงเชือก ในทางตรงกันข้าม ถ้ามองผิดอาจจะต้องกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ที่ 1,080-1,110 จุด
สรุป: ตลาดลงแต่ยังไม่หลุดเทรนด์ ขอลุ้นปิดเขียวส่งท้ายสัปดาห์
ไฮไลท์วันนี้: หุ้นเรือ...ฝ่าวงล้อม!/ CPN มีอะไรเด่น! ซ่อนอยู่ + รีวิวหุ้นในพอร์ต ไปติดตามรายละเอียดกันครับ (อ่านต่อหน้า 10)

What to watch
เฟด เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 17-18 มิ.ย.ในวันพุธ คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยปรับลดลงครั้งละ 0.25% รวม 0.50%
ทรัมป์เคาะแล้ว ภาษีนำเข้าทองแดง 50% มีผล 1 ส.ค.ราคาทองแดงฟิวเจอร์ในตลาดสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 2.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากวันอังคารที่ทะยานขึ้น 13.12% ทำสถิติพุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นประวัติการณ์
ช่วงเดือน สิงหาคม 2568 จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิ์ค่าโดยสาร 20 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน ทางรัฐ และภายใน 1 ตุลาคม 2568 จะเริ่มดำเนินมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า สูงสุด 20 บาทตลอดสายตามนโยบายรัฐบาล
ทรัมป์สั่งเก็บภาษีบราซิล 50% เริ่ม 1 ส.ค. รวมรีดภาษีในวันเดียว 8 ประเทศโดยจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 30% จากแอลจีเรีย อิรัก ลิเบีย และศรีลังกาเรียกเก็บภาษี 25% จากบรูไนและมัลโดวา และเรียกเก็บภาษี 20% จากฟิลิปปินส์

หุ้นแนะนำวันนี้
CBG อิงตามรายงานพื้นฐาน BLS Research ที่ปรับคำแนะนำขึ้น ก่อนหน้านี้ ขณะที่ประเด็นการค้าชายแดน มีแต่จะบวกมากหรือบวกน้อย (Low Downside risk) แนวรับ 53 ต้าน 55 Stop loss 50


รายงานพื้นฐานวันนี้

Thai Market Strategy
All Season Dividend Portfolio | สร้างพอร์ตปันผล 4 ฤดูรับกระแสเงินสดตลอดปี (Data-Driven Cash Machine)
เราเห็นโอกาสลงทุนในหุ้นปันผลครั้งสำคัญหลัง Dividend yield gap เทียบ Govt-bond yield 3 ปี ทำจุดสูงสุดในรอบ 5 ปี คาดจะเป็นจังหวะในการสร้างพอร์ตปันผลระยะยาว (All Season Dividend Portfolio) เพื่อเน้นกระแสเงินสด/รายได้ประจำ ”ทุกไตรมาส” (Passive Income Portfolio) โดยคาดจ่ายปันผลถึง 8 จาก 12 เดือนต่อปี
ในการสร้างพอร์ต เราคัดหุ้นจาก 4 criteria ได้แก่ 1) คาดจ่ายเงินปันผลสูงมากกว่า 3% สำหรับปี 2025-26, 2) ปันผลสูงสม่ำเสมอตลอด 3 ปีที่ผ่านมา, 3) ปันผลเท่าเดิม/เพิ่มขึ้นทุกปี, และความเสี่ยงกำไรต่ำ ไม่เห็นการปรับประมาณการณ์กำไรลงแรงในช่วงที่ผ่านมา (โดนปรับลงไม่เกิน 6% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา) จะได้หุ้น 14 บริษัทซึ่งคาดจะจ่ายตลอดทั้งปี
ไตรมาส 1 (Top Spring Picks) เช่น PTTEP (ผลตอบแทนปันผลเฉลี่ยต่อครั้งย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 3.5% อิงราคาก่อนวัน XD 1 วัน), PTT (3.3%), CPN (2.9%)
ไตรมาส 2 (Top Summer Yield) เช่น TISCO (6.4%), SCB (6.2%), KTB (5.3%)
ไตรมาส 3 (Top Autumn Income) เช่น ADVANC (1.8%), HMPRO (1.4%), BBL (1.2%)
ไตรมาส 4 (Top Winter Cash Flow) เช่น TTB (2.6%), WHAUP (1.4%) เป็นต้น
ผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีของพอร์ต All Season Dividend อยู่ราว 4.8% ต่อปี และคาดให้ผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยราว 6.3-6.6% ในปี 2025-26
Interim Dividend: ในชุดหุ้นปันผลพื้นฐานดี 14 ในพอร์ต All Season Dividend หุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลระหว่างกาลสูง ได้แก่ ADVANC (ราว 2.0%), BDMS (ราว 1.9%), BBL (ราว 1.4%)

 

SCC
ปูนซิเมนต์ไทย
ไม้นี้ต้องเคาะ! โอกาสสะสมช่วง 3Q25
เราคาดกำไรหลัก 2Q25 อยู่ที่ 2.86 พันล้านบาท ลดลง 30% YoY แต่เพิ่มขึ้น 141% QoQ โดยธุรกิจเคมีคาดว่ากำไรจะลดลง YoY จากต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ฟื้นตัว QoQ จากปริมาณขายที่เพิ่มและ Spread ที่ดีขึ้น ขณะที่ CBM และ Packaging คาดว่าจะมีกำไรดีขึ้น QoQ ตามฤดูกาลและราคาขาย อีกทั้ง SCC มีโอกาสรับรู้กำไรพิเศษจากการขายหุ้น CAP (PT Chandra Asri Pacific Tbk) ซึ่งยังไม่รวมในประมาณการ
จากการวิเคราะห์โดยอิง Data Driven (ออกรายงานไปเมื่อ 27 มิ.ย.) เรามองว่าตลาดปิโตรเคมีฯ จะเริ่มฟื้นใน 4Q25 ดังนั้นช่วง 3Q25 คือ จังหวะสะสมหุ้นในกลุ่มนี้ โดย SCC มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเคมีราว 40% จึงได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวในรอบนี้ ขณะเดียวกันยังมีจุดแข็งจากการเป็นผู้เล่นระดับภูมิภาคที่มีฐานการผลิตใน ASEAN ทำให้ได้รับผลกระทบจำกัดจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
Fundamental view: เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 ขึ้น 42% เป็น 6.86 พันล้านบาท และกำไรระยะยาวขึ้น 8% จึงปรับราคาเป้าหมายปี 2025 ขึ้นเป็น 200 บาท (จากเดิม 135 บาท) อิง DCF ใช้ WACC ที่ 8.5% เราอัปเกรดคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จาก “ขาย”

 

CPF
เจริญโภคภัณฑ์อาหาร
คาดกำไร 2Q25 เป็นจุดสูงสุด...
คาดกำไรหลัก 2Q25 แตะ 9.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 5.8 พันล้านบาทใน 2Q24 และ 8.5 พันล้านบาทใน 1Q25 จากราคาสุกรและไก่ที่เพิ่มขึ้นในไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และรัสเซีย ประกอบกับต้นทุนอาหารสัตว์และต้นทุนการผลิตที่ลดลง ส่งผลให้ GM ขยายตัวเป็น 20% จาก 15.4% ใน 2Q24 แม้รายได้จากบริษัทร่วม (CPALL, CTI) ลดลง YoY
แนวโน้ม 3Q25 คาดเริ่มชะลอตามฤดูกาล โดยราคาหมูในไทยเริ่มลดลงจากจุดสูงสุดช่วงต้น พ.ค. ที่ 89 บาท/กก. เหลือราว 78 บาท/กก. แม้ CPF ได้เปรียบด้านต้นทุนและประสิทธิภาพการผลิต แต่เราคาดว่าผลประกอบการ 2H25 จะยังดีขึ้น YoY แต่ชะลอ HoH
Fundamental view: แม้เราปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 2025 ขึ้น 8% (จากกำไรที่จะออกมาดี) แต่ปรับลดราคาเป้าหมายสิ้นปี 2025 เหลือ 24 บาท (จากเดิม 26 บาท) เพื่อสะท้อนมูลค่า CPALL และ CPAXT ที่เราปรับลดลงไปก่อนหน้า กลยุทธ์การลงทุน สำหรับนักลงทุนระยะยาว เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
แต่แนะนำ “ทยอยขายทำกำไร” สำหรับนักเก็งกำไรระยะสั้น จากการที่ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยบวกไปมากแล้ว และการเข้าสู่ช่วงปลายวัฏจักรขาขึ้นของ margin ในกลุ่มปศุสัตว์

 

สรุปประเด็นจาก Quick take

GULF
กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี
ดีเวลลอปเมนท์
เข้าลงทุนในโครงการหมุนเวียน
GULF เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนรวม 11 โครงการ รวม 746.6MWประกอบด้วย Solar 4 โครงการ 244.6MW, Solar + storage 2 โครงการ 126MW, Wind 5 โครงการ 376MW
View from fundamental: เราคาดว่าการลงทุนดังกล่าวจะหนุนกำไรระยะยาว 1–2% และเป็น upside ต่อราคาเป้าหมายราว 0.24 บาท

 

 

 

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

บิ๊กแคป ป๋าดัน By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ หุ้นไทยวันศุกร์ มีความสดใส ตามเซนติเมนต์หุ้นนอก ผสานหุ้นใหญ่บิ๊กแคป ....

เลือกตัวเล่น By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง วันนี้ นักลงทุน คงเลือกตัวเล่น ตัวหุ้นที่จะเข้าไปเก็งกำไร ตลาดหุ้นรอบนี้ ต้องกล้าเสี่ยง....

มัลติมีเดีย

CRD ครึ่งปีหลัง68 เร่งเครื่องสร้างผลงาน ชูBacklog กว่า700 ลบ. #งานmaiforum2025

CRD ครึ่งปีหลัง68 เร่งเครื่องสร้างผลงาน ชูBacklog กว่า700 ลบ. #งานmaiforum2025

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้