Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

81

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 8 ก.ค.68 ปิด -7.35 จุด อยู่ที่ 1,115.65 จุด มูลค่าการซื้อขาย 29,535 ลบ. ต่างชาติซื้อ 162 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 114 ลบ. รายย่อยซื้อ 1,388 ลบ. และสถาบันขาย 1,663 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 654 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น KBANK,SCB,WHA,ADVANC,KTC และยอดขายหุ้น CPALL,BDMS,AOT,GULF,CPN มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,262 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TISCO,CPAXT,SIRI โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 9,596 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 106,988 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,910 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ Down Jones -0.37%, S&P500 -0.07%, Nasdaq +0.03% จากแรงขายกลุ่มสินค้าอุปโภค -1.09%, สาธารณูปโภค -1.07% ส่วนกลุ่มพลังงาน +2.72%, วัสดุ +0.53% หลัง ปธน.ทรัมป์เผยจะไม่ขยายเส้นตายการเจรจาการค้าในวันที่ 1 ส.ค. ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.41% ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน +1.1%, บริการสุขภาพ +0.8% รอผลการเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างสหภาพยุโรป & สหรัฐ           
  • Market View
  • ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปิดทรงตัว หลัง ปธน.ทรัมป์เผยใน Truth Social ว่าจะยังไม่ขยายเส้นตายการเจรจาการค้าในวันที่ 1 ส.ค. ขณะที่ประเทศคู่ค้าหลัก ๆ เช่น ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, สหภาพยุโรป ยังไม่บรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ โดยระหว่างนี้สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีรายอุตสาหกรรม เช่น การนำเข้าทองแดงในอัตรา 50% และยาในอัตรา 200% ซึ่งหากไม่ต้องการจะเสียภาษีก็ต้องย้ายฐานการผลิตมาในสหรัฐ ทางด้านข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตาม Fed Minutes มิ.ย. เพื่อประเมินมุมมองการลดดอกเบี้ยของเฟด
  • ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ +0.41% สูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน และบริการสุขภาพ นำโดย Novo Nordisk บริษัทยาของเดนมาร์ก +2% หลังสหรัฐได้อาจเส้นตายการเจรจาการค้าออกไปในวันที่ 1 ส.ค. และทาง EU รอประเมินความเป็นไปได้ ที่สหรัฐจะยกเว้นอัตราภาษีพื้นฐานที่ 10% ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ยอดส่งออกเยอรมัน พ.ค. -1.4% & คาด -0.2% MoM เป็นผลจากยอดส่งออกไปสหรัฐ -7.7%
  • ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ +0.26% ได้แรงหนุนกลุ่มยานยนต์ ที่ได้ประโยชน์ค่าเงินเยนอ่อนค่า ขณะที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรญี่ปุ่นในอัตรา 25% ซึ่งน้อยกว่าที่ ปธน.ทรัมป์ขู่จะเก็บที่ในอัตรา 30 – 35% หากไม่สามารถตกลงกันได้ก่อนวันที่ 1 ส.ค. ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.70% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี นำโดย Foxconn Industrial +10% ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวันนี้ติดตาม CPI จีน มิ.ย. คาด -0.1% YoY, PPI จีน มิ.ย. คาด -3.2% YoY / วันเสาร์ ตัวเลขส่งออก – นำเข้าจีน มิ.ย.
  • SET -0.65% ปริมาณการซื้อขาย 95 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 162 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 114 ลบ. รายย่อยซื้อ 1,388 ลบ. และสถาบันขาย 1,663 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงชายหุ้นกลุ่ม Global Play เช่น ปิโตรเคมี, อิเล็กทรอนิกส์, ยานยนต์, นิคมอุตสาหกรรม และเกษตร ซึ่งเป็นกลุ่มที่คาดจะได้รับผลกระทบด้านลบ หากไทยถูกสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่ 36% ซึ่งสูงกว่าประเทศคู่แข่งในอาเซียน ซึงเบื้องต้นทางสภา ฯ อุตสาหกรรมคาดอาจมีผลเสียหายทางการค้าราว 8 – 9 แสน ลบ. อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคาดหวังเชิงบวก ต่อทีมเจรจาของไทยว่าจะสามารถลดอัตราภาษีดังกล่าวลงมาในระดับที่แข่งขันได้ก่อนเส้นตายในวันที่ 1 ส.ค. ส่วนผลการประชุม ครม.วานนี้ได้ถอนวาระ Entertainment Complex ออกไป ส่งผลให้แรงกดดันจากปัจจัยการเมืองลดลง และ ครม.ได้อนุมัติโครงการถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสายที่จะเริ่มในวันที่ 1 ต.ค. โดยเปิดรับลงทะเบียนใน ส.ค. นี้ ซึ่งส่งผลบวกต่อหุ้น BTS – BEM จากปริมาณผู้โดยสารที่จะสูงขึ้น  

Daily Strategy

  • ประเมินดัชนี SET เคลือนไหวในกรอบแนวรับ 1,105 – 1,110 แนวต้าน 1,120 – 1,130 ระหว่างรอการเจรจาลดภาษีศุลกากรจากระดับ 36% ให้ลดลงมาใกล้กับประเทศคู่แข่งในอาเซียน แนะนำทยอยซื้อกลุ่ม Big Cap.มีปัจจัยพื้นฐานดี & เงินปันผลสูง เช่น ADVANC,CPALL,CPAXT,KTB/ กลุ่มปลอดภัย เช่น GULF,BCPG,CKP/เก็งกำไร BTS, BEM ได้ประโยชน์จากโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย .
  • AAV (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 65 บาท) แม้แนวโน้ม 2Q68 ผลการดำเนินงานปกติจะอ่อนตัวลง QoQ เนื่องจาก Low season การท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามจะยังดีขึ้น YoY ที่เป็นฐานต่ำ โดยจำนวนผู้โดยสารในประเทศยังแข็งแกร่งและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงที่ต่ำกว่าปีก่อน ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าเทียบกับสิ้นไตรมาสก่อน ทำให้มีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ราว 400-500 ล้านบาท ขณะที่มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐช่วยลดผลกระทบช่วง Low season และคาด นทท. ต่างชาติมีโอกาสกลับมามีลุ้นฟื้นตัว MoM ได้ในเดือน ก.ค.

KCG* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 11.17 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 อยู่ที่ 122 ลบ.(+71%YoY, -25%QoQ) อ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่ YoY โตได้หนุนจากสินค้ากลุ่ม Food and Bakery Ingredient ด้าน KCG* เอง วางเป้ารายได้ปี68นี้ +High Single Digit%YoY ปัจจัยขับเคลื่อนหลักจะมาจากสินค้าใหม่ๆ การหาตัวแทนกระจายสินค้าเพิ่มเติม และการให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์ ขณะที่ในส่วนของต้นทุนค่าใช้จ่ายคาดว่าจะได้ประโยชน์จาก Solar Roof รวมถึงการเปิดใช้งาน KCG Logistic Park ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิ KCG* ปี68 และ69 จะอยู่ที่ 458 ลบ.(+13%YoY) และ 517 ลบ.(+13%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI ส.ค.+$0.40 อยู่ที่ $68.33 / บาร์เรล, Brent ก.ย. +0.57 อยู่ที่ $70.15/บาร์เรล หลัง EIA เผยการผลิตน้ำมันในสหรัฐปี 68 คาดที่ 13.37 ล.บาร์เรล/วัน ลดลงจากคาดการณ์ที่ 13.42 ล.บาร์เรล/วัน กอปรเกิดเหตุกลุ่มฮูตีโจมตีเรือบรรทุกสินค้าของไลบีเรียด้วยโดรนและเรือเร็วบริเวณนอกชายฝั่งเยเมน

 

Gold Update(-) Comex Gold ส.ค.-$25.90 อยู่ที่ $3,316.90 /ออนซ์ ถูกกดดันจาก US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ และ Dollar Index แข็งค่า +0.1%   

 

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -58.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +4.97 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -60.26 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -2.97 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าอยู่ที่ 32.59 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.409 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -5 อยู่ที่ 1,431

(+) BitCoin เช้านี้ +1.14% อยู่ที่ 108,935 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

07 ก.ค.     กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า

                ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์

09 ก.ค.     รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ฉบับย่อ     

สัปดาห์ที2 สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ

อัพเดตสถานการณ์ลงทุน 

                ม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่น

หอการค้าไทย

 

 

ต่างประเทศ

09 ก.ค.     CN ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (มิ.ย.) 

                CN ดัชนีผู้ผลิต (PPI) (มิ.ย.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

10 ก.ค.     US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

 

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ขาลง,  และ/หรือ สามารถรับจากความเสี่ยง Trade War ได้  

 

(1) กลุ่มการเงิน Leasing รับแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในประเทศลดลง NCAP*, S11*, SINGER* ,SGC* ,THANI*

 

(2) กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า หุ้น defensive ได้ประโยชน์จาก Bond yield ที่ปรับลดลง ธุรกิจหลักมีการเติบโตสอดคล้องเศรษฐกิจใหม่ ADVANC ,TRUE ,GULF*, GPSC*, BCPG

 

(3) กลุ่มเกษตรได้ประโยชน์จากราคาสุกรในประเทศที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การส่งออกไก่ไปต่างประเทศยังทำได้ดี CPF, BTG* ,TFG* ,FM* ,GFPT

 

(4) กลุ่ม China Play คาดความดึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ยังมีความผันผวนแต่หุ้นที่เกี่ยวข้องมี valuation ที่ปรับตัวลงมาต่ำมากแล้ว น่ากลับไปหาจังหวะเก็งกำไร SCC* ,SCGP* ,PTTGC

 

(5) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*,SIS*

 

(6) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC ,OKJ*, NSL*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio May 2025: MONO*, PR9*, IVL*,PTTGC*,GULF*

 

 

 

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้