Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

390



แรงกดเบาลง แต่ทางข้างหน้าก็ต้องดูให้ดี
TOP PICK ERW / BCH / CK


EXTERNAL FACTOR
• ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.68มากกว่าคาด และเดือนก่อนหน้า ส่วนอัตราว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.1% สวนทางตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% หนุน FED คงดอกเบี้ยนานขึ้น BOND YIELD USดีดตัวแรง
• FEDWATCH TOOL นักลงทุนให้น้ำหนัก 93.3% ที่ FED จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ4.25-4.50% ในการประชุมเดือนก.ค.68 (เพิ่มขึ้นจาก 76% ในวันก่อนหน้า) และให้น้ำหนัก 68% ที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย.68 (ซึ่งลดลงจากระดับ 74%)

 

INTERNAL FACTOR
• สัปดาห์นี้(WTD) เป็นสัปดาห์ที่ SET INDEX ปรับตัวขึ้นแรงสุดในปีนี้ +4.1% โดยเป็นแรงหนุนจากสถาบันในประเทศเป็นหลัก 3.8 พันล้านบาท ซึ่งปัจจัยนอกและในประเทศในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาเป็นตัวกดดัน
• สัปดาห์หน้าเตรียมรับรู้ตัวเลข TARIFF จาก TRUMP ซึ่งทางฝั่งไทย ต้องติดตามว่าอัตราภาษีจะอยู่ในระดับใด ซึ่งฝ่ายวิจัยฯคาดว่าอยู่ในกรอบ 15-25%(คล้ายคลึงเวียดนาม) ตามข้อต่อรองต่างๆที่มีต่อสินค้าสหรัฐฯ ดังนั้นจึงแนะนำมีเงินสดติดพอร์ตการลงทุนราว 5-10%

 


INVESTMENT STRATEGY
• ตลาดหุ้นทยอยฟื้นจากบ่วง 4 สงคราม : ตะวันออกกลาง, ภาษีตอบโต้, เขมร, การเมือง ที่เบาลง หนุนให้ SETกราฟปิดเขียว ถึง 8ใน 9วันทำการที่ผ่านมา หรือบวกมา 5% –6% ขณะที่ประเด็นการเมือง แม้ยังไม่ชัด แต่เห็นแนวโน้มกลับมาเดินเข้าสู่ระบบตามกลไกสภามากขึ้น
• ภาวะแบบนี้ ฝ่ายวิจัยทำการค้นหากลุ่มหุ้นที่ยังอยู่ในโซน LAGGARD และมี MOMENTUM ขยับขึ้น อย่าง กลุ่มขนส่ง AOT, BTS, BEM กลุ่มอสังหาฯ CPN, AP, SIRI, SC กลุ่มท่องเที่ยว ERW CENTEL กลุ่มค้าปลีกDOHOME, CPAXT, CRC กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BCH กลุ่มการเงิน KTC, MTC


ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่ง หนุน FED คงดอกเบี้ยนานขึ้น BOND YIELD US ดีดตัวแรง
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นแรงราว 0.8-1.0% DOLLAR INDEX และ BOND YIELD สหรัฐฯช่วงอายุ2-10 ปีปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น หนุนเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงสหรัฐฯชัดเจน จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่ง ทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.68 มากกว่าคาด และเดือนก่อนหน้า ส่วนอัตราว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.1% สวนทางตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.3%


ประเด็นดังกล่าว ส่งผลต่อ MOVEMENT ดอกเบี้ยทันที โดยอ้างอิงจาก FEDWATCH TOOL นักลงทุนให้น้ำหนัก93.3% ที่ FED จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนก.ค.68(เพิ่มขึ้นจาก 76% ในวันก่อนหน้า) และให้น้ำหนัก 68% ที่FED จะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย.68(ซึ่งลดลงจากระดับ 74%)ซึ่งน่าจะหนุนให้ SET INDEX เช้านี้เปิดเขียวสดใสได้ในช่วงก่อนวันหยุดสุดสัปดาห


อย่างไรก็ตามระยะถัดไปนักลงทุนยังมีความกังวลจาก ความคืบหน้าเกี่ยวกับร่างกฎหมาย "ONE BIG BEAUTIFULBILL" หรือร่างกฎหมายปรับลดภาษีและเพิ่มการใช้จ่ายขนาดใหญ่ของ TRUMP ที่ล่าสุดสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว 218 ต่อ 214 เสียง ซึ่งหลังจากนี้คือเตรียมให้ทรัมป์เซ็นวันศุกร์นี้โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะทำให้หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีก 3.4 ล้านล้านเหรียญฯ จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 36.2 ล้านล้านเหรีญฯ ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดดันตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯและตลาดหุ้นในอนาคตสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นไทย ฟื้นตัวเด่น แต่สัปดาห์หน้าเตรียมรับรู้ตัวเลข TARIFF จาก TRUMPสัปดาห์นี้(WTD) เป็นสัปดาห์ที่ SET INDEX ปรับตัวขึ้นแรงสุดในปีนี้+4.1% โดยเป็นแรงหนุนจากสถาบันในประเทศเป็นหลัก 3.8 พันล้านบาท ซึ่งปัจจัยนอกและในประเทศในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาเป็นตัวกดดัน


โดยสัปดาห์หน้าเตรียมรับรู้อัตราภาษีนำเข้า RECIPROCAL TARIFF9 ก.ค.68 ของแต่ละประเทศ ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีทิศทางการเจรจาระหว่างกันที่ดูดีขึ้น อาทิ สหรัฐฯ-จีน : สหรัฐฯ ยกเลิกข้อจำกัดส่งออกชิปให้จีนหลังผ่อนคลายภาษีนำเข้ากัน 90 วัน, สหรัฐฯ-อินโดนีเซีย : อินโดนีเซียจะลงนามมูลค่า 3.4 หมื่นล้านเหรียญฯ เพื่อเพิ่มการซื้อสินค้ากับสหรัฐฯ, สหรัฐฯ-เวียดนาม : บรรลุข้อตกลงการค้ากันแล้ว(รายละเอียด MARKET TALK วานนี้) ซึ่งทางฝั่งไทย ต้องติดตามว่าอัตราภาษีจะอยู่ในระดับใด ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ คาดว่าอยู่ในกรอบ 15-25%(คล้ายคลึงเวียดนาม) ตามข้อต่อรองต่างๆที่มีต่อสินค้าสหรัฐฯ ดังนั้นจึงแนะนำมีเงินสดติดพอร์ตการลงทุนราว 5-10% ในช่วงก่อนรู้ผลลัพธ์ดังกล่าว

กลยุทธ์การลงทุน หลังจาก SET ดีดขึ้นมาเร็วและแรง
ตลาดหุ้นไทยฟื้นขึ้นมาแรง จากแรงกด 4 บ่วงสงคราม : ตะวันออกกลาง, ภาษีตอบโต้, เขมร, การเมือง เบาลง หนุนให้ SET กราฟปิดเขียว ถึง 8 ใน 9 วันทำการที่ผ่านมา หรือบวกมา 5% –6% ขณะที่ประเด็นการเมือง แม้ยังไม่ชัด แต่เห็นแนวโน้มกลับมาเดินเข้าสู่ระบบตามกลไกสภามากขึ้น


ภาวะแบบนี้ ฝ่ายวิจัยทำการค้นหากลุ่มหุ้นที่ยังอยู่ในโซน LAGGARD และมี MOMENTUM ขยับขึ้น อย่าง กลุ่มขนส่งAOT, BTS, AAV กลุ่มอสังหาฯ CPN, AP, SIRI, SC กลุ่มท่องเที่ยว ERW CENTEL กลุ่มค้าปลีก DOHOME,CPAXT, CRC กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BCH กลุ่มการเงิน KTC, MTC

 


Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

คุมเชิง By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง เชื่อว่า วันนี้ นักลงทุน แต่ละกลุ่ม คงคุมเชิง ดูสถานการณ์แบบรายนาที สภาพบรรยากาศการซื้อขาย....

HotNews: DV8 ฟลอร์ โดน ตลท.แตะเบรกใช้ Auction วันนี้

ตลท. ยกระดับมาตรการกำกับการซื้อขายหุ้น “DV8” เป็นระดับ 2 ด้วยการกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมจากระดับ 1 คือ ห้าม Net settlement

มัลติมีเดีย

MGT มั่นใจสร้างผลงานปี68 โตแกร่ง

MGT มั่นใจสร้างผลงานปี68 โตแกร่ง

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้