Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

245

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 3 ก.ค.68 ปิด +11.52 จุด อยู่ที่ 1,127.21 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,920 ลบ. สถาบันซื้อ 1,030 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 140 ลบ. ต่างชาติขาย 63 ลบ. และรายย่อยขาย 828 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 141 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น SCB,KBANK,BDMS,PTTEP,BTS และยอดขายหุ้น KTC,TRUE,CPN,ITC,SAWAD มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,418 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ HSHD23,OR โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 6,342 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 109,342 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 2,081 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.77%, S&P500 +0.83%, Nasdaq +1.02% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +1.29%, การเงิน +1.08%, อุตสาหกรรม +0.82% และสินค้าฟุ่มเฟือย +0.75% หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ มิ.ย. ดีกว่าคาด ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.47% ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร นำโดย Natwest, Lloyds ของอังกฤษ +3% และกลุ่มพลังงานหมุนเวียน Vestas +7%               
  • Market View
  • ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ S&P500, Nasdaq ปิดทำจุดสูงสุด นำโดยกลุ่มเทคโนโลยี Nvidia +1.3% ส่งผลให้ Market Cap เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 89 ลล.ดอลลาร์ หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ มิ.ย. เพิ่มขึ้น 147,000 & พ.ค.144,000 ดีกว่าคาดที่ 111,000 ตำแหน่ง, อัตราว่างงาน มิ.ย. ลดลงอยู่ที่ 4.1% & คาด 4.3% และอัตราค่าจ้างแรงงานราย ชม. มิ.ย. ชะลอตัวอยู่ที่ 0.2% & พ.ค. 0.4% MoM บ่งชี้ตลาดแรงงานสหรัฐยังแข็งแกร่ง ขณะที่ร่าง กม.ปฏิรูปภาษีเงินได้ & เพิ่มรายจ่ายได้ผ่านการลงมติของสภาผู้แทน ฯ สหรัฐ โดย ปธน.ทรัมป์จะลงนามอนุมัติในวันนี้ ซึ่งเป็นวันชาติสหรัฐ ส่วนการเจรจาข้อตกลงการค้านั้น ปธน.ทรัมป์เผยจะส่ง จม.แจ้งอัตราภาษีที่จัดเก็บกับประเทศที่การเจรจายังไม่คืบหน้าภายในวันศุกร์นี้ โดยค่ำวันนี้ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดในวันชาติ
  • ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคารของอังกฤษ เช่น Natwest, Lloyds +3% และกลุ่มอุตสาหกรรม นำโดยซีเมนส์ +0.8% หลังสหรัฐได้ยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกซอฟแวร์ที่ใช้ในการออกแบบชิปให้กับจีน ในส่วนการเจรจาข้อตกลงการค้าสหรัฐ – สหภาพยุโรปนั้น ปธ.คณะกรรมาธิการยุโรปเผยพยายามเจรจาให้เสร็จสิ้นก่อนเส้นตายในวันที่ 9 ก.ค.
  • ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ดัชนีนิเกอิ +0.06% นักลงทุนชะลอการลงทุนระหว่างรอผลการเจรจาการค้าสหรัฐ - ญีปุ่น หลัง ปธน.ทรัมป์เผยอาจเก็บภาษีนำเข้าสินค้าญี่ปุ่นในอัตราสูงถึง 30 – 35% ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.18% หลังสหรัฐผ่อนคลายการส่งออกซอฟร์แวร์ที่ใช้ออกแบบชิปให้กับจีน เพื่อแลกการส่งออกแร่หายากของจีน ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็ง -0.63% หลังข้อมูล PMI ภาคบริการจีน มิ.ย. อยู่ที่ 6 & คาด 51.0 ขยายตัวน้อยสุดในรอบ 9 เดือน และยังรอข้อมูลตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ
  • SET วานนี้ +1.30% ปริมาณการซื้อขาย 49 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 1,030 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 140 ลบ. ต่างชาติขาย 63 ลบ. และรายย่อยขาย 828 ลบ. ได้แรงหนุนจากเม็ดเงินของสถาบันในประเทศ หลัง Valuation ของ SET ปัจจุบันเทรดที่ F/PE 13 เท่า และมี Earning Yield Gap สูงกว่าระดับ 6% กอปรกับได้แรงหนุนจากเม็ดเงินที่โอนจากกองทุน LTF มายังกองทุน Thai ESGX ช่วยหนุน โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ นำโดย DELTA ส่งผลบวกต่อดัชนี +4.76 จุด จากคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยใน ก.ย. ซึ่งเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่ม Growth ขณะที่กลุ่มขนส่ง & ท่องเที่ยวได้ปัจจัยจาก ม.กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ผ่านโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ส่วนกลุ่มไฟแนนท์ & ค้าปลีกก็ได้ปัจจัยหนุนจากโครงการคุณสู้ เราช่วย ซึ่งจะช่วยลดภาระหนี้สินภาคครัวเรือน และเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภคในอนาคต โดยประเด็นสำคัญที่นักลงทุนรอ คือ ผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ - ไทย ซึ่งมีโอกาสที่ไทยจะถูกเก็บภาษีในอัตราเท่ากับเวียดนามที่ 20% หรือสูงกว่าเล็กน้อย ซึ่งคาดจะส่งผลให้ยอดส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐลดลงมากกว่า 2 หมื่น ล.ดอลลาร์/ ปี โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดจะได้รับผลกระทบด้านลบ เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, ชิ้นส่วนยานยนต์, อาหารแปรรูปและเครื่องดื่ม      

Daily Strategy

  • ประเมินดัชนี SET มีโอกาส Sideway Up โดยมีแนวรับที่ 1,115 – 1,120 แนวต้าน 1,130 – 1,140 จากคาดการณ์ไทยอาจถูกสหรัฐเก็บภาษีในอัตราใกล้เคียงกับเวียดนามที่ 20% ซึ่งยังต้องรอผลการเจรจาในช่วงสุดสัปดาห์นี้ แนะนำเก็งกำไรกลุ่ม Global Play เช่น SCC,SCGP,CCET,KCE,AMATA,WHA หลังภาวะสงครามการค้ามีแนวโน้มลดลง/ เก็งกำไรกลุ่มเครื่องใช้อิเล็กฯ , สินค้าฟุ่มเฟือย & แฟชั่นที่นำเข้าสหรัฐอาจถูกเก็บภาษีในอัตราต่ำ เช่น CRC,AWC,CPN,COM7,SYNEX
  • TASCO* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 18.70 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2Q68 ยังคงเติบโต YoY หนุนจากการฟื้นตัวของฐานที่ต่ำในปีก่อน อย่างไรก็ตาม QoQ ปริมาณขายจะลดลงจากตลาดทั้งในและต่างประเทศซึ่งเป็นปัจจัยฤดูกาล ทั้งนี้จาก product mixed ที่สัดส่วนยอดขายในประเทศที่เพิ่มขึ้นทำให้ GPM ปรับตัวดีขึ้นตาม (YoY, QoQ) ขณะที่การตั้งสำรองหนี้สูญมีแนวโน้มลดลงหลังสถานการณ์ของลูกหนี้ดีขึ้นจากการเบิกจ่ายงบ ซึ่งไตรมาสนี้น่าจะมีการ reverse กลับ ส่วน 2H68 คาดกำไรอาจจะชะลอตัวเพราะฐานสูง แต่อาจจะได้ sentiment บวกบ้างจากการเพิ่มงบของกรมทางหลวงชนบท และประเด็นที่ยอดเบิกจ่ายงบปี 68 ทำได้แค่ 40% กว่าๆ อาจจะมีการเร่งใช้ใน 3Q68 นี้ และการผ่านงบปี 69 ที่น่าจะเกิดขึ้นได้ถ้าการเมืองเริ่มนิ่ง

NETBAY* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 24.65 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 อยู่ที่ 71 ลบ. (+49%YoY , +12%QoQ) ตามรายได้การดำเนินงานที่สูงขึ้น +41%YoY มีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการรับรู้รายได้งานโครงการพัฒนาระบบ Digital Zoo แลธดครงการพัฒนาระบบแพลตฟอร์มกลางการจัดเก็บฐานข้อมูลก๊าซเรือนกระจก ทั้งนี้ การดำเนินงานช่วงถัดไป คาดว่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ดีได้ต่อจาก Fynnet Ventures (ให้บริการ Compliance Solution ผ่านแพลตฟอร์ม CHECK+) และ Ai-Box ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี68 และ69 กำไรสุทธิของ NETBAY* จะอยู่ที่ 247 ลบ.(+14%YoY) และ 272 ลบ.(+10%YoY) ตามลำดับ

 

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ส.ค.-$0.45 อยู่ที่ $67.00 / บาร์เรล, Brent ก.ย. -$0.31 อยู่ที่ $68.80/บาร์เรล หลังญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลลบต่ออุปสงค์น้ำมัน ขณะที่การประชุกลุ่มโอเปกในวันอาทิตย์นี้คาดจะเพิ่มกำลังการผลิต 411,000 บาร์เรล/วัน ใน ส.ค.

 

Gold Update(+) Comex Gold ส.ค.+$9.90 อยู่ที่ $3,359.70 /ออนซ์ หลังตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ มิ.ย. ลดลง 33,000 ราย ลดลงครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี ส่งผลให้ตลาดคาดเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยในการประชุม ก.ย.

 

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +15.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -1.94 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -1.93 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +19.6 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 32.42 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับตัวขึ้นอยู่ที่ 4.3438%

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -9 จุด อยู่ที่ 1,434

(+) BitCoin เช้านี้ +0.12% อยู่ที่ 110,415. ดอลลาร์สหรัฐ

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

30 มิ.ย.     ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที1 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค 

(ก.ค.)       

 

 

ต่างประเทศ

30 มิ.ย.     CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (มิ.ย.)

01 ก.ค.     EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (มิ.ย.) 

US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ 

                US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS ( พ.ค.)

                US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (มิ.ย.)

02 ก.ค.     US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(มิ.ย.)

03 ก.ค.     US วันชาติ - ปิดทำการก่อนกำหนด ณ เวลา 13:00

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

US อัตราการว่างงาน (มิ.ย.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (มิ.ย.)

US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (มิ.ย.)

US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (มิ.ย.)

04 ก.ค.     US วันหยุด-วันชาติ

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ขาลง,  และ/หรือ สามารถรับจากความเสี่ยง Trade War ได้  

 

(1) กลุ่มการเงิน Leasing รับแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในประเทศลดลง NCAP*, S11*, SINGER* ,SGC* ,THANI*

 

(2) กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า หุ้น defensive ได้ประโยชน์จาก Bond yield ที่ปรับลดลง ธุรกิจหลักมีการเติบโตสอดคล้องเศรษฐกิจใหม่ ADVANC ,TRUE ,GULF*, GPSC*, BCPG

 

(3) กลุ่มเกษตรได้ประโยชน์จากราคาสุกรในประเทศที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การส่งออกไก่ไปต่างประเทศยังทำได้ดี CPF, BTG* ,TFG* ,FM* ,GFPT

 

(4) กลุ่ม China Play คาดความดึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ยังมีความผันผวนแต่หุ้นที่เกี่ยวข้องมี valuation ที่ปรับตัวลงมาต่ำมากแล้ว น่ากลับไปหาจังหวะเก็งกำไร SCC* ,SCGP* ,PTTGC

 

(5) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*,SIS*

 

(6) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC ,OKJ*, NSL*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio May 2025: MONO*, PR9*, IVL*,PTTGC*,GULF*

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

รอผลเจรจา... By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตอนนี้ ทำได้ รอผลการเจรจาการค้าสหรัฐและไทย ผลที่เป็นทางการ ตัวเลขภาษี....

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้