ข้างนอกสดใส ข้างในมืดมน
TOP PICK COCOCO / PLANB / TRUE
EXTERNAL FACTOR
• ศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นโลกดีดตัวต่อเนื่อง ขณะที่ประเด็นเฟ้อสหรัฐฯ อาจจะยังไม่เป็นที่น่ากังวลมากนัก หลังนโยบาย TARIFFS ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และอยู่ในช่วง WAIT & SEE ก่อนจะถึงกำหนด DEADLINE เรียกเก็บภาษีตอบโต้ในวันที่ 9ก.ค. 68
• สำหรับความคืบหน้าของการเจรจาการค้าสหรัฐฯ บ้านเราลุ้นแรงหนุนเชิงบวกจากประเด็นที่ไทยเข้าเจรจาสหรัฐฯ ต่อรองเหลือภาษี 10%รวมถึงการขยายระยะเวลาผ่อนผันจัดเก็บภาษีอัตราใหม่ แนะเก็งกำไร COCOCO, CCET, KCE, HANA, TU, ITC,WHA, AMATA
INTERNAL FACTOR
• สิ่งที่ต้องติตตาม สำหรับประเด็นการเมือง คือ 1 ก.ค. 68 ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณารับ-ไม่รับ คำร้องถอดถอนนายกฯ 3 ก.ค. 68 เปิดประชุมสภา พรรคภูมิใจไทยเตรียมยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ 4-30 ก.ค. 68 ศาลฯ นัดไต่สวน คดี"คุณทักษิณ" ชั้น 14
• ฝ่ายวิจัยฯ มองว่า SET INDEX ในช่วงนี้อาจผันผวน แต่หากผ่านช่วงมรสุมเดือนก.ค.68 ไปได้และมีสัญญาณที่ดีทางการเมือง คาดเป็นจุดกลับตัวของดัชนีให้เป็นขาขึ้นเฉกเช่นในอดีต
INVESTMENT STRATEGY
• ประเด็นกดดันภายในค่อยๆ ผ่านไปทีละเรื่องๆ ทั้งม็อบ และฮุนเซนออกมาแฉทักษิณ แต่ยังเหลือประเด็นการเมืองอื่นๆ อีก รวมถึงความไม่สงบภาคใต้ อาจทำให้ดัชนีผันผวนอยู่ แต่ปัจจัยภายนอกที่สดใส พร้อมกับการย่อตัวลงมาลึกของ SET ที่ปกติเพียงวันเดียวลงเกิน -2% อีกวันจะทรงๆ และมีโอกาสรีบาวน์เสมอ น่าจะเป็นแรงพยุงสำคัญ
• ภายใต้ SET INDEX ที่ลงมาเยอะ พร้อมกับความไม่แน่นอนการเมืองภายในประเทศยังมี แนะนำหุ้นมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว อย่าง กลุ่ม TARIFF PLAY : COCOCO, CCET, KCE, HANA, TU, ITC, WHA, AMATA และกลุ่มICT หลังประมูลคลื่นผ่านไปด้วยดี: ADVANC, TRUE
ลุ้นสหรัฐฯ ผ่อนผัน TARIFF
ศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นโลกดีดตัวต่อเนื่อง โดยในฝั่งสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นราว 0.5% - 1.0% ทำ ATH ส่วนในฝั่งยุโรปขยับขึ้นราว 0.7% - 1.8% สวนทางกับไทยร่วงลงมากกว่า 2% สะท้อนแรงกดดันจากประเด็นภายในประเทศ
ขณะที่ประเด็นเฟ้อสหรัฐฯ อาจจะยังไม่เป็นที่น่ากังวลมากนัก หลังนโยบาย TARIFFS ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และอยู่ในช่วง WAIT & SEE ก่อนจะถึงกำหนด DEADLINE เรียกเก็บภาษีตอบโต้ในวันที่ 9 ก.ค. 68ซึ่งล่าสุดเดือน พ.ค. 68 ดัชนีเงินฟ้อ PCE สหรัฐฯ ขยายตัว +2.3%YOY ตามคาด ขณะที่ CORE PCE +2.7%YOYสูงกว่าตลาดคาดเล็กน้อยที่ +2.6%YOY อย่างไรก็ตามในมุมมองของตลาด ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมมาก ยังคงคาดว่า FED จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.5% ในการประชุมรอบเดือน ก.ค. 68 และเริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน ก.ย. 68
สำหรับความคืบหน้าของการเจรจาการค้าสหรัฐฯ ลุ้นผ่อนผัน หลังรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ สก็อตต์ เบสเซนท์ ส่งสัญญาณว่าอาจมีการขยายเวลาเจรจาไปถึงวันแรงงาน (1 ก.ย.68)ขณะที่ ปธน. ทรัมป์ขู่จะขึ้นภาษี 25% กับประเทศที่ไม่ยอมเจรจา และประเทศที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงภายใน 9 ก.ค. อาจถูกเก็บภาษีสูงกว่า 10% ส่วนประเทศที่มีแนวโน้มใกล้บรรลุข้อตกลง อาทิ ไต้หวัน, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, เกาหลีใต้, อินเดีย และ EUความคืบหน้าของไทย รมว. คลังเผยว่าสหรัฐได้ตอบรับการเจรจากับไทยแล้ว และเตรียมเตรียมแผนเดินทางไปสหรัฐในสัปดาห์นี้ หวังเจรจาการค้าทัน DEADLINE ในวันที่ 9 ก.ค. 68 ทั้งนี้ เบื้องต้นมีข้อเสนอสหรัฐฯ ว่าอาจมีการเก็บภาษีตอบโต้ไทย 18% (อัตราเดิม 36%) ลุ้นแรงหนุนเชิงบวกจากประเด็นที่ไทยเข้าเจรจาสหรัฐฯ ต่อรองเหลือภาษี10%รวมถึงการขยายระยะเวลาผ่อนผันจัดเก็บภาษีอัตราใหม่ แนะเก็งกำไร COCOCO, CCET, KCE, HANA, TU,ITC, WHA, AMATA
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET ปรับตัวลงแรง 24.31 จุด หรือ -2.2% จากปัจจัยความกลัว 2 อย่าง 1.กลัวฮุนเซน แฉคดีความคุณทักษิณ และกลัวม็อบวันหยุดที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนี้สิ่งที่ต้องติตตาม สำหรับประเด็นการเมือง คือ
• 1 ก.ค. 68 ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณารับ-ไม่รับ คำร้องถอดถอนนายกฯ พร้อมสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่
• 3 ก.ค. 68 เปิดประชุมสภา พรรคภูมิใจไทยเตรียมยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ
• 4-30 ก.ค. 68 ศาลฯ นัดไต่สวนเรียกพยาน 20 ปากเข้าสู่การไต่สวน คดี "ทักษิณ" ชั้น 14
รวมถึงกรณีสอบสวนภรรยา “คุณพีระพันธุ์” ถือหุ้นโรงแรมดังเกิน 5% เข้าข่ายทำเจ้าตัวขาดคุณสมบัตินั่งรมต. จี้ยื่นศาล รธน.สั่งพ้นจากตำแหน่ง ทำให้เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลหากไม่มีพรรครวมไทยสร้างชาติ ล่าสุดจะไม่เกินกึ่งหนึ่งของ สส. ทั้งหมด(248 เสียง) ซึ่งถ้าหากเป็นแบบนั้นการเบิกงบประมาณประจำปี 69 อาจจะล่าช้าออกไป(13-15
ส.ค. 68 พิจารณาร่างงบประมาณปี 2569 วาระที่ 2-3) และทำให้เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจหยุดชะงักในช่วง 2H68ส่งผลโดยตรงต่อ GDP GROWTH ปีนี้ให้ต่ำกว่าประมาณการของสำนักเศรษฐกิจต่างๆที่ระดับ 2-3%
ซึ่งหากพิจารณาตั้งแต่กลางเดือน พ.ค.68 – ปัจจุบัน SET INDEX ปรับตัวลงมา 12% หรือ 149 จุดจากประเด็นนิติสงคราม ซึ่งฝ่ายวิจัยฯจึงเปรียบเทียบนิติสงครามสมัยอดีตทั้งนายกฯประยุทธ์และเศรษฐา SET INDEX ปรับตัวลง39 จุด และ 86 จุด แต่หลังจากนั้น SET INDEX มักปรับตัวขึ้นเสมอ หากมีสัญญาณที่ดีทางการเมือง อาทิ นายกฯ
สามารถกลับมาทำหน้าที่ได้ หรือ นายกฯพ้นตำแหน่งและเตรียมเลือกนายกฯคนใหม่ ซึ่งฝ่ายวิจัยฯมองว่า SETINDEX ในช่วงนี้อาจผันผวน แต่หากผ่านช่วงมรสุมเดือน ก.ค.68 ไปได้ คาดเป็นจุดกลับตัวของดัชนีให้เป็นขาขึ้นเฉกเช่นในอดีต
ประเด็นกดดันภายในค่อยๆ ผ่านไปทีละเรื่องๆ ทั้งม็อบ และฮุนเซนออกมาแฉทักษิณ แต่ยังเหลือประเด็นการเมืองอื่นๆอีก รวมถึงความไม่สงบภาคใต้ อาจทำให้ดัชนีผันผวนอยู่ แต่ปัจจัยภายนอกที่สดใส พร้อมกับการย่อตัวลงมาลึกของSET ที่ปกติเพียงวันเดียวลงเกิน -2% อีกวันจะทรงๆ และมีโอกาสรีบาวน์เสมอ น่าจะเป็นแรงพยุงสำคัญ
ภายใต้ SET INDEX ที่ลงมาเยอะ พร้อมกับความไม่แน่นอนการเมืองภายในประเทศยังมี แนะนำหุ้นมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว อย่าง กลุ่ม TARIFF PLAY : COCOCO, CET, KCE, HANA, TU, ITC, WHA, AMATA และกลุ่ม ICT หลังประมูลคลื่นผ่านไปด้วยดี : ADVANC, TRUE
ส่วนภาพระยะกลางยาวในมุม VALUATION SET INDEX ยังมีความน่าสนใจ มี PBV 1.0 เท่า และมี MARKETEARNING YIELD GAP (MEYG) กว้างถึง 6.2% ขณะที่สหรัฐ MEYG ติดลบ -0.24% น่าทยอยสะสมหุ้นในบริษัทแข็งแกร่งในแต่ละ SECTOR อย่าง PTT, CPALL, BDMS, BH, TRUE, ADVANC, PLANB เป็นต้น
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์