Today’s NEWS FEED

News Feed

ฟิทช์ คงอันดับเครดิตของธนาคารกรุงไทยที่ 'BBB+' และ 'AAA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพและปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินเป็น ‘bbb’

107

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(24 มิถุนายน 2568)--------ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Issuer Default Rating (IDR)) ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ที่ 'BBB+' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AAA(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ฟิทช์ได้ประกาศคงอันดับ เครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล (Government Support Rating: GSR) ที่ 'bbb+' และปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) เป็น 'bbb' จาก 'bbb-' รายละเอียดทั้งหมดของอันดับเครดิตแสดงไว้ในส่วนท้ายประกาศนี้

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
การสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณาอันดับเครดิต: อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศและอันดับเครดิตภายในประเทศพิจารณาจากอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งสะท้อนถึงความคาดหวังของฟิทช์ว่าธนาคารมีโอกาสสูงที่จะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษจากรัฐบาลไทย (BBB+/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ/F1) เมื่อมีความจำเป็น การปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร มีปัจจัยสนับสนุนมาจากคุณภาพสินทรัพย์และเงินกองทุนของธนาคารที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มีโอกาสในการได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสูงกว่าธนาคารอื่น: KTB มีความสำคัญต่อระบบการเงิน เนื่องจากเป็นหนึ่งในธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ อีกทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยยังได้กำหนดให้ KTB เป็นหนึ่งในธนาคารที่มีความสำคัญในเชิงระบบของประเทศ (D-SIB) ทั้งนี้ อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลของ KTB ที่ 'bbb+' อยู่ในระดับที่สูงกว่าธนาคารที่มีความสำคัญในเชิงระบบของประเทศไทยรายอื่น อยู่ 1 อันดับ เพื่อสะท้อนว่า KTB ยังมีสถานะเป็นธนาคารพาณิชย์เพียงแห่งเดียวที่มีภาครัฐเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดย KTB มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับภาครัฐ รวมถึงการมีบทบาทสำคัญในการบริหารเงินสดให้แก่กระทรวงการคลัง

ภาวะอุตสาหกรรมมีแนวโน้มที่อ่อนแอลง: อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำในปี 2568 ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเนื่องจากเป็นระบบเศรษฐกิจแบบเปิด (open economy) ที่มีสัดส่วนการค้าระหว่างประเทศค่อนข้างสูง สถานการณ์ดังกล่าวจะเป็นข้อจำกัดต่อโอกาสการเติบโตและผลการดำเนินงานของธนาคาร ฟิทช์ให้อันดับคะแนนปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ 'bbb' ซึ่งเป็นในระดับที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับอันดับคะแนนที่ ‘bb’ตามเกณฑ์ของฟิทช์ เนื่องจากฟิทช์เชื่อว่ารัฐบาลไทย มีบทบาทสำคัญในการสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดการเงิน อาทิ มาตรการกำกับดูแลและมาตรการทางการคลังที่นำมาใช้ระหว่างช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า

มีเครือข่ายธุรกิจในประเทศที่แข็งแกร่ง: อันดับคะแนนปัจจัยด้านโครงสร้างธุรกิจของ KTB ที่ 'bbb' สะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืน ธนาคารเป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งตลาดเงินฝากอยู่ที่ 16% และดำเนินธุรกิจธนาคารอย่างครบวงจร นอกจากนี้ ความสามารถในการแข่งขันของธนาคารได้รับการสนับสนุนจากการเป็นธนาคารที่มีภาครัฐเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ รวมถึงความเชื่อมโยงกับหน่วยงานภาครัฐทั้งในด้านเงินฝากและสินเชื่อ

โครงสร้างความเสี่ยงที่มีความสม่ำเสมอ: อันดับคะแนนปัจจัยด้านโครงสร้างความเสี่ยงของ KTB ที่ 'bbb-' สะท้อนถึงมาตรฐานการพิจารณาสินเชื่อที่เพียงพอ โดยธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อจากหน่วยงานรัฐบาลและข้าราชการที่ค่อนข้างสูง ทั้งนี้ฟิทช์ยังพิจารณาถึงคุณภาพสินทรัพย์และอัตราส่วนสำรองหนี้สูญในอดีตของธนาคารที่มีความผันผวนกว่าธนาคารขนาดใหญ่รายอื่น รวมไปถึงการปรับตัวดีขึ้นของคุณภาพสินทรัพย์ในช่วงปีที่ผ่านมา

คุณภาพสินทรัพย์มีเสถียรภาพแม้เผชิญกับอุปสรรค: ฟิทช์ได้ปรับเพิ่มอันดับคะแนนปัจจัยด้านคุณภาพสินทรัพย์ของ KTB เป็น ‘bbb-’/แนวโน้มอันดับคะแนนมีเสถียรภาพ จาก ‘bb+’/แนวโน้มเป็นบวก สะท้อนถึงความคาดหวังของฟิทช์ว่าคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นนี้จะทรงตัวได้ต่อเนื่อง และอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของธนาคารจะอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับเกณฑ์สำหรับอันดับคะแนน ‘bbb’ ที่ระดับต่ำกว่า 4% แม้จะมีความท้าทายในปี 2568 ทั้งนี้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของธนาคารยังคงทรงตัวที่ 3.5% ในไตรมาส 1 ปี 2568 และ ณ สิ้นปี 2567 ซึ่งถือเป็นการปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 4.2% ณ สิ้นปี 2565 อัตราการเกิดหนี้เสียใหม่ (new NPL formation) ของธนาคารอยู่ในระดับปานกลาง และระดับสินเชื่อที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (Stage 2) ก็ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้

ความสามารถในการทำกำไรผ่านระดับที่สูงสุดแล้ว: ฟิทช์คาดว่าความสามารถในการทำกำไรของ KTB จะได้รับผลกระทบจากสภาวะของอุตสาหกรรมและอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารจะยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่า 2% ในปี 2568 (ไตรมาส 1 ปี 2568: 3.1%, 2567: 2.8%) โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้นและแรงกดดันต่อค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญ (credit cost) ที่ลดลง ซึ่งช่วยหนุนอันดับคะแนนปัจจัยด้านรายได้และความสามารถในการทำกำไรที่ระดับ ‘bbb–’

ฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง: ฟิทช์ได้ปรับเพิ่มอันดับคะแนนปัจจัยด้านฐานะเงินกองทุนของ KTB เป็น ‘bbb+’/แนวโน้มอันดับคะแนนมีเสถียรภาพ จาก ‘bbb’/แนวโน้มอันดับคะแนนเป็นบวก ซึ่งสะท้อนถึงการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET1) อย่างมีนัยสำคัญและน่าจะทรงตัวอยู่ได้ในระดับที่แข็งแกร่งได้ต่อเนื่อง อัตราส่วนเงินกองทุน CET1 ของ KTB อยู่ที่ 18.9% ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 เพิ่มขึ้นจาก 16.7% ในปี 2566 เนื่องมาจากกำไรสะสมที่เพิ่มขึ้นจากความสามารถในการทำกำไรที่อยู่ในระดับดีและการเติบโตของสินทรัพย์เสี่ยง (risk weighted asset) ที่ไม่สูงนัก

โครงสร้างการระดมเงินทุนที่มั่นคง: ความสามารถในการระดมเงินทุนของ KTB ได้รับการสนับสนุนจากฐานลูกค้าเงินฝากที่แข็งแกร่งของธนาคาร (อัตราส่วนของเงินฝากบัญชีกระแสรายวันและบัญชีออมทรัพย์ต่อเงินฝากทั้งหมดของธนาคารอยู่ที่ 68%) ฟิทช์เชื่อว่าอัตราส่วนที่สำคัญด้านสภาพคล่องและการระดมเงินทุนไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปมากนักในอีก 2 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ธนาคารยังมีการถือครองสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องในระดับสูง โดยมีอัตราส่วนการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับสถานการณ์ด้านสภาพคล่องที่มีความรุนแรง (LCR) อยู่ที่ 200% ณ สิ้นปี 2567

ปัจจัยที่อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวและอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTB อาจได้รับการปรับลดอันดับเครดิต หากอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลถูกปรับลดอันดับ

อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลของ KTB อาจถูกปรับลดอันดับ หากโอกาสที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารมีการปรับตัวด้อยลง ตัวอย่างเช่น การปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยอาจบ่งชี้ถึงความสามารถของรัฐบาลในการให้การสนับสนุนแก่ธนาคารปรับตัวด้อยลง นอกจากนี้อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลยังอาจถูกปรับลดอันดับได้ ในกรณีที่ฟิทช์มองว่าโอกาสในการให้การสนับสนุนจากรัฐบาลมีการปรับตัวลดลง เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้จากการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของระดับความสำคัญต่อระบบการเงินและส่วนแบ่งทางการตลาดด้านเงินฝาก หรือการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของระดับความสัมพันธ์และการเชื่อมโยงกับรัฐบาล แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะปานกลาง

การพิจารณาอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTB ยังพิจารณาถึงโครงสร้างเครดิตของธนาคารที่ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาลเทียบกับธนาคารและบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นของ KTB อาจถูกปรับลดอันดับหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารถูกปรับลดอันดับลง

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ KTB อาจถูกปรับลดอันดับลง หากสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจมีการปรับตัวแย่ลงกว่าที่ฟิทช์คาดการณ์อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลให้มีการปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทย และอาจส่งผลให้มีการทบทวนอันดับคะแนนปัจจัยด้านสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานของธนาคาร ตลอดจนอันดับคะแนนปัจจัยด้านอื่นๆ ที่ใช้พิจารณาอันดับด้านความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของ KTB

การปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของ KTB อาจบ่งชี้จากฐานะทางการเงินของธนาคารที่มีการปรับตัวด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญซึ่งส่งผลให้มีการปรับลดอันดับคะแนนหลายปัจจัยในคราวเดียว ตัวอย่างช่น ค่าเฉลี่ย 4 ปีของอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นไปที่ 6% หรืออยู่ในระดับที่สูงกว่าเป็นระยะเวลาต่อเนื่อง อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ต่ำกว่า 1.5% และ ความสามารถในการรองรับความเสี่ยงที่ปรับตัวด้อยลง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ ที่ต่ำกว่า 13 % ประกอบกับมีอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อหนี้สินด้อยคุณภาพที่ต่ำกว่า 120%

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวจะได้รับการปรับเพิ่มอันดับในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล

อันดับเครดิตภายในประเทศของ KTB เป็นอันดับเครดิตสูงสุดแล้ว จึงไม่มีโอกาสได้รับการปรับเพิ่มอีก

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลของ KTB อาจเกิดขึ้นได้ หากมีการปรับเพิ่มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์จะพิจารณาด้วยว่าโอกาสในการให้การสนับสนุนของรัฐบาลว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่

การปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ KTB เป็น ‘bbb+’ นั้นไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในระยะสั้นถึงระยะปานกลางเนื่องจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ KTB เพิ่งได้รับการปรับเพิ่มอันดับ ทั้งนี้ การปรับเพิ่มอันดับจะต้องได้รับการสนับสนุนจากสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญของธนาคารมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแสดงว่าความสามารถในการแข่งขันของธนาคารมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่รายอื่น โดยอาจบ่งชี้ได้จากการที่ธนาคารสามารถดำรงค่าเฉลี่ย 4 ปีของอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงสามารถอยู่ในระดับที่สูงกว่า 3%ได้อย่างต่อเนื่อง หรือหากค่าเฉลี่ย 4 ปีของอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินทรัพย์ลดลงอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 3% ควบคู่ไปกับการรักษาอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อหนี้สินด้อยคุณภาพในระดับสูงที่ไม่ต่ำกว่า 120% และการมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่งเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น มีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ ในระดับที่ไม่ต่ำกว่า 16%

อันดับเครดิตตราสารหนี้และอันดับเครดิตอื่น: ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
โครงการหุ้นกู้ Medium-Term Note (MTN) มูลค่า 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ของ KTB ได้รับการจัดอันดับที่ ‘BBB+’ ซึ่งเป็นระดับเดียวกับอันดับเครดิตสากลระยะยาวของธนาคาร เนื่องจากการออกตราสารภายใต้โครงการนี้สะท้อนถึงภาระผูกพันที่ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของธนาคาร

หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 ของธนาคารได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTB อยู่ 2 อันดับ ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ในการจัดอันดับของฟิทช์เพื่อสะท้อนความเสี่ยงของการขาดทุนจากการชำระคืนเงินกู้ (loss severity risk) ที่มากกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ที่ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน ฟิทช์ไม่ได้มีการปรับลดอันดับเครดิตเพิ่มเติมสำหรับความเสี่ยงที่ผู้ถือหุ้นกู้จะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดการณ์ (non-performance risk) เนื่องจากตราสารไม่มีคุณสมบัติรองรับผลขาดทุนระหว่างการดำเนินกิจการ (going-concern loss absorption) เช่น คุณสมบัติของการยกเลิกหรือการเลื่อนจ่ายดอกเบี้ย ทั้งนี้ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เป็นอันดับเครดิตอ้างอิงของหุ้นกู้ดังกล่าว เพื่อสะท้อนถึงความคาดหวังของฟิทช์ว่ารัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ KTB ก่อนที่จะถึงจุดที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้

ฟิทช์ปรับเพิ่มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาล (Long-Term IDR(xgs)) ของ KTB ตามการปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาล (Short-Term IDR(xgs)) พิจารณาจากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาลและเทียบได้กับ F3(xgs) เนื่องจากอันดับคะแนนด้านการระดมเงินทุนและสภาพคล่องนั้นยังไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำของฟิทช์ที่อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า ‘bbb+’ จึงจะทำให้ได้รับการเทียบอันดับที่สูงขึ้น ทั้งนี้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาลของธนาคารก็ถูกจัดอันดับให้อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาลของธนาคาร

อันดับเครดิตตราสารหนี้และอันดับเครดิตอื่น: ปัจจัยที่อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต:
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
การปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวจะส่งผลในทิศทางเดียวกับอันดับเครดิตของโครงการหุ้นกู้ Medium-Term Note (MTN)

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิอาจได้รับการปรับลดอันดับตามการปรับลดอันดับของอันดับเครดิตอ้างอิง ซึ่งก็คือ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว

การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตที่ไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาลของ KTB ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร ดังนั้นการปรับลดอันดับของอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ KTB อาจนำไปสู่การปรับลดอันดับของอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาล และอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันที่ไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาล อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาลอาจได้รับการปรับลดอันดับเครดิต หากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินถูกปรับลดเป็น ‘bb+’

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
อันดับเครดิตของโครงการหุ้นกู้ Medium-Term Note (MTN) อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับ หากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารได้รับการปรับเพิ่มอันดับ

อันดับเครดิตอ้างอิงของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ซึ่งคือ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวนั้นอยู่ในอันดับสูงสุดแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสที่ได้รับการปรับเพิ่มอันดับอีก เว้นแต่ฟิทช์ประเมินว่าระดับการขาดทุนจากการชำระคืนเงินกู้ (loss severity) ในกรณีที่ผลตอบแทนไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ จะไม่อยู่ในระดับที่สูงมากนัก ซึ่งนั้นหมายถึงการปรับลดอันดับหุ้นกู้ด้อยสิทธิให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวเพียง 1 อันดับจากอันดับเครดิตอ้างอิง จากระดับปัจจุบันที่ต่ำกว่าอยู่ 2 อันดับ แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์คาดว่าสมมุติฐานดังกล่าวจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในระยะสั้น

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาลของ KTB และอันดับเครดิตสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิที่ไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาล อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารได้รับการปรับเพิ่มอันดับ ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาลของธนาคาร หากอันดับคะแนนด้านเงินทุนและสภาพคล่องไม่ได้มีการปรับเพิ่มขึ้นไปที่ 'bbb+' อันดับเครดิตสากลที่ไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาล (xgs) อาจถูกยกเลิกได้ หากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ KTB ได้รับการปรับเพิ่มอันดับขึ้นมาที่ 'bbb+' หรือสูงกว่า ซึ่งจะบ่งชี้ว่าอันดับเครดิตของ KTB จะไม่มีปัจจัยด้านการสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณาอันดับเครดิต

บริษัทย่อยและบริษัทในเครือ: ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
ฟิทช์ประกาศให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term IDR) ที่ ‘BBB+’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพแก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาหมู่เกาะเคย์แมน (KTBCY) โดยอันดับเครดิตของ KTBCY อยู่ในระดับเดียวกันกับ KTB เนื่องจาก KTBCY มีสถานะเป็นนิติบุคคลเดียวกันกับ KTB นอกจากนี้ฟิทช์ยังได้จัดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาล (Long-Term IDR (xgs)) ที่ ‘BBB(xgs)’ ให้กับ KTBCY ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตของ KTB ด้วยเช่นกัน

ฟิทช์คงอันดับเครดิตของโครงการหุ้นกู้MTNมูลค่า 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายใต้ KTB ที่ ‘BBB+’ และโครงการนี้จะถูกโอนไปยัง KTBCY ในฐานะผู้ออกโครงการหุ้นกู้ ดังนั้น อันดับเครดิตสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิที่ไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาลก็จะถูกย้ายไปที่ KTBCY ด้วยเช่นเดียวกัน

บริษัทย่อยและบริษัทในเครือ: ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
อันดับเครดิตสากลระยะยาวของ KTBCY จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกับอันดับเครดิตสากลระยะยาวของ KTB ไม่ว่าจะเป็นการปรับเพิ่มหรือลดอันดับเครดิต

การปรับคะแนนของปัจจัยในการพิจารณาอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับคะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ 'bbb' อยู่สูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์ที่อยู่ในกลุ่ม 'bb' จากการปรับเพิ่มคะแนนด้วยปัจจัยด้าน 'อันดับเครดิตของประเทศ'

แหล่งข้อมูลที่มีนัยสำคัญต่อการพิจารณาอันดับเครดิต
แหล่งที่มาของข้อมูลหลักที่ใช้ในการประเมินอันดับเครดิตมีรายละเอียดเปิดเผยอยู่ในเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้องของฟิทช์

อันดับเครดิตที่มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตของ KTB มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทย
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ KTBCY มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ KTB

การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
KTB มีระดับคะแนนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)ที่ระดับ 4 สำหรับความสัมพันธ์ของโครงสร้าง ธรรมาภิบาล (Governance Structure) เนื่องจากการถือหุ้นโดยรัฐบาลในธนาคารและมีโอกาสที่ภาครัฐจะมีอิทธิพลต่อการกำกับดูแลกิจการและความเสี่ยง (risk governance) และโครงสร้างทางการเงินของธนาคาร ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบทางลบต่อโครงสร้างเครดิตและสัมพันธ์ต่ออันดับเครดิตเช่นเดียวกับปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิตอื่น

หากไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนนี้ แสดงว่าธนาคารมีระดับคะแนนความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต ไม่เกินระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตาม รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมหาได้จาก www.fitchratings.com/esg

รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้
KTB:
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของKTBCYที่ ‘BBB+’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาลของ KTBCY ที่ ‘BBB(xgs)’
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘BBB+’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F1’
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘AAA(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F1+(tha)’
- อันดับความเข็งแกร่งทางการเงิน ปรับเพิ่มอันดับเป็น ‘bbb’ จากเดิม ‘bbb-’
- อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล คงอันดับที่ 'bbb+'
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาลของธนาคาร คงอันดับที่ ‘F3(xgs)’
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาลของธนาคาร ปรับเพิ่มอันดับเป็น ‘BBB(xgs)’ จากเดิม ‘BBB-(xgs)’
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ ‘BBB+’
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ด้อยสิทธิสกุลเงินบาทที่นับเป็นกองทุนขั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 คงอันดับที่ ‘AA(tha)’
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาลของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ปรับเพิ่มอันดับเป็น ‘BBB(xgs)’ จากเดิม ‘BBB-(xgs)’

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ตะวันออกกลาง คลี่คลาย By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ สถานการณ์ตะวันออกกลาง คลี่คลาย ตลาดหุ้นต่างประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นไทยเช่นกัน..

NAM ผนึกกลุ่ม PRINC ลุยขยายธุรกิจ Serviso ทั่วประเทศ

NAM ผนึกกลุ่ม PRINC ลุยขยายธุรกิจ Serviso ทั่วประเทศ

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้