สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (24 มิถุนายน 2568 )-----นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนการผลิต ยsอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนพฤษภาคม 2568 ดังต่อไปนี้
การผลิต
จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนพฤษภาคม 2568 มีทั้งสิ้น 139,186 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2568 ร้อยละ 33.51 และเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 10.32 เพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกในรอบ 21 เดือนจากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BEV และ PHEV เพิ่มขึ้นร้อยละ 641.16 และ 130.49 ตามลำดับ ส่งผลให้การผลิตรถยนต์นั่งเพื่อขายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 63.88 รวมทั้งผลิตรถ PPV เพื่อขายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 138.65
จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 594,492 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 7.82
รถยนต์นั่ง เดือนพฤษภาคม 2568 ผลิตได้ 54,135 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 15.30 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 25,211 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 78
- รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 6,411 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 16
- รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 1,837 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 49
- รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 20,676 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ66
ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2568 มีจำนวน 213,649 คัน เท่ากับร้อยละ 35.94 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 11.05 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 91,710 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 79
- รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 20,494 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 ร้อยละ12
- รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 9,620 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 29
- รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 91,825 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 75
รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนพฤษภาคม 2568 ไม่มีการผลิต รวมเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2568 ไม่มีการผลิต
รถยนต์บรรทุก เดือนพฤษภาคม 2568 ผลิตได้ทั้งหมด 85,051 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 7.37 และตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 380,843 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 5.91
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนพฤษภาคม 2568 ผลิตได้ทั้งหมด 84,475 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 7.86 และตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 377,186 คัน เท่ากับร้อยละ 63.45 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 4.35 โดยแบ่งเป็น
- รถกระบะบรรทุก 60,453 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 04
- รถกระบะดับเบิลแค็บ 242,443 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 78
- รถกระบะ PPV 74,290 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 09
รถบรรทุกขนาดต่ำกว่า 5 ตัน - มากกว่า 10 ตัน เดือนพฤษภาคม 2568 ผลิตได้ 576 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 35.35 รวมเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2568 ผลิตได้ 3,657 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 64.94
ผลิตเพื่อส่งออก
เดือนพฤษภาคม 2568 ผลิตได้ 87,297 คัน เท่ากับร้อยละ 62.72 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 1.70 ส่วนเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 390,095 คัน เท่ากับร้อยละ 65.62 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 10.20
รถยนต์นั่ง เดือนพฤษภาคม 2568 ผลิตเพื่อการส่งออก 18,627 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 26.33 และตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 73,116 คัน เท่ากับร้อยละ 34.22 ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 42.82
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนพฤษภาคม 2568 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 68,670 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 8.10 และตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 316,979 คัน เท่ากับร้อยละ 84.04 ของยอดการผลิตรถกระบะ เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 3.41 โดยแบ่งเป็น
- รถกระบะบรรทุก 36,073 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 26
- รถกระบะดับเบิลแค็บ 221,633 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 70
- รถกระบะ PPV 59,273 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 55
ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ
เดือนพฤษภาคม 2568 ผลิตได้ 51,889 คัน เท่ากับร้อยละ 35.65 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 38.92 และเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2568 ผลิตได้ 204,397 คัน เท่ากับร้อยละ 37.28 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 2.91
รถยนต์นั่ง เดือนพฤษภาคม 2568 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 35,508 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 63.88 และตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 ผลิตได้ 140,533 คัน เท่ากับร้อยละ 65.78 ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.13
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนพฤษภาคม 2568 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 15,805 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 6.83 และตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 60,207 คัน เท่ากับร้อยละ 15.96 ของยอดการผลิตรถกระบะ และลดลงจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 31.42 ซึ่งแบ่งเป็น
- รถกระบะบรรทุก 24,380 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 23
- รถกระบะดับเบิลแค็บ 20,810 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 91
- รถกระบะ PPV 15,017 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2567 ร้อยละ64
รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนพฤษภาคม 2568 ไม่มีการผลิต รวมเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2568 ไม่มีการผลิต
รถบรรทุก เดือนพฤษภาคม 2568 ผลิตได้ 576 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 35.35 และตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 3,657 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 64.94
รถจักรยานยนต์
เดือนพฤษภาคม 2568 ผลิตรถจักรยานยนต์ได้ทั้งสิ้น 210,349 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 9.57 แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 177,309 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 5.42 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 33,040 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 38.94
ยอดการผลิตรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,064,381 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 5 โดยแยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 865,858 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 3.33 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 198,523 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 13
ยอดขาย
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนพฤษภาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 52,229 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2568 ร้อยละ 10.67 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 4.73 เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ต่อจากเดือนเมษายน 2568 จากการขายรถยนต์ไฟฟ้า BEV PHEV และรถยนต์นั่งเครื่องยนต์สันดาปภายในเพิ่มขึ้นร้อยละ 118.64 234.68 และ 3.19 ตามลำดับจากราคาที่จับต้องได้มากขึ้น แต่ยอดขายรถกระบะยังคงลดลงร้อยละ 24.84 จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจในประเทศที่ยังอ่อนแอจากการลงทุนภาคเอกชนที่ยังต่ำรวมทั้งค่าครองชีพที่สูงขึ้น อีกทั้งการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลงจากนักท่องเที่ยวจีนที่กังวลเรื่องความปลอดภัย กังวลเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ที่จะไม่ได้ใช้ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้จากปัญหาการเมืองที่ขัดแย้งกันซึ่งจะซ้ำเติมเศรษฐกิจของประเทศที่ทรุดอยู่แล้วทรุดลงมากขึ้นไปอีก
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 35,560 คัน เท่ากับร้อยละ 68.08 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 19.82
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 13,769 คัน เท่ากับร้อยละ36 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 3.19
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 11,188 คัน เท่ากับร้อยละ 42 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 118.64
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 743 คัน เท่ากับร้อยละ 42 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 234.68
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 9,860 คัน เท่ากับร้อยละ88 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 10.34
รถกระบะมีจำนวน 11,148 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 24.84 รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 86 ในปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถ PPV มีจำนวน 3,099 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 9.93 รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 1,178 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 7.97 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 1,158 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 8.17
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 164,654 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 24.79 แต่ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 0.41
ตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2568 รถยนต์มียอดขาย 252,615 คัน ลดลงจากปี 2567 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 2.98 แยกเป็น
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 162,748 คันเท่ากับร้อยละ 64.43 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 4.07
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 61,704 คัน เท่ากับร้อยละ43 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 11.84
- รถยนต์นั่งแหละรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 44,821 คัน เท่ากับร้อยละ74 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 59.23
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 4,447 คัน เท่ากับร้อยละ77 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 353.31
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 51,776 คัน เท่ากับร้อยละ50 ของยอดขายรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 9.58
รถกระบะมีจำนวน 62,467 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 17.27 รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 259 คัน ปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถ PPV มีจำนวน 15,365 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 5.48 รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 5,853 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 14.01 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 5,923 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนช่วงกันในปีที่แล้ว 9.54
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 751,848 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 1.60
การส่งออก
รถยนต์สำเร็จรูป
เดือนพฤษภาคม 2568 ส่งออกได้ 81,071 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วร้อยละ 23.34 แต่ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 9.20 ลดลงจากการหยุดผลิตรถยนต์นั่งบางรุ่นที่เลิกส่งออกไปสหรัฐอเมริกาและยุโรปจากการเข้มงวดเรื่องอุปกรณ์ช่วยเหลือในการขับ จึงไม่มีรถยนต์นั่งส่งออกไปในตลาดยุโรป แต่ส่งออกรถกระบะเพิ่มขึ้นตามจำนวนการผลิตรถกระบะส่งออกมากขึ้นในเดือนพฤษภา และส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลางด้วย รถยนต์ HEV ยังส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.48 การส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนยังคงมีความไม่แน่นอนทั้งภาษีนำเข้าของอเมริกา ความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจและการค้าโลกชะลอตัวลง
ส่วนการส่งออกเครื่องยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ อะไหล่รถยนต์เพิ่มขึ้นดังนี้
ประเภทรถยนต์ส่งออกเดือนพฤษภาคม 2568 แบ่งเป็น ดังนี้
- รถกระบะ 52,584 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 86 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 4.83
- รถยนต์นั่ง ICE 11,954 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 75 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567ร้อยละ 46.63
- รถยนต์นั่ง BEV ไม่มีการส่งออก
- รถยนต์นั่ง HEV 5,174 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 38 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 17.48
- รถ PPV 11,359 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 01 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 7.81
มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 55,163.36 ล้านบาท ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 12.54
- เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 3,135.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 90
- ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 15,753.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 27
- อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,380.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 74
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนพฤษภาคม 2568 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 76,432.16 ล้านบาท ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 8.74
เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2568 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 371,272 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 13.65 แบ่งเป็น
- รถกระบะ ICE 240,030 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 65 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 2.80
- รถยนต์นั่ง ICE 53,651 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 45 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 46.37
- รถยนต์นั่ง BEV 660 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 26 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก
- รถยนต์นั่ง HEV 22,214 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 98 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 6.75
- รถ PPV 54,717 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 74 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 7.53
มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 256,931.34 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 14.46 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 15,170.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 74
- ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 78,703.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 91
- อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 11,129.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 03
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2568 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 361,934.01 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 9.89
รถจักรยานยนต์
เดือนพฤษภาคม 2568 มีจำนวนส่งออก 67,056 คัน (รวม CBU + CKD) ลดลงจากเดือนเมษายน 2568 ร้อยละ 9.53 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 26.27 โดยมีมูลค่า 4,792.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 3.99
- ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 26.32
- อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 52 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 292.91
รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ เดือนพฤษภาคม 2568 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ 5,217.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 8.10
เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2568 รถจักรยานยนต์ มีจำนวนส่งออก 370,375 คัน (รวม CBU + CKD) เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 3 มีมูลค่า 26,653.58 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 6.76
- ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 67 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 10.32
- อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1,064.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ63
รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2568 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 28,617.24 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 5.59
เดือนพฤษภาคม 2568 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่น ๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 81,649.16 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 7.82
เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2568 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 390,551.25 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 9.58
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนพฤษภาคม 2568
เดือนพฤษภาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 13,935 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วร้อยละ 70.65 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 12,054 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม2567 ร้อยละ97
- รถยนต์นั่งจำนวน 11,827 คัน
- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 221 คัน
- รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 2 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 4 คัน
- รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 14 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ร้อยละ 40
- รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 1,843คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม2567 ร้อยละ57
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 1,843 คัน
- รถโดยสารมีทั้งสิ้น 3 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วร้อยละ 95
- รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 29 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วร้อยละ 16
เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 53,955 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤษภาคมปีที่แล้วร้อยละ 22.85 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 43,715 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม2567 ร้อยละ76
- รถยนต์นั่งจำนวน 42,916 คัน
- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 652 คัน
- รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 12 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 135 คัน
- รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 122 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 ร้อยละ 69
- รถยนต์สามล้อมีทั้งสิ้น 8คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม2567ร้อยละ31
- รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล 6 คัน
- รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน 2 คัน
- รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 9,948คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤษภาคม2567 ร้อยละ53
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 9,947 คัน
- รถจักรยานยนต์สาธารณะจำนวน 1 คัน
- รถโดยสารมีทั้งสิ้น 53 คัน ลดลงเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 ร้อยละ72
- รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 109 คัน ลดลงเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 ร้อยละ13
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนพฤษภาคม 2568
เดือนพฤษภาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 12,152 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วร้อยละ 12.63 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 12,044 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม2567 ร้อยละ26
- รถยนต์นั่งจำนวน 11,999 คัน
- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 3 คัน
- รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 26 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 15 คัน
- รถยนต์บริการให้เช่าจำนวน 1 คัน
- รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 108 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม2567 ร้อยละ80
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 108 คัน
เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 60,793 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤษภาคมปีที่แล้วร้อยละ 2.49 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 60,352 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม2567 ร้อยละ07
- รถยนต์นั่งจำนวน 60,167 คัน
- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 17 คัน
- รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 102 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 64 คัน
- รถยนต์บริการให้เช่าจำนวน 2 คัน
- รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 441 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม2567 ร้อยละ89
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 441 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนพฤษภาคม 2568
เดือนพฤษภาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 2,402 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วร้อยละ 241.19 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 2,402 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วร้อยละ19
- รถยนต์นั่งจำนวน 2,402 คัน
เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 9,822 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤษภาคมปีที่แล้วร้อยละ 142.34 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 9,822 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2567ร้อยละ34
- รถยนต์นั่งจำนวน 9,799 คัน
- รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 20 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 3 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2568
ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 280,600คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 60.05 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
- รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 202,803 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 18
- รถยนต์นั่งมีจำนวน 198,524 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 19
- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนมีจำนวน 3,159 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 53
- รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 217 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 79
- รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 182 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 52
- รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 3 คัน ซึ่งในช่วงเดียวกันไม่มีการจดทะเบียน
- รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 718 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ79
- รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 993 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 122.15
- รถยนต์ 3 ล้อมีจำนวนทั้งสิ้น 1,028 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 25
- รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลมีจำนวน 119 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 35
- รถยนต์รับจ้างสามล้อมีจำนวน 909 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 07
- รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 71,933 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 15
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 71,824 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 32
- รถจักรยานยนต์สาธารณะมีจำนวน 109 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ79
- อื่นๆ
- รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2,838 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 11
- รถบรรทุกมีจำนวนทั้งสิ้น 1,005 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 118
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2568
ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 529,549 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 31.59 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
- รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 519,891 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 21
- รถยนต์นั่งมีจำนวน 518,551 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 18
- รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ มีจำนวน 507 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 11
- รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 175 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ15
- รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 278 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ46
- รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 7 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 20
- รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 373 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 68
- รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2567
- รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 9,655 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 03
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 9,655 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 03
- อื่นๆ
- รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2 คัน ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2567
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2568
ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 72,920 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 25.83 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
- รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 72,920 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 83
- รถยนต์นั่งมีจำนวน 72,825 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 82
- รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คนมีจำนวน 1 คัน ในปี 2567 ยังไม่มีการจดทะเบียน
- รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 62 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 22
- รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 21 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 70
- รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 67
- รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 6 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 20