หวัง SET บรึ่นๆ ...ออกตัวตามเพื่อน
TOP PICK CPALL/ WHA / GULF

EXTERNAL FACTOR

• เช้าที่ผ่านมา ปธน. ทรัมป์ประกาศว่า อิหร่านและอิสราเอลตกลงหยุดยิง โดยจะเริ่มมีผลประมาณเที่ยงคืนตามเวลาในกรุงวอชิงตัน ซึ่งจะเป็นการยุติ “สงคราม 12 วัน”
• เป็นผลให้ RETURNS สินทรัพย์ต่างๆ พลิกกลับ โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นราว0.9% ถึง 1.1% สวนทางราคาน้ำมันดิบโลกร่วงลงแรงยืนต่ำกว่า 70 เหรียญฯ/บาเรล
• อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดตะวันออกกลางยังวางใจไม่ได้ และต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจทำให้ RETURNS สินทรัพย์ต่างๆ พลิกกลับทางอีกครั้ง โดยล่าสุดมีกระแสข่าวจาก สำนักข่าว FARS NEWS ของอิหร่าน รายงานคำประกาศหยุดยิงของทรัมป์เป็น “เท็จ” เพราะต้องการเบี่ยงเบนความสนใจถูกโจมตีฐานทัพในโดฮา

INTERNAL FACTOR
• วาระครม. 24มิ.ย.68 กระทรวงการคลัง เสนอ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน115,375 ล้านบาท ครอบคลุม 4 ด้านเศรษฐกิจซึ่งหากการเมืองไทยราบรื่น คาดทำ
ให้วาระ 2-3 ของการโหวตงบประมาณปี 69 น่าจะดำเนินต่อไปได้
• ค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่ในโซน 32.5 ถึง 32.7 บาท/เหรียญฯ ซึ่งจูงใจให้เม็ดเงินทยอยไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ซึ่งหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า อาทิ กลุ่มที่มีต้นทุน หรือหนี้สินสกุลเงินต่างประเทศ - กลุ่มที่เน้นการนำเข้า - กลุ่มที่ได้ประโยชน์หาก FUND FLOW ไหลเข้า เป็นต้น

INVESTMENT STRATEGY
• SET INDEX ที่ลงมาลึกกว่า -24.1 %(YTD) ทำให้หุ้นที่มี MARGIN สูงหลายๆ บริษัท เห็นการถูก FORCE SELLลงมาลึกในวานนี้ แต่วันนี้ตลาดหุ้นโลกมีการฟื้นตัว น่าจะช่วยหนุนความกังวลเรื่องนี้ลดลงได้บ้าง
• นอกจากนี้ไม่ได้แปลว่าหุ้นใหญ่ๆ ทุกบริษัทจะมีการใช้ MARGIN สูงเสมอ ซึ่งล่าสุดฝ่ายวิจัยฯ ทำการค้นหาหุ้นในSET100 พบว่า มีถึง 45 บริษัท ที่นักลงทุนมีการวาง MARGIN ซื้อหุ้นในสัดส่วนที่น้อยไม่ถึง 1% ของจำนวนหุ้นจดทะเบียน กลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว พร้อมกับนักลงทุนมีการวาง MARGIN ระดับต่ำ-> อาทิ หุ้นหวังสงครามสงบชั่วคราว CRC, AOT, CENTEL, BH, BDMS, MINT หุ้นรับค่าเงินบาทแข็งค่าGPSC, BGRIM หุ้นงบประมาณปี 69 มีโอกาสผ่าน TASCO, WHA

ศึกนอกคลายปมร้อน ???
เช้าที่ผ่านมา ปธน. ทรัมป์ประกาศว่า อิหร่านและอิสราเอลตกลงหยุดยิง โดยจะเริ่มมีผลประมาณเที่ยงคืนตามเวลาในกรุงวอชิงตัน ทั้งสองประเทศจะค่อย ๆ ลดระดับปฏิบัติการทางทหารลง และสงครามจะจบลงภายในเวลา 24 ชั่วโมงซึ่งจะเป็นการยุติ “สงคราม 12 วัน” หลังอิหร่านโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ แต่ไม่มีอันตรายและคาดว่าจะเป็นการตอบโต้ในเชิงสัญลักษณ์

เป็นผลให้ RETURNS สินทรัพย์ต่างๆ พลิกกลับ โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นราว 0.9% ถึง 1.1% สวนทางราคาน้ำมันดิบโลกร่วงลงแรงเกิน 7% ล่าสุดยืนต่ำกว่า 70 เหรียญฯ/บาเรล สะท้อนมุมมองที่มีต่อความตึงเครียดตะวันออกกลางที่ผ่อนลง สอดคล้องกับฉากทัศน์ของ BLOOMBERG ที่คาดไว้ว่าการตอบโต้แบบควบคุมได้ บวกกับผลักดันให้เกิดการหยุดยิง อาจกดดันให้ราคาน้ำมันลดลงสู่ระดับก่อนสงครามที่ประมาณ $65

ด้านผลสำรวจ POLYMARKET คาดว่ามีความน่าจะเป็นแค่ 17% (เคยทำจุดพีคที่ 60%) ที่อิหร่านจะปิดช่องแคบHORMUZ ขณะที่เส้นทางการส่งออกน้ำมันผ่านช่องแคบ HORMUZ อยู่ในฝั่งเอเชียเป็นหลัก นำโดย “จีน” สัดส่วนราว 38% ซึ่งเป็นพันธมิตรของอิหร่าน ส่วน “สหรัฐฯ”มีสัดส่วนส่งออกเพียง 3% ทำให้การตอบโต้ผ่านการปิดช่อง
แคบ HORMUZ อาจไม่ได้สงผลกระทบต่อสหรัฐฯ โดยตรง

***อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดตะวันออกกลางยังวางใจไม่ได้ และต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจทำให้RETURNS สินทรัพย์ต่างๆ พลิกกลับทางอีกครั้ง โดยล่าสุดมีกระแสข่าวจาก สำนักข่าว FARS NEWS ของอิหร่านรายงานคำประกาศหยุดยิงของทรัมป์เป็น “เท็จ” เพราะต้องการเบี่ยงเบนความสนใจถูกโจมตีฐานทัพในโดฮา***

แม้ปัจจัยต่างๆยังไม่ชัดเจน แต่เงินบาทแข็งค่า จาก DOLLAR อ่อน
แม้ปัจจัยกดดัน SET ยังมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเด็น เริ่มจาก 1.ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา จะยังคงรุนแรง โดยกองทัพไทย สั่งปิดทุกด่านตลอดแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา 6 จังหวัด ขณะที่ฝั่งนายกฯกัมพูชาเผยยังไม่จำเป็นต้องมีประเทศคนกลางมาช่วยไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชายแดนกับไทย 2.ศาลรัฐธรรมนูญนัด 1 ก.ค.68 ลุ้นพิจารณารับ-ไม่รับคำร้องถอดถอนนายกฯ พร้อมสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ซึ่งทั้ง 2 ประเด็นต้องติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด

ขณะที่การเมืองไทยเริ่มเห็นแสงสว่าง หลังนายกฯไทยประกาศไม่ลาออก-ไม่ยุบสภา ขอเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆต่อไป และมีโผ ครม.ล่าสุดของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ไม่มีพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อยแล้ว(ดังรูปด้านล่าง) ซึ่งวาระครม. 24มิ.ย.68 กระทรวงการคลัง เสนอ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 115,375 ล้านบาท ครอบคลุม 4 ด้านเศรษฐกิจ

• ด้านโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 85,000 ล้านบาท
• ด้านลดผลกระทบส่งออก/ผลิตภาพ วงเงิน 11,122 ล้านบาท
• ด้านการท่องเที่ยว วงเงิน 10,053 ล้านบาท (รวมโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง)
• ด้านเศรษฐกิจชุมชน และอื่น ๆ วงเงิน 9,201 ล้านบาท

ซึ่งหากการเมืองไทยราบรื่น คาดทำให้วาระ 2-3 ของการโหวตงบประมาณปี 69 น่าจะดำเนินต่อไปได้ อีกทั้งภาวะปัจจุบันที่ค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่ในโซน 32.5 ถึง 32.7 บาท/เหรียญฯ ซึ่งจูงใจให้เม็ดเงินทยอยไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากขึ้นเพื่อหวังผลกำไรระยะกลาง-ยาว ซึ่งหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า อาทิ กลุ่มที่มีต้นทุน หรือหนี้สินสกุลเงินต่างประเทศ GULF, BGRIM, GPSC, PTTEP กลุ่มที่เน้นการนำเข้า TFG, TVO, SAT, STANLY และกลุ่มที่ได้ประโยชน์หาก FUND FLOW ไหลเข้า KBANK, SCB, BBL, KTB, AOT, PTT, PTTGC, IVL, SCC เป็นต้น

หาหุ้นพื้นฐาน หลบ MARGIN CALL
SET INDEX ที่ลงมาลึกกว่า -24.1%(YTD) จนวานนี้ราคาปิดทำจุดต่ำสุดของปีที่ 1062.78 จุด มีส่วนส่งผลให้หุ้นที่มี MARGIN สูงหลายๆ บริษัท เห็นการถูก FORCE SELL ลงมาลึกในวานนี้ แต่วันนี้ตลาดหุ้นโลกมีการฟื้นตัว น่าจะช่วยหนุนความกังวลเรื่องนี้ลดลงได้บ้าง

นอกจากนี้ไม่ได้แปลว่าหุ้นใหญ่ๆ ทุกบริษัทจะมีการใช้ MARGIN สูงเสมอ ซึ่งล่าสุดฝ่ายวิจัยฯ ทำการค้นหาหุ้นในSET100 พบว่า มีถึง 45 บริษัท ที่นักลงทุนมีการวาง MARGIN ซื้อหุ้นในสัดส่วนที่น้อยไม่ถึง 1% ของจำนวนหุ้นจดทะเบียน

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว พร้อมกับนักลงทุนมีการวาง MARGIN ระดับต่ำไม่ถึง 1% ของจำนวนหุ้นจดทะเบียน -> อาทิ หุ้นหวังสงครามสงบชั่วคราว CRC, AOT, CENTEL, BH, BDMS, MINT หุ้นรับค่าเงินบาทแข็งค่า GPSC, BGRIM หุ้นงบประมาณปี 69 มีโอกาสผ่าน TASCO, WHA

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์