สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(20 มิถุนายน 2568)---------------ประเด็นสำคัญ:
ในปี 2568 องค์กรของไทยยังเดินหน้าเรื่องการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล เกือบครึ่งอยู่ในระยะ 'Doing Digital'
ผลสำเร็จหลัก ๆ ได้แก่ เพิ่มผลิตภาพ ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า และลดต้นทุน ขณะที่ความท้าทายสำคัญ คือ การขาดทักษะและความเชี่ยวชาญ ขาดงบประมาณและทรัพยากร และการยึดติดกับระบบไอทีเดิม
องค์กรไทยตื่นตัวต่อการใช้ GenAI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และยกระดับคุณภาพ แต่ยังตามหลังค่าเฉลี่ยโลก
ความท้าทายสำคัญในการใช้ GenAI 3 อันดับแรก ได้แก่ ความพร้อมด้านบุคลากร การขาด กลยุทธ์ที่ชัดเจน และการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม
กรุงเทพฯ 19 มิถุนายน 2568 – องค์กรธุรกิจไทยยังคงเดินหน้านำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลสำรวจ Deloitte Thailand Digital Transformation Survey 2025 โดยดีลอยท์ ประเทศไทย ที่จัดทำต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ระบุว่า องค์กรไทยเริ่มผสานดิจิทัลสู่ธุรกิจหลักมากขึ้น แม้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลอย่างรวดเร็ว การปรับตัวยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อความอยู่รอดและความสามารถในการแข่งขันขององค์กร นอกจากนี้ ยังมีการนำ Generative AI (GenAI) มาใช้อย่าง
แพร่หลายมากขึ้น
การเดินหน้าเรื่องเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลขององค์กรไทย
ในปี 2568 สถานะขององค์กรไทยในเรื่องการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล ยังคงใกล้เคียงกับผลสำรวจของปีที่ผ่านมา โดยองค์กร ที่อยู่ในระยะ 'Doing Digital' มีสัดส่วนมากที่สุดที่ร้อยละ 44 ตามด้วยระยะ 'Becoming Digital' ที่ร้อยละ 28 และระยะ 'Being Digital' ที่ร้อยละ 15 ขณะที่กลุ่ม 'Exploring Digital' กับ 'Digital Laggard' เป็นส่วนน้อยที่ร้อยละ 10 และร้อยละ 3 ตามลำดับ เหล่านี้สะท้อนถึงการวางกลยุทธ์ที่สมดุลและระมัดระวังมากขึ้น และองค์กรไทยไม่ได้มองว่าการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลเป็นเรื่องการทดลองการใช้เทคโนโลยีต่อไป แต่กำลังผสานเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจหลักอย่างเต็มรูปแบบ และมุ่งสู่ผลลัพธ์ที่จับต้องได้มากขึ้น
สำหรับผลลัพธ์ของการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลที่องค์กรไทยประสบความสำเร็จสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ การเพิ่มผลิตภาพการทำงานของพนักงาน (ร้อยละ 67) การยกระดับประสบการณ์ลูกค้า (ร้อยละ 61) และการลดต้นทุน (ร้อยละ 58) สะท้อนถึงการลงทุนที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ขณะที่องค์กรที่มีความพร้อมด้านดิจิทัลสูง มีแนวโน้มการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ความท้าทายสำคัญยังคงครอบคลุม 3 ด้านหลัก ได้แก่ การขาดทักษะและความเชี่ยวชาญ (ร้อยละ 35) การขาดงบประมาณและทรัพยากร (ร้อยละ 34) และการยึดติดกับระบบไอทีเดิม (ร้อยละ 31) ซึ่งมาแทนประเด็นความไม่พร้อมด้านวัฒนธรรมทางดิจิทัลในปีที่แล้ว
การลงทุนด้านเทคโนโลยีในองค์กร และการปรับใช้ GenAI
องค์กรไทยยังคงให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีพื้นฐาน เช่น เว็บไซต์แบบดั้งเดิม (ร้อยละ 44) คลาวด์ (ร้อยละ 65) และแอปพลิเคชันมือถือ (ร้อยละ 57) ขณะที่ Data Analytics เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่ได้รับความสนใจมากที่สุด (ร้อยละ 70) ขณะที่องค์กรขนาดใหญ่มีแนวโน้มกระจายการลงทุนไปยังเทคโนโลยี AI, Augmented Reality/Virtual Reality (AR/VR), หุ่นยนต์, Internet of Things (IoT) และบล็อคเชน (Blockchain)
อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีที่น่าจับตามองที่สุดในปีนี้ คือ GenAI ที่ทุกองค์กรไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ต่างตื่นตัวและมีการนำไปใช้อย่างมีนัยสำคัญ ผลสำรวจพบว่า องค์กรที่อยู่ในกลุ่ม 'Being Digital' มีแนวโน้มใช้ Data Analytic มากกว่ากลุ่ม 'Digital Laggard' ถึง 2 เท่า และใช้ AI มากกว่าถึง 5 เท่า
ในภาพรวมองค์กรไทยจะตื่นตัว แต่ผู้นำขององค์กรในไทยยังประเมินระดับความเชี่ยวชาญด้าน GenAI ของตนเองต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก โดยมีเพียงร้อยละ 5 ที่มองว่าตนมีความเชี่ยวชาญในระดับ "สูงถึงสูงมาก" เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยโลกที่ร้อยละ 44 โดยอุตสาหกรรมที่นำหน้าในการใช้ GenAI ได้แก่ เทคโนโลยีสารสนเทศ สื่อและโทรคมนาคม และบริการทางการเงิน
มุมมองต่อ GenAI และการใช้งานภายในองค์กร
ผู้บริหารระดับสูงมีมุมมองต่อ Gen AI ที่แตกต่างกัน โดยกลุ่มกรรมการบริษัท และ CEO เกือบร้อยละ 60 เห็นว่ายังให้ความสนใจด้าน GenAI ไม่เพียงพอ ขณะที่ผู้บริหารสายเทคโนโลยี (CIO/CTO) มากกว่าร้อยละ 80 เชื่อว่าตนให้ความสำคัญในระดับที่เหมาะสมแล้ว ช่องว่างนี้อาจส่งผลต่อความเร็วในการปรับตัวและการขับเคลื่อนองค์กร
โดยแผนกที่มีการนำ GenAI มาใช้มากที่สุดในองค์กร ได้แก่ แผนกไอทีและความปลอดภัยทางไซเบอร์ และแผนกการตลาด การขายและการบริการลูกค้า โดยการใช้งาน GenAI 5 อันดับแรก ได้แก่ การสืบค้นข้อมูล (ร้อยละ 68) การสรุปเนื้อหาเอกสาร การประชุม และข่าว (ร้อยละ 54) การผลิตคอนเทนต์ประเภทข้อความ ภาพ เสียง และวิดีทัศน์ (ร้อยละ 50) การแปลภาษา (ร้อยละ 48) และการใช้เป็นผู้ช่วยเสมือนหรือแชทบอท (ร้อยละ 45)
ความท้าทายในการนำ GenAI ไปใช้
ความท้าทายที่สำคัญของการนำ GenAI ไปใช้ 3 อันดับแรก ได้แก่ ความพร้อมด้านบุคลากร (ร้อยละ 63) การขาดกลยุทธ์ที่ชัดเจน (ร้อยละ 32) และการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม (ร้อยละ 24) ดังนั้นการวางกลยุทธ์ภาพรวมและการวางแผนพัฒนาบุคลากรจึงเป็นสิ่งที่องค์กรต้องให้ความสำคัญ
ซันเยห่ สัจเดว ผู้อำนวยการ แผนก Technology & Transformation ดีลอยท์ ประเทศไทย กล่าวว่า "ปัจจุบัน หลายองค์กรมีการนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนองค์กรด้วยการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล หรือแม้กระทั่งการนำ GenAI มาปรับใช้ในองค์กรนั้น ผู้บริหารไม่สามารถมองเพียงมิติของเทคโนโลยีอย่างเดียวได้ แต่ควรต้องมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนและสอดคล้องกับทิศทางขององค์กรตั้งแต่ต้น การลงทุนด้วยความเข้าใจจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่จับต้องได้ในเชิงธุรกิจอย่างแท้จริง"
ดร.นเรนทร์ ชุติจิรวงศ์ ผู้อำนวยการบริหาร แผนก Growth ดีลอยท์ ประเทศไทย กล่าวว่า "จากการเก็บข้อมูลผู้บริหารอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ทำให้เราตระหนักได้ว่า เพื่อยกระดับโดยรวม องค์กรควรมองการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลเป็นการเดินทาง (Journey) ไม่ใช่โครงการครั้งเดียวจบ (One-time project) ทั้งนี้ การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลจะสำเร็จได้เมื่อทุกส่วนในระบบนิเวศธุรกิจ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร มีความเข้าใจในธุรกิจและก้าวเดินไปในทิศทางเดียวกัน"