Today’s NEWS FEED

News Feed

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ ภาคการท่องเที่ยวไทย แรงส่งเศรษฐกิจที่เริ่มแผ่ว ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขทั้งปีนี้มาที่ 34.5 ล้านคน หดตัว 2.8% จากปีก่อน

98

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 17 มิถุนายน 2568 )-----ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยที่ลดลง YoY ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม 2568 และเสี่ยงจะติดลบในช่วงที่เหลือของปี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงปรับลดคาดการณ์ตัวเลขทั้งปีนี้มาที่ 34.5 ล้านคน หดตัว 2.8% จากปีก่อน และการกลับสู่ระดับก่อนโควิดที่เกือบ 40 ล้านคน ดูจะเป็นเรื่องที่ท้าทายมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ค่าใช้จ่ายต่อทริปเฉลี่ยที่ยังต่ำหรือคาดจะอยู่ที่ไม่ถึง 5 หมื่นบาท ก็นำมาสู่ประเด็นคำถามที่ว่า ภาคการท่องเที่ยวของไทย จะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจอยู่หรือไม่?

 


ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การท่องเที่ยวยังมีบทบาทสำคัญ สะท้อนจากรายได้สุทธิการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะยังเป็นบวก แต่แรงหนุนต่อเศรษฐกิจในช่วงข้างหน้า เสี่ยงจะลดน้อยลง เนื่องจาก 1. รายได้ตลาดต่างชาติเที่ยวไทยเผชิญการแข่งขันสูง 2. คนไทยยังเที่ยวต่างประเทศต่อเนื่อง และ 3. แม้คนไทยจะเที่ยวในประเทศด้วยแต่ก็ใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น

1. รายได้ตลาดต่างชาติเที่ยวไทยเผชิญการแข่งขันสูง นักท่องเที่ยวเปรียบเทียบความคุ้มค่าของการมาไทยกับประเทศอื่นอย่างเช่นเวียดนาม หรือแม้แต่ญี่ปุ่นมากขึ้น ซึ่งเงินบาทที่มีทิศทางแข็งค่า โดยเฉพาะหากเทียบกับประเทศต้นทางของนักท่องเที่ยวและประเทศปลายทางที่เป็นทางเลือกอื่น แม้อัตราแลกเปลี่ยนไม่ใช่เหตุผลหลักในการตัดสินใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีผลต่อการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว ขณะที่ ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืนของที่พักทั่วประเทศมีทิศทางที่ฟื้นตัวและสูงกว่าระดับก่อนโควิดแล้ว (รูปที่ 2)

 


2. คนไทยเที่ยวต่างประเทศต่อเนื่องและค่าใช้จ่ายยังเพิ่มจากปีก่อน โดยการเดินทางต่างประเทศทำได้ง่ายขึ้นมากหากเทียบกับอดีต และผู้ประกอบการออกแคมเปญกระตุ้นตลาด อีกทั้งคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการเที่ยวต่างประเทศเพราะมองว่าเป็นการสร้างประสบการณ์และใช้เวลากับเพื่อน/ครอบครัว ทั้งปี 2568 คาดคนไทยเที่ยวต่างประเทศใกล้เคียงกับปีก่อน โดยคนไทยเที่ยวบางประเทศเพิ่มขึ้นมาก เช่น ญี่ปุ่น และจีน ส่วนค่าใช้จ่ายคนไทยเที่ยวต่างประเทศน่าจะยังเพิ่มขึ้น (รูปที่ 3)

 

 


3. คนไทยเที่ยวในประเทศเพิ่มเช่นกันแต่ใช้จ่ายระวังขึ้น โดยคาดว่าค่าใช้จ่ายต่อทริปของนักท่องเที่ยวไทยอาจไม่เพิ่ม (รูปที่ 4) เนื่องจากสถานการณ์รายได้ที่ไม่แน่นอน ค่าครองชีพสูง รวมถึงในช่วงครึ่งปีหลังภาครัฐช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนผ่านโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง

 

3 ปัจจัยข้างต้น ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า แม้ในปี 2568 รายได้สุทธิการท่องเที่ยว (รายได้ชาวต่างชาติเที่ยวไทยรวมกับรายได้คนไทยเที่ยวในประเทศ หักลบด้วยค่าใช้จ่ายคนไทยเที่ยวต่างประเทศ) ยังคาดว่าจะเป็นบวกและจะยังเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญต่อเศรษฐกิจ แต่แรงบวกเริ่มจะลดน้อยลง โดยปี 2568 คาดรายได้สุทธิการท่องเที่ยวอยู่ที่ 2.38 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีก่อน ยิ่งหากไปข้างหน้า ความสามารถในการแข่งขันของการท่องเที่ยวไทยไม่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 


หากจะให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นกลับมาและหนุนเศรษฐกิจไทย ควรทำอย่างไร?
ในระยะเฉพาะหน้า เรามองว่า การเร่งพลิกฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวให้กลับมาโดยเร็ว เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งต้องอาศัยการกวดขันกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ใส่ใจดูแลประสบการณ์นักท่องเที่ยวตลอดทริป (Journey) โดยความร่วมมือของผู้ประกอบการตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ ต่อยอดจากที่ล่าสุดทางการสหรัฐฯเพิ่งปรับคำแนะนำการเดินทางให้ไทยอยู่ในระดับปลอดภัยสูงสุด

และนอกจากการกระตุ้นตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศผ่านโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งในช่วงครึ่งปีหลังแล้ว ภาครัฐควรมีแผนในการกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติหลักด้วยรูปแบบที่แตกต่างกัน ได้แก่

1. กลุ่มวันพักสั้น แต่ใช้จ่ายต่อวันสูง เช่น จีน สิงคโปร์ รวมถึงเอเชียแปซิฟิกอื่นๆ (แม้ใช้จ่ายต่อวันน้อยกว่าจีนและสิงคโปร์ แต่ด้วยระยะทางที่ใกล้ ทำให้การตัดสินใจมาไทยน่าจะไม่ยาก) โดยไทยอาจทำการตลาดผ่านกระแสที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ให้ความสนใจ (เช่น อาร์ตทอยต่างๆ หมีเนย สายมู เป็นต้น) รวมถึงการเตรียมต้อนรับการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ในช่วงปลายปีนี้

2. กลุ่มวันพักนาน แต่ใช้จ่ายต่อวันไม่มาก เช่น ยุโรป อเมริกา รับไฮซีซั่นช่วงไตรมาสสุดท้ายต่อเนื่องถึงต้นปีถัดไป ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ชื่นชอบธรรมชาติและนิยมสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์

3. กลุ่มวันพักนาน และใช้จ่ายต่อวันสูง เช่น ตะวันออกกลาง แม้เหตุการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง (อิสราเอล-อิหร่าน) คงเพิ่มอุปสรรคในการเดินทางท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ แต่กลุ่มนี้เป็นตลาดศักยภาพที่ไทยควรเพิ่มสัดส่วนให้มากขึ้น ผ่านการชูจุดแข็งด้านทรัพยากรธรรมชาติ การช้อปปิ้ง และการรักษาพยาบาล

 

สำหรับระยะถัดๆ ไป ทุกภาคส่วนคงต้องสนับสนุนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากการพักผ่อนมากขึ้น อาทิ กลุ่มนักธุรกิจและ Digital Nomads หลังจากที่ไทยครองอันดับ 1 ในอาเซียนในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติปี 2567 โดยมีกรุงเทพฯและอีกหลายเมืองที่ได้รับการจัดอันดับ อีกทั้ง กรุงเทพฯ ยังเป็นเมืองที่ดีที่สุดสำหรับการทำงานทางไกลในปี 2568 ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพานักท่องเที่ยวกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากเกินไป จากปัจจุบันที่กว่า 95% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่มาไทย ยังเป็นไปเพื่อการพักผ่อน หากเทียบกับสิงคโปร์ สัดส่วนการเดินทางเพื่อการพักผ่อนและธุรกิจจะอยู่ที่ประมาณ 85:15 แม้จำนวนนักท่องเที่ยวรวมที่ไปสิงคโปร์จะยังน้อยกว่าที่มาไทย

ขณะเดียวกัน การเติมเต็ม Ecosystem เพื่อมุ่งสู่การท่องเที่ยวมูลค่าเพิ่มสูง ก็เป็นแนวทางที่ควรดำเนินการทันที ไม่ว่าจะเป็น Gastronomy Tourism, Medical Tourism, Wellness Tourism, Sustainable Tourism เป็นต้น เนื่องจากการใช้จ่ายต่อทริปของตลาดท่องเที่ยวเหล่านี้ถูกประเมินว่าจะมากกว่าปกติไม่ต่ำกว่า 20-30%

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ความเสี่ยงคลุมหุ้นไทย By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เป็นปัจจัยความเสี่ยง ทั้งในและนอกประเทศ ปกคลุมตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นไทย จังหวะเด้ง .....

กังวล By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม นักลงทุน ยังคงมีความกังวลใจต่อ สถานการณ์ตะวันออกลาง จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เพิ่มเติมใหม่หรือไม่ ....

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้