ภาวะตลาด : SET Index วานนี้ปิดขยับขึ้นเล็กน้อย +2.42 จุดที่ 1141.58 มูลค่าซื้อขายต่ำที่ 2.6 หมื่นลบ. ปัจจัยหนุน คือ ความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน แต่ก็มีปัจจัยกังวลกดดัน คือ ความซบเซาของเศรษฐกิจไทยและมีปัจจัยการเมืองที่ไม่แน่นอน รวมถึงแรงขายหุ้นไฟแนนซ์ที่เกิดจากความวิตกแนวโน้ม NPL และการที่สินเชื่อเช่าซื้อและลิสซิ่งต้องไปอยู่ภายใต้การกำกับของธปท. การปล่อยสินเชื่อจะทำได้ยากขึ้น นักลงทุนสถาบันในปท.และต่างชาติซื้อขายสุทธิไม่มาก

ปัจจัยต่างประเทศ
• สหรัฐ-จีนบรรลุข้อตกลงแต่ยังต้องรอดูรายละเอียด ทรัมป์ระบุจีนจะจัดส่งแร่ธาตุหายากให้สหรัฐ ขณะที่สหรัฐจะผ่อนคลายการควบคุมการขายเทคโนโลยีให้จีนและให้นักเรียนจีนเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย แต่ยังไม่มีรายละเอียด รวมถึงข้อตกลงดังกล่าวยังต้องผ่านการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากปธน.ทรัปม์และปธน.สี จิ้น ผิง
• รัฐบาลสหรัฐจะส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีฝ่ายเดียว (Unilateral Tariff Rate) ให้ปท.คู่ค้าภายใน 1-2 สัปดาห์ ก่อนหมดระยะเวลาผ่อนปรน 90 วันในวันที่ 8 ก.ค.นี้
• สหรัฐ: เงินเฟ้อเดือนพ.ค.ต่ำกว่าตลาดคาด โดย Headline CPI เพิ่มขึ้น 2.4%YoY/0.1%MoM (จากที่ตลาดคาด 2.3%/0.2%) ส่วน Core CPI เพิ่ม 2.8%YoY,0.1%MoM (ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 2.9%/0.3%)…ตลาดประเมินว่าเฟดจะคงดบ.ไว้ที่ 4.25-4.50% ในการประชุม 17-18 มิ.ย.นี้ และจะลดดบ. 0.25% ในเดือนก.ย. 25 เป็น 4.00-4.25% และลดอีก 0.25% เป็น 3.75-4.00% ในเดือนธ.ค.25
• ราคาน้ำมันดิบ WTI & BRENT พุ่งขึ้น 4-5% เป็น 68-70 US$/bbl จากวิตกสถานการณ์ในตะวันออกกลาง...เป็น Sentiment บวกกับ PTTEP, PTT และโรงกลั่น (ที่จะมีขาดทุนสต๊อกใน 2Q25 น้อยลงขณะที่ค่าการกลั่นและสเปรดอะโรเมติกส์ดีขึ้น QoQ) หุ้นที่ได้อานิสงค์มากเป็น PTTTP, BCP, SPRC, SCC
• ตลาดหุ้นสหรัฐพลิกเป็นลบในระดับปิด เพราะกังวลอิหร่านจะโจมตีฐานทัพสหรัฐในตะวันออกกลาง สัญญาทองคาส่งมอบส.ค. ทรงตัวที่ 3343.70 US$/ออนซ์ ดัชนีค่าเงิน US$ อ่อนเป็น 98.44 ด้านเงินบาทแข็งสู่ 32.51 บาท/ดอลลาร์ ด้าน US bond yield 10 ปีลดเป็น 4.40% ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ขยับขึ้นเป็น 104.45 (สูงสุด 149) ดัชนี Baltic Dry Index พุ่งทา New high ที่ 1738...เป็น Sentiment บวกกับ PSL, TTA

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
• SSO อนุมัติอัตราค่ารักษา High-cost-care ที่ 12,000 บาทช่วงมิ.ย.-ธ.ค.25...นับเป็นข่าวบวกกับโรงพยาบาลที่มีคนไข้ประกันสังคมเป็นสัดส่วนสูง คือ RJH, BCH, CHG ซึ่งใน 1Q25 มีรายได้จากคนไข้ประกันสังคมคิดเป็น 63%, 35%, 30% ของรายได้รวม
• ซื้อกองทุน Thai ESGX และสับเปลี่ยน LTF เป็น Thai ESGX เพื่อลดหย่อนภาษีได้ถึง 30 มิ.ย.นี้ ซึ่งหุ้น Big cap ที่มี SET ESG Ratings เป็น AAA ที่คาดว่าจะได้อานิสงค์ได้แก่ PTT, GULF, CPALL, KBANK, KTB, BBL, TTB, CPF, CPN, SCC เป็นต้น ส่วนที่ Ratings เป็น AA ได้แก่ ADVANC, SCB, MINT เป็นต้น
• ติดตามสถานการณ์การเมืองไทยที่ยังเป็น Overhang ทั้งการปรับครม., การเจรจาแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาในวันที่ 14 มิ.ย.นี้, การไต่สวนทักษิณ-ผู้ที่เกี่ยวข้องปมรักษาตัวชั้น 14 ร.พ.ตำรวจ ซึ่งวันที่ 13 มิ.ย.นี้ทนายความจะเป็นตัวแทนไปศาลฏีกา และศาลฯอนุญาตให้ขยายเวลาส่งคำชี้แจงออกไปถึง 23 มิ.ย.
• คิง พาวเวอร์ (KP) ประกาศแต่งตั้ง นายนิตินัย (อดีตปธ.เจ้าหน้าที่บริหาร AOT) เป็น CEO คนใหม่ มีผล 4 มิ.ย.25...เรามีมุมมองค่อนไปทางลบ โดยคาดว่า CEO คนใหม่น่าจะดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ของ KP ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางลบต่อ AOT ได้

กลุยทธ์ : สัญญาณทางเทคนิคของดัชนีดีขึ้นบ้าง แต่ก็ยังเป็นลบเพราะยังคงอยุ่ใต้เส้น SMA10 ระยะสั้นมีแนวรับ 1140, 1135-1130, 1120 กรณีเด้งขึ้นมีแนวต้าน 1145, 1150-1160 (ถ้าไม่ถึงหรือถึงแล้วยืนเหนือ 1160 ไม่ได้ให้ขายก่อน ถ้ายืนเหนือ 1160 ได้ ถือต่อ) ส่วนการลงทุนระยะยะกลาง-ยาว แนะเลือกสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่ Valuation ไม่แพง จ่ายปันผลดี สม่ำเสมอ โดยหุ้นเด่นของเดือนมิ.ย.25 ประกอบด้วย ADVANC, CPALL, KTB, PR9 และ STECON

หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้ : BCH – คาดกำไรไตรมาส 2/25 เติบโต YoY จากรายได้คนไข้ประกันสังคมเพิ่มขึ้น และไม่มีกลับรายการรายได้ SSO ซึ่งเกิดขึ้นในไตรมาส 2/24 จำนวน 81 ล้านบาท คาดกำไรทั้งปี 68 โต +25% ทั้งจากรายได้เพิ่ม ไม่มีกลับรายการ SSO และผลขาดทุน ร.พ.ใหม่ลดลง แนะนำ ซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 19 บาท

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829